พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 35.2 : ยังไม่ถอดใจ

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 35.2 : ยังไม่ถอดใจ

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

หายเงียบไปหลายปี ทว่า Linn Plant ยังไม่ยอมแพ้

คืนวันนั้น ฝรั่งตายไปเกือบหมด เหลือแค่คนที่ชื่ออังเดรคนเดียว

เขาไม่รู้ว่าอังเดรหนีรอดไปได้อย่างไร แต่เมื่อตำรวจประจำเมืองเข้ามาดูสถานที่เกิดเหตุ ไม่มีใครพบศพของอังเดร ตำรวจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีร่องรอยการยิงต่อสู้มากมายในบริเวณนั้น พวกเขาลงความเห็นว่านักท่องเที่ยวฝรั่งมาเที่ยวแล้วเกิดความขัดแย้งขึ้น จึงฆ่ากันตาย

เก็บศพไว้นานหลายเดือน ไม่มีญาติ ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา สุดท้ายตำรวจก็นำศพทั้งหมดไปเผาแล้วเอาเถ้าไปโปรยตามประเพณี

หลายปีต่อมา พัลเดนเติบใหญ่และเขาก็เติบใหญ่

ไม่มีคนของ Linn Plant เดินทางมาที่ซัมเซอีก ดูเหมือนทุกสิ่งจะกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เชวังรู้สึกว่ามันคือความเงียบสงบ ก่อนที่พายุใหญ่จะพัดมา

พวกมันยังไม่ถอดใจ ไม่ยอมแพ้แน่นอน

โดยเฉพาะอังเดร

เชวังคิดว่าฝรั่งคนนั้นยังอยู่ และจะต้องกลับมาจับพัลเดนไปให้ได้

ปีที่เขาเรียนจบแพทย์เฉพาะทาง กำลังเตรียมจะไปสู่ขออัญญาวีร์แต่งงาน ก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

เชโม ทินเลย์ ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของเขา ผู้ซึ่งรับหน้าที่ดูแลพัลเดนและหุบเขาเลือดมังกรระหว่างที่เชวังไปเรียนต่อ สงข่าวให้รู้ว่ามีฝรั่งแปลกหน้าเข้ามาสำรวจแร่ธาตุที่ซัมเซ

เชวังไม่เชื่อว่าพวกมันจะมาสำรวจหาสินแร่ แต่น่าจะยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาบังหน้ามากกว่า

ซึ่งสุดท้ายก็จริงอย่างที่เชวังนึกสงสัย

พวกมันตั้งใจมาสืบหาเบาะแสของดอกอุทุมพรและพัลเดนจริงๆ

เชโมเล่าว่าพวกมันไปที่วิหารประจำเมือง และถามหาพยับฟ้าโพยมดิน

พวกมันหารู้ไม่ว่า หลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตไปได้ไม่กี่เดือน ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่วิหารเก่าแก่ เพลิงเผาผลาญโบราณสถานและวัตถุล้ำค่าไปมากมาย พยับฟ้าโพยมดินก็เกือบจะมอดไหม้ไปในพระเพลิงครั้งนั้นด้วยแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาของเขาฝ่าเปลวไฟเข้าไปนำออกมา แต่กระนั้นตัวผ้าก็ได้รับความเสียหายไปไม่น้อย เขาเป็นคนส่งพยับฟ้าโพยมดินไปที่ทิมพู ขอร้องให้เคซัง ลุนดรัป ศิลปินผ้าทอพื้นเมืองของภูฏานช่วยหาวิธีซ่อมแซม

เชวังและเชโมติดต่อกันตลอด

ญาติผู้พี่ของเชวัง คอยรายงานความเป็นไปของพวกมันให้เขารู้

ครั้งสุดท้าย เชโมบอกว่าพวกมันมุ่งหน้าไปที่หุบเขาเลือดมังกร และเชโมก็พาเพื่อนอีกสองสามคนไปหาทางสกัดพวกมันเอาไว้

เกิดการปะทะยิงต่อสู้กันระหว่างทาง

พวกมันตายหมดทุกคนและเชโมก็บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะสิ้นใจในเวลาต่อมา

