พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 41.2 : นายหญิง

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 41.2 : นายหญิง

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลตอนเที่ยง หลังจากรับประทานอาหารแบบง่ายๆ แล้ว เชวังก็พาอัญญาวีร์และนารีญาไปติดต่อสถานที่ราชการ เพื่อจัดการเรื่องพาสปอร์ตที่สูญหาย

ส่วนตัวของเขาเองแวะไปสถานีตำรวจเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องที่ตำรวจตามไปช่วยและพบว่ามีศพของคนต่างชาตินอนเสียชีวิตเกลื่อนอยู่ในทุ่งเลือดมังกร ตำรวจรู้ว่าเชวังกับพวกพยายามจะห้ามคนพวกนั้นไม่ให้ขุดเอาสมุนไพรเลือดมังกร ซึ่งเป็นพันธุ์พืชหายากกลับประเทศไป อาจจะมีปากเสียงกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้สงสัยว่าพวกของเชวังเป็นผู้ก่อเหตุสังหารฝรั่ง เพราะทุกคนในคณะของเชวังไม่มีใครมีอาวุธหนักติดตัวไป อีกทั้งทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บเช่นกัน รวมไปถึงหลักฐานที่พบที่ศพ คือกระสุนที่มาจากปืนของพวกเขานั่นเอง บอกให้รู้ว่าอาจจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันเอง แล้วฝรั่งพวกนั้นก็เลยยิงกันตาย ตำรวจกำลังจะตรวจหาสารเสพติดในศพผู้ตายด้วย เพราะสันนิษฐานว่าพวกนั้นอาจเสพยาบางอย่างแล้วเกิดอาการหลอน และทั้งหมดนี้คือความเป็นไปได้ที่ตำรวจคิด

คดีถูกปิดลงอย่างง่ายดาย เพื่อนตำรวจของเชวังแจ้งว่า หากหาหลักฐานพบก็จะแจ้งไปยังสถานทูตของผู้เสียชีวิต แต่น่าเสียดายที่จนบัดนี้ ตำรวจยังไม่พบหลักฐานการเดินทางใดๆ ของฝรั่งพวกนั้นเลย ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าพวกเขาอาจลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ผ่านทางชายแดนที่ติดกับประเทศอินเดีย

กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็พลบค่ำ และพระจันทร์เต็มดวงก็ลอยเด่นอยู่กลางเวหา เมื่อยังเชนเลี้ยวรถเข้ามาในบริเวณบ้าน โซเทนก็เดินออกมารอรับทุกคนอยู่แล้วด้วยท่าทางตื่นเต้น

“กลับมาแล้วหรือ ทุกคนหายดีแล้วนะ ขอพระพุทธเจ้าทรงอวยพรให้แข็งแรงนะจ๊ะ” มารดาของเชวังส่งยิ้มให้ทุกคน

“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”เชวังนิ่วหน้า ขณะช่วยประคองอัญญาวีร์ลงจากรถ

“พยับฟ้าโพยมดินน่ะสิ” ดวงตาของโซเทนเปล่งประกายวาววับ “มีคนซ่อมพยับฟ้าโพยมดินให้แล้ว”

“ซ่อมพยับฟ้าโพยมดินเหรอครับ…ใครกัน” เชวังพลอยตื่นเต้นไปด้วย ผ้าโบราณผืนนั้นมีรอยไหม้ไฟหลายจุดมาก เขาและมารดาพยายามหาผู้ที่มีความชำนาญมาช่วยซ่อมนานหลายปีแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดสามารถซ่อมได้สักคน

“ใช่” โซเทนพยักหน้า “หลังจากที่ยังเชนออกไปรับลูกที่โรงพยาบาล ก็มีคนแวะมาที่บ้านเรา บอกว่าจะมาสอบถามเรื่องซ่อมผ้า”

“ใครกันครับแม่” เชวังประหลาดใจ

“เรื่องยาว…เข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า” โซเทนเดินกลับเข้าไปในบ้าน ล่องเมฆเดินตามทุกคนเข้าไปเป็นคนสุดท้าย เขาได้กลิ่นหอมหวานอ่อนจางของอุทุมพรภายในห้อง เมื่อเหลือบตามองก็เห็นดอกไม้สีขาวรูประฆังคว่ำจำนวนมาก ปักอยู่ในแก้วน้ำ

ยังเชนเองก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าคุณย่าโซเทนได้ดอกอุทุมพรมาจากไหน แต่เธอยังไม่ทันได้ถาม เพราะเชวังชิงถามซ้ำกับผู้เป็นมารดาของเขาด้วยคำถามเดิมเสียก่อน

“ตกลงคนนั้นเป็นใครกันครับแม่ คนที่ซ่อมพยับฟ้าโพยมดินให้เรา”

