พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 37.1 : ไม่อาจสกัดกั้น

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 37.1 : ไม่อาจสกัดกั้น

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ตอนที่พวกมันโผล่เข้ามาในหอผู้ป่วยนั้น ลิ่วลมยังงงๆ จากฤทธิ์ยาแก้ปวดอยู่ เขานิ่วหน้า พยายามเพ่งมองฝรั่งพวกนั้นว่าเป็นใคร เพราะเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

จนกระทั่งนึกได้ว่าพวกมันน่าจะเป็นฝรั่งจาก Linn Plant ชุดแรกที่ล่วงหน้ามาก่อนนั่นเอง หนึ่งในนั้นก็แอบใช้ไซริงก์ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังแทงเข้าที่ต้นแขนของลิ่วลม และฉีดยาบางอย่างเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะทันสังเกตเห็น ส่งผลทำให้เขาเหมือนกับกลายเป็นอัมพาตไปชั่วคราว ลิ่วลมขยับตัวไม่ได้ ขยับแขนขาไม่ได้ พูดไม่ได้ ได้แต่กลอกตาไปมา

ฝรั่งคนที่เป็นหัวหน้าแจ้งกับพยาบาลว่าเป็นเพื่อนสนิทของลิ่วลม พวกเขาทั้งหมดเดินทางมาเที่ยวซัมเซด้วยกัน แต่โชคร้ายที่ลิ่วลมเกิดอุบัติเหตุตกเขาลงมา น้องชายของคนไข้เป็นคนพาคนไข้มาส่งโรงพยาบาล ล่องเมฆขอร้องให้พวกเขาช่วยพาตัวพี่ชายย้ายไปรักษาต่อที่ทิมพู เพราะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีความพร้อมมากกว่า พยาบาลจึงโทรศัพท์หาหมอเจ้าของไข้เพื่อปรึกษาว่าจะอนุญาตหรือไม่

ครั้นพอหมอเจ้าของไข้มาถึงที่วอร์ด หมอค่อนข้างกังวลเนื่องจากทราบข่าวว่าถนนไฮเวย์สายหลักที่มุ่งหน้าไปทิมพูได้รับความเสียหายจากพายุฝน แม้ทางราชการจะเริ่มลงมือซ่อมแซมแล้ว แต่ก็ยังผ่านทางได้ลำบาก ฝรั่งสองสามคนนั้นตั้งใจจะเอาตัวลิ่วลมออกจากโรงพยาบาลให้ได้ จึงช่วยกันหาเหตุผลต่างๆ มาพูดโน้มน้าวว่าพวกเขาเตรียมแผนสำรองเอาไว้ด้วย หากรถผ่านเส้นทางไปไม่ได้ ก็จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับ แม้หมอฟังแล้วจะไม่เห็นด้วย ทว่าถูกฝรั่งสามสี่คนนั้นกดดัน จนต้องยอมอนุญาตในที่สุด

ก่อนจะพาลิ่วลมขึ้นรถตู้ไป หมอตรวจร่างกายของเขาโดยละเอียดอีกครั้ง จนแน่ใจว่าคนไข้ปลอดภัยมากพอที่จะเดินทางไปทิมพูได้ ระหว่างนั้น ลิ่วลมพยายามส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าหมอไม่ได้สังเกตสัญญาณที่เขาพยายามจะบอก ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าคนไข้ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้

“อย่าลืมเอาผ้าไปด้วย” คนที่เป็นหัวหน้าพยักหน้าไปที่กระบอกโลหะบรรจุพยับฟ้าโพยมดินที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง กำชับลูกน้องของเขาให้หยิบไปด้วย

ลิ่วลมรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง หากทว่าอยู่ในฐานะที่ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่เพียงกลอกตาและทำเสียงอืออาในลำคอไปมา

เจ้าหน้าที่เข็นเขาขึ้นรถตู้ และพวกมันก็ขับออกจากโรงพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ลิ่วลมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายของพวกมันอยู่ที่ไหน ที่แน่ๆ พวกมันไม่ได้หวังดีขนาดจะพาเขาไปรักษาตัวต่อที่ทิมพูอย่างที่หลอกหมอหรอก

ลิ่วลมพยายามบอกตัวเองให้อดทน ถึงตอนนี้เขายังขยับตัวไม่ได้เหมือนเดิม ทำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งคนที่เป็นหัวหน้าเปิดกระบอกโลหะแล้วหยิบเอาพยับฟ้าโพยมดินออกมานั่นละ

“เอาเครื่องสแกนออกมาสิ” เขาตะโกนสั่งลูกน้อง และหนึ่งในนั้นก็หยิบเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากเป้ที่สะพายหลัง

“ถ้ามีเครื่องนี้ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน เรื่องคงไม่คาราคาซังมาจนถึงวันนี้” คนเป็นหัวหน้าพึมพำ นิ้วมือข้างหนึ่งของเขาเคาะขาข้างขวาที่เป็นขาเทียม เสียงดังเป็นจังหวะ

“ดูนี่สิ อังเดร” คนเป็นลูกน้องเรียกให้หัวหน้าลุกขึ้นมาดู ลิ่วลมจึงรู้ว่ามันชื่อ ‘อังเดร’