แน่นอน…ตำรวจสรุปว่านี่เป็นคดีวิวาทระหว่างนักท่องเที่ยวและไกด์พื้นเมือง ศพของคนจาก Linn Plant ถูกทิ้งเอาไว้ไม่มีใครมาสนใจ สุดท้ายทางตำรวจต้องจัดการเผาและเอาเถ้ากระดูกไปโปรย เหมือนอย่างเมื่อหลายสิบปีก่อน

คดีที่เกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมอยู่พักใหญ่ ส่งผลต่อการท่องเที่ยวอยู่หลายเดือน ทำให้ชาวต่างชาติที่คิดอยากมาเที่ยวซัมเซรู้สึกหวาดกลัว มีเพียงครอบครัวของเชวังเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงคืออะไร…

เชโมทิ้งลูกสาวเอาไว้หนึ่งคน เขาและมารดาช่วยกันเลี้ยงดูยังเชนเป็นอย่างดี ส่งให้เธอได้เรียนทุกอย่างตามที่ตั้งใจ

หลังเรียนจบปริญญาโทที่อังกฤษ ยังเชนก็กลับมาช่วยกันกับอาที่จะพิทักษ์พัลเดนเอาไว้จากสายตาของคนภายนอก

แน่นอน…ยังเชนก็ต้องทิ้งทุกอย่างในชีวิตเช่นกัน

แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหา เพราะหลานของเขาดูมีความสุขดีกับการใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาและทุ่งกว้าง จวบจนกระทั่งสกายหรือล่องเมฆมาถึงนั่นละ…

ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป…

 

หลังจากได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ทุกคนก็พร้อมจะออกเดินทางอีกครั้ง โดยมีจุดหมายอยู่ที่โรงพยาบาลซัมเซ เพื่อไปเยี่ยมลิ่วลม

เยชิและคินซาส่งเสียงคุยกันสนุกสนาน หน้าที่ของพวกเขาที่พาแขกชาวไทยมาติดตามหาน้องชายที่หายตัวไปจบลงอย่างสวยงาม ในที่สุดก็พบตัวล่องเมฆ อันที่จริงถ้าเชวังรู้ว่าล่องเมฆคือคนเดียวกับชายหนุ่มที่ชื่อสกาย ทุกอย่างก็น่าจะง่ายกว่านี้

ยังเชนและเชวังเตรียมม้าเอาไว้ให้กับคณะเดินทาง

จากหมู่บ้านโกวชู เดินทางด้วยม้าถึงเชงมารีและตัวเมืองซัมเซ ใช้เวลาไม่มากนัก มีจุดให้ผูกม้าที่ลานกลางเมือง ที่นั่นมีรางหญ้าและรางน้ำสำหรับม้าพาหนะได้พักผ่อน เชวังพาทุกคนเดินเท้าไปจนถึงโรงพยาบาลซัมเซซึ่งอยู่ไม่ไกล

เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะขอไปเยี่ยมคนป่วยชาวไทย ที่ชื่อลิ่วลม

พยาบาลพยักหน้ารับทราบ เธอจำคนป่วยที่เป็นชาวไทยได้แม่น เพราะมีแค่คนเดียวในโรงพยาบาล แต่พยาบาลกลับบอกกับเชวังว่า

“มิสเตอร์ลิ่วลม…มีคนมารับตัวออกไปจากโรงพยาบาลแล้วนี่คะ”

“ว่ายังไงนะครับ” เชวังนิ่วหน้า รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในทันใดนั้น “มีคนมารับตัวไปแล้วหรือครับ…เมื่อไหร่”

“ก่อนหน้าพวกคุณจะมาไม่นานค่ะ” พยาบาลตอบ

“คนที่มารับลิ่วลมไป ใช่น้องชายของเขาหรือเปล่าคะ” นารีญาถามบ้าง

“ไม่ใช่ค่ะ” พยาบาลสั่นหน้า “เห็นว่าเป็นเพื่อนมาจากอังกฤษ…เขาบอกกับเราว่า จะพามิสเตอร์ลิ่วลมไปรักษาตัวต่อที่ทิมพู คุณหมอเห็นว่าอาการของมิสเตอร์ลิ่วลมเริ่มดีขึ้น สามารถเดินทางได้แล้ว เลยไม่ขัดข้องอะไร…คนไข้ออกจากโรงพยาบาลไปได้ราวๆ หนึ่งชั่วโมงแล้วละค่ะ”



Don`t copy text!