“เออ แม่ก็ลืมถามชื่อของเธอไปเลย แต่เด็กคนนั้น…เรียกเธอว่านายหญิง” โซเทนเล่า น้ำเสียงยังไม่หายตื่นเต้น

“เด็กคนนั้น” เชวังนิ่วหน้า “ใครกันครับ”

“ไม่รู้อีกนั่นละ” ผู้เป็นมารดาส่ายหน้า “เด็กมากับผู้หญิงคนนั้น ท่าทางคงเป็นเด็กรับใช้ เขามาเรียกแม่ที่หน้าบ้าน บอกว่ามาตามประกาศหาคนซ่อมผ้าโบราณ นายหญิงของเขาซ่อมได้ เลยแวะมาสอบถามว่ายังต้องการคนซ่อมผ้าอยู่หรือไม่”

ก่อนหน้านี้เชวังพยายามหาคนที่มีความสามารถซ่อมผ้าโบราณผืนนั้นจนอ่อนใจก็หาไม่ได้สักที แม้แต่เคซัง ลุนดรัป ศิลปินผู้มีความชำนาญก็ยังซ่อมไม่ได้

เชวังเคยติดประกาศหาคนมาซ่อมผ้าที่ที่ว่าการเมืองซัมเซ และสถานที่ราชการหลายแห่ง แต่ก็ไม่เคยมีใครมาติดต่อจนกระทั่งครั้งนี้

“แม่ก็เลยบอกว่ายังอยากได้” โซเทนเล่าต่อ “แล้วเลยเชิญให้นายหญิงของเด็กคนนั้นเข้ามาดูพยับฟ้าโพยมดิน”

“แย่ละ…แล้วแม่ให้ผ้ากับเขาไปหรือเปล่าครับ” เชวังตกใจ “ได้สอบถามให้แน่ไหมครับ ว่าพวกเขาเป็นใคร เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะมาหลอกเอาผ้าไปก็ได้นะครับ”

“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ” โซเทนรีบห้ามบุตรชาย “แม่ไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ…อีกอย่างเด็กคนนั้นก็ดูซื่อดี ไว้ผมทรงกะลาครอบ แถมตาบอดไปข้างหนึ่ง เหลือดวงตาข้างที่ดีแค่ข้างเดียว”

“เด็กตาเดียว” ล่องเมฆอุทาน “อีกแล้วหรือ”

“หมายความว่ายังไงหือ…สกาย” โซเทนสงสัย

“ผมเคยเจอเด็กตาเดียวมาขอขนมปังไปให้นายกินครับ” ล่องเมฆเล่าโดยสรุป “แต่นายของเขาเป็นผู้ชาย…แล้วปรากฏว่าพอผมตามเด็กไป ก็เลยเจอกับลิ่วลมที่ผมกำลังตามหา…ถ้าไปตามแผนเดิมที่ตั้งใจไว้คงไม่ได้เจอกับพี่ชาย”

“จะใช่เด็กตาเดียวคนเดียวกันไหมเนี่ย” ยังเชนนึกสงสัย

“นั่นสิครับ” ล่องเมฆเองก็อดนึกสงสัยมิได้

“อืม…สำคัญนัก” โซเทนพยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยร่องรอยครุ่นคิด “หรือพวกเขาจะไม่ใช่มนุษย์…”

“หมายความว่าอย่างไรครับแม่” เชวังนิ่วหน้า

“ก็นายหญิงของเด็กคนนั้นน่ะสิ” โซเทนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนช่วงเช้า “เธอดูทั้งสวยงาม ทั้งอ่อนหวาน อ่อนโยน ราวกับนางฟ้า…”

นายหญิงของเด็กชายตาเดียว มีเรือนร่างโปร่งระหง ดวงหน้าสวยหวานอ่อนเยาว์จนยากจะคาดเดาได้ว่าเธอมีอายุเท่าใด สวมชุดสีเงินมีประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ยามที่เธอขยับกาย ผ้าพลิ้วไหวราวกับก้อนเมฆ ในมือเรียวยาวถือดอกอุทุมพรช่อใหญ่ เธอส่งให้กับโซเทน และหญิงสูงวัยก็รับดอกไม้ทิพย์ไปปักไว้ในแก้วน้ำ

“อูดุมบาราในแก้วนี้…เธอเป็นคนถือมาแล้วส่งให้แม่ ดูเอาเองเถอะเชวัง ถ้าเธอไม่ใช่คนดี อูดุมบาราก็คงจะเหี่ยวเฉาไปแล้ว”

“แล้วเธอว่าอย่างไรครับ…” เชวังถาม “เธอเห็นพยับฟ้าโพยมดินแล้วคิดว่าจะซ่อมได้ไหม”

