พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.2 : นิมิตของลิ่วลม

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.2 : นิมิตของลิ่วลม

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ชั่วขณะนั้น หูของลิ่วลมอื้ออึงเสียจนฟังอะไรไม่ได้ยิน มันมีเสียงดังของอะไรบางอย่างกึกก้องกัมปนาท ดวงตาของเขาแลเห็นดวงไฟระยิบระยับ อย่างที่พูดกันว่า ‘เห็นดาว’ ในหัวของเขามีภาพหลายภาพเกิดขึ้นวูบวับ สลับกันไปมาจนแทบจับรายละเอียดไม่ได้

“คุณ…เป็นอะไร เป็นลมเหรอ” นารีญาตกใจ เธออยู่ใกล้ลิ่วลมที่สุด หญิงสาวประคองให้เขาไปนั่งที่เก้าอี้ ขณะที่อัญญาวีร์รีบรินน้ำให้

“เป็นอะไรไปลิ่วลม หายใจลึกๆ…ดื่มน้ำก่อน” อาจารย์บอกเขา และลิ่วลมก็ค่อยๆ รู้สึกตัว

อาการแน่นหน้าอกหายไปแล้ว หากเสียงอื้ออึงในหูยังก้องสะท้อนกลับไปกลับมา

เป็นเสียงปีกขนาดใหญ่กระพือแรง แม้จะเป็นเพียงนิมิตหากลิ่วลมสัมผัสได้ถึงสายลมที่หมุนวนราวพายุ เสียงเปรี๊ยะของวิหารไม้ที่ไหม้ไฟ เสียงคนตะโกนสับสน เหนือศีรษะของเขามีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บินโฉบไปมา เสียงปืน เสียงกรีดร้อง ทุกอย่างสับสนจนเขาจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้

และทั้งหมดมีที่มาจาก ‘พยับฟ้าโพยมดิน’ ผืนนี้ !

“คุณโอเคไหม ไปหาหมอไหมครับ” เยชิเป็นห่วง และลิ่วลมได้แต่บอกกับทุกคนว่าเขาไม่เป็นไร บอกเรื่องนิมิตไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ลิ่วลมเลยอธิบายสั้นๆ แต่เพียงว่า สองสามวันมานี้เขาคงเหนื่อยเกินไป หากได้พักสักหน่อยก็คงจะหาย

“ถ้าผมจะขอกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อถ่ายภาพผ้าผืนนี้แบบละเอียดๆ พอจะเป็นไปได้ไหมครับ” ลิ่วลมเอ่ยหลังจากที่ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว เขามีกล้องที่เลนส์มีความละเอียดสูงมาด้วย ถ้าต้องการจะแกะลายผ้าให้ละเอียด เขาต้องกลับมาอีกครั้งวันรุ่งขึ้น

ดอกอุทุมพรที่ปรากฏบนผืนผ้า แม้จะมีให้เห็นเพียงแค่ดอกเดียว แถมยังเป็นดอกที่ไม่สมบูรณ์ เพราะลวดลายบางส่วนถูกไฟไหม้ไปจนแทบจะบอกรายละเอียดของสถานที่ที่พบดอกอุทุมพรไม่ได้ หากนั่นคือเบาะแสเดียวที่แสดงให้เห็นว่า…มีดอกอุทุมพรอยู่ที่หุบเขาลึก ในซัมเซจริงๆ

และถ้าสามารถถอดรหัสของรายละเอียดแวดล้อมได้ ลิ่วลมเชื่อว่า จะทำให้พวกเขาตามไปจนพบตัวล่องเมฆได้ในที่สุด

“ไม่จำเป็น” เคซังส่ายหน้า “ผมทำสำเนาลายผ้าเอาไว้…ให้พวกคุณขอยืมไปใช้ชั่วคราวได้”

“ถ้าคุณเคซังไม่รังเกียจ…” ลิ่วลมเอ่ยอย่างมีความหวัง

เคซัง ลุนดรัปนิ่งไปนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองภาพเขียนของมารดาบนผนังห้อง ถอนใจยาวก่อนจะพึมพำบอกว่า

“ถ้ามันจะนำคุณไปพบน้องชายที่หายตัวไปได้จริงๆ…ผมก็ไม่ขัดข้อง”

“ขอบคุณนะครับ ผมสัญญาว่าจะรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี” ลิ่วลมยิ้มกว้าง

“รอสักครู่” เคซังลุกขึ้นยืน เขาหยิบถึงมือขึ้นมาสวม เพื่อม้วน ‘พยับฟ้าโพยมดิน’ เก็บและห่อด้วยความระมัดระวัง

