พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.1 : ภัณฑารักษ์จาก The MET

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.1 : ภัณฑารักษ์จาก The MET

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

บ้านของเคซัง ลุนดรัปอยู่นอกเมืองทิมพูออกไปราวสิบห้านาที เป็นอาคารสองชั้นอยู่ท่ามกลางหุบเขา บนทุ่งหญ้าเขียวขจีราวผืนพรม

นารีญาสังเกตเห็นดอกไม้สีฟ้าอมน้ำเงินกระจายตัวดารดาษอยู่เต็มท้องทุ่ง แตะแต้มตรงนั้นตรงนี้แลดูงดงามราวภาพเขียน

“เหมือนรูปวาดของโมเน่ต์เลย…” ลิ่วลมพึมพำ

“Blue Poppy…ป๊อปปี้สีน้ำเงินไงครับ” เยชิอธิบายเมื่อเห็นหญิงสาวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพ “เป็นดอกไม้ประจำชาติของภูฏาน…มีถิ่นกำเนิดอยู่แถวหิมาลัยนี่เอง”

รถจี๊ปขับเคลื่อนสี่ล้อของเยชิ คินเซลัดเลี้ยวไปตามไหล่เขา และในที่สุดก็มาจอดที่ลานกว้างด้านหน้าอาคารขนาดใหญ่ที่ชั้นล่างก่อด้วยปูน ชั้นบนสร้างด้วยไม้ สลักลวดลายละเอียดในรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของภูฏาน

ลิ่วลมกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด ในขณะที่เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาฝุ่นและมลภาวะ อากาศของภูฏานยังสะอาดและมีกลิ่นสดชื่นระคนอยู่อ่อนจาง

นารีญาและคุณน้าของเธอกระโดดตามลิ่วลมมาติดๆ ท่าทางของหญิงสาวสดชื่น ดวงตาของนารีญาเหลือบมองเมฆบนท้องฟ้าด้วยความสนใจ ความเป็นนักอุตุนิยมวิทยาทำให้ความสนใจของนารีญาไม่เหมือนคนอื่น

มีรถจอดอยู่ก่อนหน้าแล้วหนึ่งคัน ที่ท้ายรถมีตราบริษัทรถเช่า ลิ่วลมคิดว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาชมผ้าภูฏานโบราณที่เคซังสะสมเอาไว้

เขาเดินตามเยชิและคินซา สองไกด์ชาวภูฏานไปยังอาคารด้านหน้า ทว่ายังไม่ทันจะได้เอื้อมมือไปเปิดประตูพิพิธภัณฑ์ ฝรั่งร่างใหญ่คนหนึ่งก็ผลักประตูแล้วเดินสวนออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด ด้านหลังของเขามีหญิงสาวรูปร่างโปร่งระหงวิ่งตามมา เธอตะโกนเรียกฝรั่งคนนั้นเสียงดังลั่น

“แฮรี่…เดี๋ยวก่อนค่ะ”

“อะไรอีกยัยพิงค์” ฝรั่งนาม ‘แฮรี่’ ยังเดินฮึดฮัดไปที่รถเช่า ไม่ยอมหันกลับมามองเพื่อน

“ใจเย็นๆ สิคะ” หญิงสาวผู้นั้นยังไม่ละความพยายาม

“ไม่ยง ไม่เย็นแล้ว” ฝรั่งร่างใหญ่ร้องเสียงแหลม  “ฉันไม่ด่ากลับไปดีแค่ไหนแล้ว”

“แฮรี่” หญิงสาวคนนั้นวิ่งมาจนทัน เธอเรียกเพื่อนเสียงหนัก ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายยังมีท่าทางกะบึงกะบอน หญิงสาวจึงเน้นเสียงให้หนักแน่นกว่าเดิมเพื่อเรียกสติเขา “แฮโรลด์…ใจเย็นค่ะ คุณมีภารกิจสำคัญนะ ลืมไปแล้วหรือ”

“ไม่ลืม แต่ใครจะทนไหว” แฮโรลด์ทำหน้าบึ้ง “ไล่กันอย่างกับหมูกับหมา ฉันแค่มาขอยืมผ้าไปจัดแสดงนิทรรศการ ทำยังกับฉันจะมาขโมยไปยังงั้นละ”

“ของเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ผ้าหลายผืนมีแค่ชิ้นเดียวในโลก อีกอย่าง…เขายังไม่รู้จักคุณดีพอ เป็นใครก็ต้องกังวล” หญิงสาวนาม ‘พิงค์’ พยายามทำความเข้าใจเคซัง ลุนดรัป

