พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.2 : Til the Earth through the Heavens
โดย : พงศกร
พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้
เคซัง ลุนดรัปปล่อยให้แขกจากเมืองไทยนั่งตรวจสอบลายผ้ากันตามสบาย ตัวเองออกไปนั่งทำงานในพิพิธภัณฑ์ด้านหน้า เขาสั่งให้พนักงานนำเครื่องดื่มและอาหารว่างเข้ามาบริการแขก
ชาถั่งเช่าส่งกลิ่นหอมกรุ่น ลิ่วลมตั้งใจมองหาลายดอกไม้ที่ต้องการ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงบ นานๆ ครั้งก็จะมีเสียงใครสักคนขยับตัวด้วยความเมื่อยขบ เขานั่งอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก รู้สึกเหมือนมีใครเฝ้าจับตามองพวกเขาอยู่ ลิ่วลมเหลือบสายตามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่พบว่าจะมีใคร ในห้องลับของเคซังไม่มีแม้กระทั่งกล้องวงจรปิดด้วยซ้ำ
แต่กระนั้น…เขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่จริงๆ…
ชายหนุ่มเห็นอาจารย์อัญญาวีร์เหลือบมองไปรอบๆ ห้องเช่นกัน ลิ่วลมคิดว่าอาจารย์อาจจะรู้สึกเหมือนเขา
สลัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วหันมาสนใจกับงานตรงหน้า หลังจากนั่งส่องลายผ้าอย่างละเอียดมากว่าสองชั่วโมง นารีญาก็ยอมแพ้เป็นคนแรก หญิงสาววางแว่นขยายในมือลง พร้อมกับถอนใจดังเฮ้อ
“มองหาจนตาเหล่แล้ว ไม่เห็นจะมีดอกไม้อะไรนั่นเลย” เธอพึมพำ
“นั่นสิ” คินซาถอดใจ “ฉันก็หาไม่เจอ”
“พยายามต่อไป ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” อัญญาวีร์ให้กำลังใจทุกคน
“ผมพยายามสองรอบแล้ว” เยชิส่ายหน้า เขาวางแว่นขยายในมือลงอีกคน
“ไม่เจอกันเหรอครับ” เคซังเดินกลับเข้ามาพอดี
“ครับ ยังหาไม่เจอ” ลิ่วลมส่ายหน้า “หากันห้าคน สิบตา หาทุกตารางนิ้ว…ละเอียดขนาดนี้ ถ้ามีลายดอกอุทุมพรอยู่ก็คงจะเจอไปแล้ว”
“แปลก” เคซังมีท่าทางครุ่นคิด “ผ้าผืนนี้เรียกได้ว่ารวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับซัมเซเอาไว้แทบทุกด้าน จะเรียกเป็น Samtse’s encyclopedia…สารานุกรมซัมเซก็ว่าได้ ถ้าที่นั่นมีดอกอุทุมพรอยู่จริง ก็ควรจะมีใครสักคนปักรูปดอกไม้นั้นเอาไว้”
“ใครสักคน…” นารีญาสะดุดหูกับคำนั้น
“ผ้าผืนใหญ่แบบนี้ ช่วยกันปักหลายคนครับ” เคซังยิ้มให้หญิงสาวชาวไทย “หนูคงไม่คิดหรอกนะว่า ผ้าผืนนี้ปักด้วยฝีมือคนเดียว…ลองดูฝีเข็มพวกนี้ใกล้ๆ สิ”
เคซังชี้ให้นารีญาดูลักษะของการปักไหมที่มีรายละเอียดแตกต่างกัน
“เห็นไหมครับ การซ่อมปมไหม ความถี่ห่าง ถ้าเราดูละเอียดๆ แล้วจะเห็นว่าเป็นมือของคนละคนกัน”
“จริงด้วยค่ะ” นารีญาตาโตด้วยความตื่นเต้น “ผืนใหญ่ขนาดนี้…ถ้าฝีมือคนเดียวปักนี่คงหลายปีเลยนะคะ”
“หลายคนปักก็ใช้เวลาหลายปีครับ กว่าจะสำเร็จสมบูรณ์ทั้งผืน” เคซังว่า “ศิลปินปักผ้าพวกนี้ไม่ได้ร่ำเรียนมาจากไหน…พวกเธอเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดา ผู้หญิงภูฏานปักผ้าเป็นกันทุกคน พวกเธอจะใช้เวลาว่างจากการดูแลครอบครัว มานั่งชุมนุมกัน แล้วลงมือปักผ้าขึ้นมาเป็นผ้าผืนสำคัญประจำหมู่บ้าน บอกเล่าเรื่องราว สถานที่ตั้ง ถนนหนทาง ชีวิตความเป็นอยู่…เป็นบันทึกวิถีชีวิตของผู้คน เก็บไว้บนผืนผ้าพวกนี้ไงครับ”
“ผู้หญิงกับการทอผ้าเป็นของคู่กันนะครับ” ลิ่วลมพึมพำ เขาอดนึกไปถึงแม่ไม่ได้ “คุณแม่ของผมก็ทอผ้าเป็นครับ แม่เป็นคนอีสาน ยายสอนให้รู้จักทอผ้ามาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้สมัยนี้เราจะนิยมใช้ผ้าสำเร็จรูปที่ทอด้วยเครื่องจักรแล้วก็ตาม แต่แม่ก็ยังทอผ้าให้ลูกๆ ใช้ในโอกาสสำคัญเสมอ”
เขาจำได้ว่าแม่ทอผ้าไหมสีหวานให้พี่สาวของเขาสวมในวันแต่งงาน ครอบครัวของอาคิระ…พี่เขยชาวญี่ปุ่นของเขาตื่นเต้นกันมากที่เห็นผ้าไหมทอมือฝีมือมารดาของรินดารา
“ผ้าทอทุกผืนล้วนมีคุณค่า มีความหมายมากกว่าผ้าสำหรับสวมใส่เฉยๆ แต่ยังแฝงไว้ด้วยความรัก ความรู้สึกผูกพันของคนทอ หลายผืนเป็นบันทึกทางสังคมอย่างที่พวกคุณเห็นนี่ละ” เคซังยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาช่างละม้ายกับรอยยิ้มของผู้เป็นมารดาในภาพเขียนบนผนัง
“ดีจังเลยนะคะ ที่คุณพยายามรวบรวมเอาไว้” อัญญาวีร์ชมจากใจ
