พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 29.1 : ห้ามถอดเด็ดขาด

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 29.1 : ห้ามถอดเด็ดขาด

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“เมฆ” เสียงของยังเชนเรียกสติของล่องเมฆให้กลับคืนมาอยู่ตรงหน้า “ว่ายังไง ทำไมถึงถอดหมวกออก”

“หมวกนั่นควบคุมผมเกินไป ผมอึดอัด”

ล่องเมฆตัดสินใจบอกตามตรง ตอนแรกๆ ที่สวมก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอสวมนานไปล่องเมฆรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นนักโทษ

นักโทษยังดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะถูกคุมขังเพียงแค่ร่างกาย แต่ยังสามารถจินตนาการ นึกคิดล่องลอยไปไหนต่อไหนได้ ทว่าหมวกโทจัพใบนี้ กลับควบคุมไปเสียหมดทุกอย่าง ทั้งความคิด จินตนาการ ความสามารถเรียกลมเรียกฝน เลยไปกระทั่งถึงความฝัน!

“ตลอดเวลาที่สวมหมวกใบนี้ ผมไม่ฝันอะไรเลย ติดต่อลมก็ไม่ได้”

“หมวกโทจัพมีพลังอำนาจมากกว่าที่คุณคิด” น้ำเสียงของยังเชนติดจะภูมิใจ เธอได้หมวกใบนี้มาจากวิหารเก่าแก่ของซัมเซ

หลายปีก่อนเธอเกิด อาของเธอเล่าว่าวิหารแห่งนั้นเคยเกิดไฟไหม้ใหญ่ ทำลายอาคารสถานที่ และโบราณวัตถุที่สำคัญไปเป็นจำนวนมาก เหลืออยู่แค่ทังกาเก่าแก่ผืนหนึ่งและหมวกโทจัพที่มีอายุหลายร้อยปี

ผ้าผืนนั้นถูกเปลวไฟทำให้ลวดลายบางส่วนเสียหายไป ถ้าย่าของเธอไม่ฝ่ากองไฟเข้าไปนำออกมา ‘พยับฟ้าโพยมดิน’ คงจะสูญสิ้นไปพร้อมกับวิหารทั้งหมดแล้ว

ส่วนโทจัพใบนั้น…ไม่มีใครรู้ว่ามันรอดจากเพลิงไหม้มาได้อย่างไร

หลังจากที่ไฟมอดดับลง ท่านครุที่เป็นเจ้าอาวาสพบว่าหมวกทรงสูงสีดำสนิท ปักลวดลายทองคำรูปมังกร วางเรียบร้อยอยู่ที่แท่นบูชาหน้าวิหาร

…ชาวบ้านเชื่อกันว่าหมวกโทจัพ หนีไฟออกมาด้วยตัวของมันเอง…

ท่านครุรินโปเชก็เชื่อว่าหมวกใบนี้มีอำนาจวิเศษ มีข้อมูลส่งต่อมาจากเจ้าอาวาสรุ่นสู่รุ่น บอกว่ามันสามารถควบคุมความคิดและจิตใจของผู้คนได้

“ไม่ต้องสวมได้ไหม” ล่องเมฆต่อรอง

“ไม่…ฉันยอมให้เราเสี่ยงไม่ได้” ยังเชนเม้มริมฝีปากแน่น

ก่อนตาย พ่อของเธอเคยสั่งกับทุกคนในครอบครัวเอาไว้ด้วยซ้ำว่า อย่าปล่อยให้คนที่รู้ความลับ..รอดชีวิตไปได้…

แต่เพราะเธอรักเขา

เธอจึงยอมปล่อยให้ล่องเมฆยังมีชีวิตอยู่

หมวกโทจัพเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ล่องเมฆเก็บความลับเรื่องนั้นเอาไว้ได้

“ผมเข้าใจ” ล่องเมฆถอนใจ “แต่เราจะหาทางออกแบบอื่นไม่ได้หรือ คุณไม่มีทางห้ามผู้คนเดินทางเข้ามาถึงหุบเขาเลือดมังกรได้หรอกนะ โลกปัจจุบันเป็นโลกเทคโนโลยี มีอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ มากมายที่สามารถค้นหา ดาวเทียมที่ส่องสแกนผิวโลกได้ทุกตารางนิ้ว อีกไม่นานความลับที่พวกคุณพยายามเก็บเอาไว้ จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป”

“รอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไข” บทจะดื้อ ยังเชนก็ดื้อได้ถึงที่สุดเหมือนกัน “แต่วันนี้ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่กับฉันต่อ…คุณต้องสวมหมวกนั่น”

มือเรียวยาวชี้ไปที่หมวกทรงสูงบนหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองล่องเมฆด้วยสายตานิ่งๆ สุดท้ายเขาก็ยอมหยิบหมวดโทจัพขึ้นมาสวมในที่สุด

สรรพเสียงที่อื้ออึงในหัวเงียบลงทันใด เหมือนกับความคิดของล่องเมฆถูกจับขังในห้องมืด ไม่มีแสง ไม่มีเสียง ไม่มีคลื่นสื่อสารใดๆ อีกต่อไป