“ไม่รู้จักฉัน” ฝรั่งวัยกลางคนร้องเสียงหลง “ฉันคือแฮโรลด์ โคดานะ ยังมีใครในโลกนี้ไม่รู้จักฉันอีกเหรอ”

“แฮโรลด์ โคดา” อัญญาวีร์พึมพำ เธอหันไปทางลิ่วลมและนารีญา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น

เธอเคยได้ยินชื่อแฮโรลด์ โคดา ภัณฑารักษ์คนดังแห่งสถาบันเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือ The Costume institute แห่ง The MET มานานแล้ว ตอนไปเที่ยวนิวยอร์คและไปชมนิทรรศการที่ The MET อัญญาวีร์มีโอกาสได้เห็นชื่อและประวัติของแฮโรลด์ โคดาติดอยู่บนผนัง เธอไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้พบกับคนดังระดับโลกที่ภูฏานในระยะประชิดเช่นนี้

“แล้วทำไมคุณเคซังเขาต้องรู้จักคุณด้วยล่ะ” หญิงสาวย้อนถาม

“เพกา ไม่ใช่สิ ฉันต้องเรียกเธอว่า…มาดามเจ้า” แฮโรลด์ส่งเสียงเข้ม “มาดามเจ้า หล่อนกล้าดียังไง ถึงพูดกับฉันแบบนั้น”

ลูกน้องเก่าของเขาแต่งงานไปกับเจ้าหมิงเทียน ลูกชายมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง แฮโรลด์เลยชอบแกล้งเพกาด้วยการเรียกเธอว่า ‘มาดามเจ้า’ ซึ่งหญิงสาวไม่ค่อยชอบ เพกาชอบให้เขาเรียกเธอว่า ‘พิงค์’ เหมือนเดิมมากกว่า

“ทำไมคะ ฉันพูดผิดตรงไหน” เพกาเลิกคิ้ว “คุณอาจจะโด่งดังที่นิวยอร์ค แต่ที่นี่…ภูฏาน ฟังฉันให้ดีนะ…ที่นี่…คุณไม่มีตัวตน”

ประโยคนั้นของเพกาทำให้แฮโรลด์อ้าปากเตรียมร้องกรี๊ด ครั้นพอรู้สึกตัวว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองอยู่ เขาก็สะกดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

เพกาส่ายหน้าด้วยท่าทางหนักใจ เธอบินจากฮ่องกงเพื่อไปพบกับแฮโรลด์ หัวหน้าเก่าที่กรุงเทพ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางมาทิมพูด้วยกัน

หัวหน้าเก่าของเธอต้องการเดินทางมาภูฏาน เพื่อขอยืมผ้าโบราณที่เคซัง ลุนดรัปสะสม ไปจัดแสดงนิทรรศการที่สถาบันเสื้อผ้าเครื่องประดับ

ก่อนหน้านี้แฮโรลด์ไม่เคยรู้จักกับเคซังเป็นการส่วนตัว

แฮโรลด์รู้ว่าเคซัง ลุนดรัป มาจากตระกูลเก่าแก่ เขาสะสมผ้าโบราณของภูฏานเอาไว้จำนวนมาก และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้คนเข้าชม แฮโรลด์ได้อีเมล์ของเคซังมาจากเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ แฮโรลด์ส่งเมล์มาแนะนำตัวเอง และนัดหมายกับเคซัง แต่ครั้นพอแฮโรลด์เดินทางมาถึงภูฏาน ปรากฏว่าเคซังไม่ได้รับอีเมล์ฉบับนั้น แถมยังไม่รู้เรื่องนัดหมาย และเคซังโกรธมากเมื่อแฮโรลด์เริ่มเจรจาเรื่องเงินที่ทาง The MET จะจ่ายให้กับเคซังเป็นค่าเช่าผ้าโบราณของเขา

“ตกลงคุณจะยอมกลับไป The MET มือเปล่าหรือคะ” เพกาเอื้อมมือเรียวยาวไปแตะข้อศอกแฮโรลด์ และลูบเบาๆ ราวจะปลอบประโลม

ฝรั่งวัยกลางคนนิ่งไปนิดหนึ่ง เขาถอนใจยาวก่อนจะส่ายหน้าแล้วว่า

“ไม่ได้หรอก…ขืนกลับไปมือเปล่า แม๊กซ์ได้ไล่ฉันออกนะสิ” เขาหมายถึง Maz Hollein ผู้อำนวยการใหญ่ของ The Metropolitan art of Museum พิพิธภัณฑ์ใหญ่แห่งมหานครนิวยอร์ค “ยังไงก็ต้องเจรจาให้สำเร็จ”