แวบหนึ่งนั้นเธอหวนนึกไปถึงเชวัง ทินเลย์ นายแพทย์หนุ่มคนนั้นเคยเล่าให้ฟังว่ามารดาของเขาเป็นช่างทอผ้าที่มีฝีมือของหมู่บ้าน เชวังเคยมอบผ้าพันคอผืนหนึ่งให้เธอเป็นที่ระลึก บอกด้วยว่าเป็นผ้าที่แม่ของเขาทอขึ้นมาเอง ตรงมุมของผ้าผืนนั้นปักลายมังกรตัวเล็กๆ เอาไว้ เชวังบอกว่ามังกรคือสัตว์ประจำชาติของภูฏาน
“ครับ” เคซังพยักหน้า “ถ้าไม่รวบรวมเอาไว้ต่อไปคงสูญหายไปหมด ตอนนี้เริ่มมีนักสะสมต่างชาติ มากว้านซื้อผ้าเก่าๆ ของภูฏานไปเก็บ ผ้าโบราณฝีมือดีๆ ลวดลายละเอียดถูกซื้อไปเยอะมาก ถ้าผมไม่เริ่มตามเก็บ อีกหน่อยเราคงต้องไปศึกษาเรื่องผ้าภูฏานกันที่ต่างประเทศ”
“แล้วนี่คุณจะเอายังไงต่อ” คินซาหันไปทางลิ่วลม เลยเวลาบ่ายมามากแล้ว แสงแดดภายนอกเริ่มหรี่แสงลงทุกขณะ
“ก็คงต้องกลับกันละครับ” น้ำเสียงของลิ่วลมผิดหวัง “แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางไปซัมเซกันให้เร็วที่สุด…ไม่มีเบาะแสก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี…ขอบคุณนะครับคุณเคซัง”
เขาหันไปทางชายวัยกลางคน พร้อมกับโค้งกายลงต่ำเพื่อแสดงความขอบคุณและเอ่ยอำลา
“เดี๋ยวก่อน” คินซานึกอะไรขึ้นมาได้ “ยังมีผ้าจากซัมเซอยู่อีกผืน”
เขาเดินไปที่ตู้ลิ้นชักที่อยู่มุมด้านในสุดของห้อง คินซาดึงลิ้นชักบนสุดแล้วหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่ง ผ้าผืนนั้นถูกม้วนและห่อด้วยผ้าฝ้ายสีขาวสะอาด
เคซังประคองผ้าผืนนั้นด้วยอาการทะนุถนอม เขานำมาวางลงบนโต๊ะกลางห้องแล้วค่อยๆ คลี่ออก พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“พยับฟ้าโพยมดิน”
เขาพึมพำ
“Til the Earth Through The Heaven”
เขาย้ำ ขณะที่ทุกคนในห้องได้แต่จ้องมองผ้าผืนตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“โอ้โห…” ลิ่วลมอุทานได้เท่านั้น
เขาหมดคำพูดใดๆ เพราะผ้าผืนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นเป็นผ้าที่สวยงามที่สุด เท่าที่ลิ่วลมเคยเห็นมา…สวยงาม วิจิตรราวไม่ใช่ฝีมือปักของมนุษย์
งามเสียจนเขาไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร…
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.2 : ฤดูแห่งดวงดาว
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.1 : อ้อมกอดแห่งขุนเขา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.2 : วิหารม้าเทวดา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.1 : ออกเดินทาง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.2 : Orchid Hunter
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.1 : เหตุร้าย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.2 : นิมิตของลิ่วลม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.1 : พยับฟ้าโพยมดิน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.2 : Til the Earth through the Heavens
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.1 : เบาะแสของดอกไม้ทิพย์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.2 : พิพิธภัณฑ์ผ้าเคซัง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.1 : ภัณฑารักษ์จาก The MET
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.2 : ท่านครุ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.1 : วิหารฟ้าคะนอง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.2 : เกาตัน ซับบา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.1 : ฝากไว้
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.2 : เธอคือแสงตะวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.1 : ความทรงจำเหมือนม่านหมอก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.2 : วันฟ้ากระจ่าง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.1 : มีเมฆบ้างเป็นบางวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.2 : ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.1 : Udumbara - อุทุมพร ดอกไม้สวรรค์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน : บทนำ