“ดีมาก” ยังเชนยิ้มให้เขา “ว่าง่ายๆ อย่างนี้สิคะ”

“ผมไม่รู้จะอดทนไปได้นานแค่ไหน” ล่องเมฆพึมพำ

“ถ้าทนไม่ไหว ก็กลับบ้านของคุณไป” ยังเชนยิ้มเยือกเย็น “ฉันไม่เคยห้าม”

“แต่ถ้ากลับไป ผมก็จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ได้” ล่องเมฆถอนใจ “จำเรื่องระหว่างเราไม่ได้”

“นี่คือหนทางที่ดีที่สุด เท่าที่ฉันพอจะทำได้แล้ว” ยังเชนพลอยถอนใจไปด้วยอีกคน “ถ้าคุณจะกลับไปแบบมีชีวิต…คุณก็ต้องลืมทุกอย่างที่คุณเห็น”

“อืม…” เขาพึมพำเสียงแผ่ว กรุ่นหอมของอุทุมพรในแก้วน้ำยังลอยอวลในอณูอากาศ ดวงตาคู่คมของล่องเมฆมองดูท้องฟ้าเบื้องนอก มีดาวตกสุกสว่างดวงใหญ่พาดผ่านฟากฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

และล่องเมฆเห็นมีดาวตกดวงเล็กจิ๋วพุ่งตามหลังดาวตกดวงใหญ่มาติดๆ เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนดาวดวงเล็กติดตามมาด้วยกันกับดาวดวงใหญ่

เสียงของยังเชนพึมพำบอกมาในความมืดว่า

“กลับไปนอนต่อได้แล้วเมฆ…ยังอีกนานกว่าจะเช้า พรุ่งนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”

ถึงยังเชนจะบอกเช่นนั้น ทว่าถึงตอนนี้เขากลับนอนไม่หลับแล้ว

ฝันร้ายเกี่ยวกับลิ่วลมทำให้ล่องเมฆใจคอไม่ดี

เขารู้จักพี่ชายฝาแฝดดี

การที่ลิ่วลมติดต่อเขาไม่ได้มาหลายสัปดาห์ พี่ชายของเขาจะไม่มีทางนิ่งเฉย

ก่อนขาดการติดต่อกัน ล่องเมฆบอกลิ่วลมว่าเขาได้เบาะแสเรื่องดอกอุทุมพร พี่ชายของเขาจะต้องเริ่มต้นแกะรอยดอกอุทุมพรแล้วติดตามมาหาเขาที่ซัมเซแน่ๆ

ล่องเมฆยังหนักใจว่า ถ้าถึงตอนนั้น…เขาจะตัดสินใจอย่างไร

ขณะที่พี่ชายกำลังตามหาเขา ในเวลาเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมาที่นี่ พวกเขามาตามหาดอกอุทุมพรเช่นกัน

หลายสัปดาห์ก่อน อาของยังเชนได้ข่าวว่ามี Orchid Hunter กลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางมาที่ซัมเซ

พวกมันต้องการติดตามหาดอกอุทุมพร เมื่อพบก็จะนำกลับไปขยายพันธุ์ขายให้กับมหาเศรษฐีที่นิยมสะสมพรรณไม้และสัตว์หายากจากทั่วโลก

อาชีพนี้มีมาตั้งแต่สมัยวิกตอเรียนแล้ว

นักล่าพรรณไม้หลายคนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี เพราะค้นพบพืชและสัตว์ที่หายาก และนำไปขายให้กับคนมีเงิน

ล่องเมฆเคยคิดว่าอาชีพนี้น่าจะหมดไปนานแล้ว แต่ที่จริงแล้วมันยังอยู่

แม้จะมีสนธิสัญญาต่างๆ มากมาย เพื่ออนุรักษ์ป้องกันพรรณพืชหายาก ไม่ให้เกิดการตามล่า ไม่ให้นำไปปลูกข้ามถิ่น แต่ก็ยังมีธุรกิจมืดที่ไม่สนใจกฎระเบียบใดๆ พวกมันเปิดบริษัทวิจัยพรรณพืช จำหน่ายต้นไม้ต่างๆ แต่ฉากหลังแล้วกลับกระทำการเย้ยกฎหมายทุกวิถีทาง

การล่าไม่ใช่เพื่อเงินอย่างเดียว

แต่เพื่อสนองความต้องการของพวกมัน

ยิ่งหายาก ยิ่งล้ำค่า ยิ่งอยู่ในตำนาน พวกมันก็จะต้องตามหาให้พบ

ในเมื่อมันกำลังมาที่ซัมเซ เพื่อติดตามหาดอกไม้ในตำนาน และลิ่วลมก็กำลังมาที่ซัมเซช่วงเวลาเดียวกับพวกมัน โดยอาศัยเบาะแสของดอกไม้ในตำนาน มีความเป็นไปได้สูงมากที่ลิ่วลมกับกลุ่มนักล่าพรรณพืชพวกนั้นอาจจะเกิดการปะทะกันขึ้น

เสียงปืนและกระแสน้ำที่ไหลบ่ารุนแรงในความฝันของเขา เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าลิ่วลมอยู่ในอันตราย

และเขาไม่อาจจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อีกต่อไป



Don`t copy text!