แฮโรลด์เป็นคนเจ้าอารมณ์ บรรดาลูกน้องของเขารู้เรื่องนี้ดี มีแต่เพกาเท่านั้นที่รู้ใจ รู้จังหวะว่าควรจะพูดอะไรตอนไหน แฮโรลด์เองก็รู้ตัวดีว่าเวลาหงุดหงิดโมโห มีแต่เพกาคนเดียวเท่านั้นที่เอาเขาอยู่หมัด ด้วยเหตุนี้ แฮโรลด์จึงขอร้องให้เพกาบินจากฮ่องกงมาเป็นเพื่อน

“งั้นเราก็ต้องกลับมาใหม่” หญิงสาวแนะ “วันนี้คงคุยต่อไม่ได้แล้วละ รอให้ทั้งคุณและเคซังใจเย็นกว่านี้ แล้วค่อยคุยกันใหม่”

ไกด์ของแฮโรลด์และเพกาเพิ่งจะวิ่งตามออกมา เขาเสียเวลาขอโทษขอโพยเคซัง ลุนดรัปอยู่นาน กว่าอีกฝ่ายจะใจเย็นลง

เขาหันมาเห็นเยชิและคินซาพอดี ชายหนุ่มรีบเดินมาหาไกด์ของลิ่วลม สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความกังวล ทั้งสามคุยกันเป็นภาษาภูฏานอยู่ครู่ใหญ่ ลิ่วลมเห็นเยชิถอนใจเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวที่ชื่อเพกา และฝรั่งที่ชื่อแฮโรลด์

“คุณเคซังเป็นศิลปินทอผ้าชื่อดังของเราครับ เขาทำอะไรให้กับประเทศชาติบ้านเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอนุรักษ์ลายผ้าเก่าๆ ส่งเสริมอาชีพให้กับผู้คน” เยชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แฮโรลด์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง หากเพการีบสะกิดเขาเอาไว้ “สำหรับเขา เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ…ไม่ใช่เฉพาะเขา แต่กับพวกเรา…ชาวภูฏานทุกคน เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด”

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย” แฮโรลด์พยายามอธิบาย “ผมแค่จะบอกเงื่อนไขการขอยืมผ้า เรื่องประกันความเสียหาย และค่าตอบแทน…คุณเข้าใจใช่ไหมว่า การขนย้ายผ้าโบราณจำนวนมากมายหลายผืน ระหว่างทางอาจเกิดการเสียหายได้ อีกอย่าง ผ้าพวกนี้จะถูกแสดงที่สถาบันเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายประมาณสี่ถึงหกเดือน…นั่นหมายความว่าผมต้องรับผิดชอบ หากเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องพูดเรื่องเงินเป็นอันดับแรกแรก ก่อนจะคุยไปถึงเงื่อนไขเรื่องอื่น”

“นั่นละครับ ที่ทำให้เคซังไม่พอใจ” เยชิส่ายหน้า “สำหรับคนที่มาจากโลกวัตถุนิยมอย่างพวกคุณคงไม่เข้าใจหรอก”

“แต่…” แฮโรลด์ขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วเราต้องทำยังไงคะ” เพการีบถาม ก่อนที่หัวหน้าของเธอจะทำเสียเรื่องไปมากกว่านั้น

“ผมก็ไม่รู้” เยชิส่ายหน้า “แต่ผมคิดว่าพวกคุณต้องเริ่มคุยจากอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เรื่องเงิน”

“เขาจะยอมให้เราพบอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้” เพกาพึมพำ เธอเหลือบมองไปยังอาคารสองชั้นตรงหน้า ลิ่วลมมองตาม และเห็นร่างสูงของชายวัยกลางคนยืนแอบมองพวกเขาอยู่ที่หน้าต่างบานยาวเช่นกัน

“ให้พบสิครับ” เยชิค่อนข้างมั่นใจ เขาหันไปทางไกด์รุ่นน้องที่มากับแฮโรลด์และเพกา พร้อมกับบอกว่า “วันนี้พาพวกคุณทั้งสองไปเที่ยวทิมพูให้สบายใจก่อน เอาไว้อีกวันสองวันค่อยกลับมาใหม่…”

เขาหันไปทางอาคันตุกะทั้งสอง แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ถึงตอนนั้น ผมคิดว่าพวกคุณคงนึกออกแล้วละ ว่าจะคุยกับเคซังอย่างไรดี เพื่อให้เขาใจอ่อน และยอมอนุญาตให้นำผ้าโบราณเหล่านี้ไปโชว์ที่นิวยอร์คได้”

 



Don`t copy text!