“เยี่ยมมาก” อังเดรหัวเราะชอบใจ

ลิ่วลมพยายามเหลือบสายตาไปมอง เห็นแผนที่และพิกัดตัวเลขต่างๆ ปรากฏบนหน้าจอของเครื่องมือนั้น พื้นที่ในรถตู้มีมากพอจะกางพยับฟ้าโพยมดินแผ่ออกกว้าง พวกมันใช้เครื่องมือบางอย่างสแกนลวดลายของพยับฟ้าโพยมดิน และลวดลายพวกนั้นก็ทาบทับลงไปกับพิกัดแผนที่บนจอคอมพิวเตอร์พอดิบพอดี

“แม่นยำมาก” ฝรั่งคนที่เป็นหัวหน้าเอ่ยชม “ไม่น่าเชื่อว่าผ้าผืนนี้จะเป็นแผนที่ที่แม่นยำและละเอียดขนาดนี้”

“เอายังไงต่อครับ” ลูกน้องถาม

“หุบเขาเลือดมังกร อยู่นี่ไง…ในผ้าปักลายดอกไม้สีแดง มันคือต้นเลือดมังกร เทียบกับแผนที่ดาวเทียม…มันอยู่ในหุบเขาข้างหน้าโน้น”

ดวงตาของอังเดรมองแผนที่บนหน้าจอด้วยความทะยานอยาก เขาแหงนหน้าขึ้นหัวเราะและแค่นเสียงดังๆ ว่า

“ถึงเวลาไปปิดจ็อบของเราเสียที”

 

ที่ได้ชื่อว่าหุบเขาเลือดมังกร ก็เพราะที่นั่นมีสมุนไพรเลือดมังกร ที่มีใบสีแดงสด และมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาที่ใช้รักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย

ตำนานเก่าแก่ของภูฏานเล่าว่า ตอนที่เกิดแผ่นดินแห่งนี้ขึ้นใหม่ๆ มีการต่อสู้กันระหว่างมังกรหลายเผ่า เลือดของมังกรจำนวนมากที่หยาดลงบนผืนดิน ได้ไหลไปรวมกัน แล้วเกิดเป็นต้นไม้สีแดงสดงอกงามขึ้นในเวลาต่อมา

ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงเรียกชื่อต้นไม้นั้นว่า ‘เลือดมังกร’ เนื่องจากมีกำเนิดมาจากโลหิตของมังกรนั่นเอง

เลือดมังกรเป็นพันธุ์พืชเฉพาะถิ่น มีอยู่เฉพาะในหุบเขาลึกที่นี่ที่เดียว น้อยคนที่จะรู้ว่าหุบเขาแห่งนี้อยู่แถวไหน แม้แต่อังเดรซึ่งเคยเดินทางมาถึงแล้วครั้งหนึ่งก็ยังจำไม่ได้ ต่อให้มาอีกครั้งก็หาไม่พบ เนื่องจากภูเขา พรรณไม้ ลำธาร และโขดหินต่างๆ แลดูคลับคล้ายกันไปหมดทั้งสิ้น แต่เพราะสัญลักษณ์บางอย่างที่ระบุไว้ในพยับฟ้าโพยมดินนั่นเอง ที่ช่วยนำทางเขาไปจนถึงจุดหมายที่เฝ้ารอคอย

รถตู้วิ่งไปจนสุดทาง เบื้องหน้าของพวกเขาคือหุบเขาใหญ่น้อยที่ลดหลั่นกันเป็นแถวเป็นแนว

บางยอดเขาสูงเทียมเมฆ บางยอดเขาก็เต็มไปด้วยหมอกหนาปกคลุม

“แบกมันลงมา”

อังเดรสั่ง และคนของเขาก็ช่วยกันอุ้มลิ่วลมลงมาจากหลังรถตู้ ตรงหน้าของพวกเขามีม้าตัวพ่วงพีรออยู่แล้ว อังเดรให้คนเตรียมม้าพวกนี้เอาไว้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางในช่วงถัดไป

“ลีออง เขาชี้มือไปที่ฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นคนหนึ่ง แล้วสั่งว่า “เอามันขึ้นม้าไปด้วยกันกับแก ดูแลดีๆ อย่าให้ตกลงมาตายก่อนถึงหุบเขาเลือดมังกรล่ะ…ชีวิตของมันมีค่า…เราจะเอาชีวิตของมัน…แลกกับมังกร”

ลิ่วลมฟังแล้วใจหายวาบ พอจะนึกเดาทุกอย่างได้ทั้งหมด

ที่จริงพวกมันไม่ได้ต้องการดอกอุทุมพร

เป้าหมายหลักของมันคือพัลเดนต่างหาก

จะขยับตัวต่อสู้ ขัดขืน หรือต่อต้าน ทำไม่ได้สักอย่าง…

จะทำอย่างไร พวกของเชวังรู้หรือไม่ว่าพวกมันเอาตัวเขามาที่นี่ เขาจะส่งข่าวบอกพวกนั้นได้อย่างไร…

ใช่…

อะไรบางอย่างสว่างวาบขึ้นมาในหัวของลิ่วลม

ทำแบบนี้ได้นี่นา

เขาขยับตัวไม่ได้ แต่เขายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน

พวกมันควบคุมร่างกายเขาได้ แต่ควบคุมคลื่นความคิดเขาไม่ได้

ลิ่วลมหลับตาทั้งสองข้าง ตั้งจิตแน่วนิ่ง ส่งสัญญาณโทรจิตถึงน้องชายฝาแฝดของเขา

…เมฆ…เมฆ…

ลิ่วลมได้แต่นึกภาวนาว่าครั้งนี้…ล่องเมฆจะรับสัญญาณของเขาได้



Don`t copy text!