“มาดูเองดีกว่า” แทนที่จะตอบคำถามนั้นของบุตรชาย โซเทนกลับเรียกให้ทุกคนมาดูพยับฟ้าโพยมดินที่กางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงานทางด้านหลัง

นวลแสงจันทร์สีเงินยวงส่องผ่านหน้าต่างบานยาวลงมาต้องพยับฟ้าโพยมดิน จนสีเขียวอมฟ้าของผืนผ้าเปล่งประกายงดงาม

เชวังจ้องมองตำแหน่งที่ผ้ามีรอยชำรุดจากเพลิงไหม้ แล้วต้องอ้าปากค้าง เมื่อพบว่ารอยกระดำกระด่างที่กระจัดกระจายบนผ้า บัดนี้หายไปจนหมดสิ้น

ตำแหน่งที่ลวดลายเคยขาดหาย กลับถูกเติมเต็มสมบูรณ์ มองดูเผินๆ แทบไม่รู้เลยว่าผ้าผืนนี้เคยมีตำหนิมาก่อน

“เป็นไปได้ยังไง…” เชวังอ้าปากค้าง

“นั่นสิคะย่า” ยังเชนหันไปทางโซเทน “ฝีมือของผู้หญิงคนนั้นหรือคะ”

“เป็นเธอนั่นละ จะเป็นใครอื่นไปได้” โซเทนพึมพำ ก่อนจะเล่าต่อไปว่า “เธอเล่าว่าชอบปักผ้า ชอบทอผ้า การปักผ้าเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบทำ ระหว่างรอคอยคนรักที่จากไปทำภารกิจจนกว่าเขาจะกลับคืนมา เธอขออนุญาตย่าลองดูว่าจะซ่อมผ้าได้หรือไม่ เธอดูมีท่าทางตั้งอกตั้งใจมาก ย่าเลยเอ่ยอนุญาตให้เธอลองทำดูได้ เธอยังบอกกับย่าด้วยนะว่า อยากซ่อมพยับฟ้าโพยมดินผืนนี้ให้กลับมางดงามดังเดิม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา…ดูเหมือนเธอจะมีกล่องเครื่องมือปักผ้าติดตัวมาด้วย…ย่าจำได้เพราะกล่องสวยมาก เป็นกล่องไม้สีเข้ม สลักลายดวงจันทร์และดวงดาว เหมือนจะฝังเพชรหรือพลอยด้วยละกระมัง เพราะทั้งดวงจันทร์และดวงดาวเปล่งแสงระยิบระยับ เหมือนกับเก็บเอาดวงจันทร์และดวงดาวบนฟ้ามาประดับ พอย่าอนุญาต เธอก็เริ่มลงมือซ่อมแซมผ้า ระหว่างนั้น เธอก็ร้องเพลงเบาๆ ไปด้วย…เพลงอะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นเพลงที่ไพเราะที่สุดตั้งแต่ย่าเคยฟังมา…”

โซเทนเล่ารายละเอียดด้วยความรู้สึกประทับใจ

“แต่แล้วย่าก็เผลอหลับไป…หลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ตัวเลย หลับลึก หลับยาว…ย่ามารู้สึกตัวอีกที พระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปนานขนาดนั้นได้อย่างไร…ย่าหลับสนิท ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  ตอนย่าตื่นขึ้นมา นายหญิงกับเด็กตาเดียวก็หายตัวไปแล้ว ตอนนั้นย่าตกใจมาก ใจหายวาบ กลัวว่าพวกเขาจะขโมยเอาพยับฟ้าโพยมดินไปด้วย แต่ปรากฏว่าผ้ายังอยู่…แถมยังถูกซ่อมแซมจนกลับมาสวยสมบูรณ์เหมือนเดิม…”

“เธอทำได้อย่างไรกัน” เชวังอ้าปากค้าง “ลวดลายผ้าละเอียดขนาดนี้ ทำไมเธอถึงซ่อมได้เร็วมาก”

“นั่นสิคะ” ยังเชนเองก็สงสัย “นอกจากซ่อมได้เร็ว เธอเอาเส้นไหมมาจากไหน ไหมพวกนี้เป็นไหมพิเศษ หายากมาก ทั้งชนิดและสีสัน…ดูสิ…” ยังเชนไล้มือไปบนลายผ้าที่กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม “ถ้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าตรงส่วนไหนของผ้าเคยชำรุด…มาเห็นตอนนี้บอกไม่ได้เลยนะคะ ซ่อมได้เนียนมาก แยกไม่ออกเลย…เอ๊ะ…เดี๋ยวก่อนนะคะ นี่มันอะไรกัน…”

ยังเชนนิ่วหน้า เธอเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนพยับฟ้าโพยมดิน…

อะไรบางอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปรากฏ….



Don`t copy text!