ร่างผอมสูงของชายวัยกลางคนเดินลับหายไปครู่ใหญ่ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระบอกโลหะสลักลวดลายละเอียด เคซังยื่นให้กับลิ่วลมแล้วกำชับว่า

“รักษาเอาไว้ให้ดี” เขาย้ำ “ผมขอให้คุณสัญญากับผมสามข้อ”

“ได้ครับ” ลิ่วลมรีบรับปาก ขณะที่นารีญาเอื้อมมือไปสะกิดเขาเบาๆ เป็นทำนองบอกให้ใจเย็น

…อะไรกัน ยังไม่ทันรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะให้สัญญาอะไร ก็ด่วนไปรับปากเขาเสียแล้ว เกิดให้ไปกระโดดหน้าผาตาย มิแย่กันไปใหญ่หรืออย่างไร…นักอุตุนิยมวิทยาสาวทำปากขมุบขมิบ หากลิ่วลมไม่ได้สังเกต ด้วยใจจดจ่ออยู่กับเคซัง ลุนดรัป รอฟังว่าเขาจะพูดอะไร

“ข้อแรก ห้ามเปิดและหยิบของในกระบอกนี้ออกมาเด็ดขาด พวกคุณจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อเดินทางเข้าเขตซัมเซแล้ว” เคซังเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ทำไมคะ” นารีญาอดถามไม่ได้

เคซังฟังหลานสาวของอัญญาวีร์แล้วเลยส่ายหน้า เอื้อมมือหมายจะหยิบเอากระบอกโลหะที่บรรจุสำเนาผ้าพยับฟ้าโพยมดินกลับคืน

“ตกลงครับ” ลิ่วลมรีบรับปาก แล้วรีบเอื้อมมือไปตะครุบกระบอกในมือของเคซังคืนมา “ข้อสองล่ะครับ”

“เส้นทางในพยับฟ้าโพยมดิน ล้วนแต่เป็นเส้นทางโบราณ…แตกต่างไปจากเส้นทางในผ้าจากซัมเซผืนอื่นๆ ที่พวกคุณเคยเห็น” เคซังหมายถึงผ้าผืนที่เขากางแสดงอยู่ในตู้กระจก “เส้นทางหลายสายในพยับฟ้าโพยมดิน…ผู้คนในยุคปัจจุบันไม่รู้จักแล้ว…ถ้าพวกคุณจะติดตามหาดอกอุทุมพรให้พบ จงรับปากว่าจะเดินตามเส้นทางที่นำพวกคุณไปหาอุทุมพรเท่านั้น ห้ามใช้เส้นทางสายอื่นเด็ดขาด เพราะเต็มไปด้วยอันตราย มีทั้งสัตว์ร้ายและภูตผี…ทำได้ไหม”

“ได้ครับ” ลิ่วลมรีบรับปาก คราวนี้เยชิและคินซาช่วยรับปากด้วยอีกแรง

“เราจะไม่ออกนอกเส้นทางแน่นอน” อัญญาวีร์พยักหน้าให้สัญญา

“แค่จะไปหาอุทุมพร ยังมองไม่ออกเลยว่าจะไปทางไหน จะออกนอกเส้นทางไปไหนได้อีก” นารีญาแอบบ่นกับตัวเอง ขณะที่น้าสาวของเธอเอื้อมมือมาหยิกให้หลานสาวหยุดพูด

นารีญาส่ายหน้า หวนนึกไปถึงลวดลายสลับซับซ้อนบนผืนผ้า ก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ ในนั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ไม่ได้มีเส้นทางให้เห็นชัดๆ เหมือนอย่างผ้าผืนแรก แค่จะไปหาอุทุมพรยังต้องมาช่วยกันถอดรหัสอยู่เลย อย่างพวกเธอไม่มีปัญญาจะไปตามเส้นทางอื่นหรอก

“ข้อที่สามล่ะครับ” ลิ่วลมถาม พร้อมกับกลั้นใจรอฟังสัญญาข้อสุดท้ายที่คินซาจะขอ

“จงรักษามันไว้ด้วยชีวิต”

เสียงของเคซัง ลุนดรัปแม้จะแผ่วเบา หากทว่าเป็นกังวาน หนักแน่น จริงจังเสียจนทุกคนที่ได้ยินถึงกับขนลุก

“รักษาผ้าไว้ด้วยชีวิต…หมายความว่ายังไงนะครับ” ลิ่วลมไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า

“หมายความตามนั้น” เคซังยังยืนยัน “สัญญาข้อที่สาม ที่ผมจะขอจากพวกคุณก็คือ…จงรักษาพยับฟ้าโพยมดินไว้ด้วยชีวิต นอกจากพวกคุณแล้ว ห้ามให้ใครเห็นผ้าผืนนี้โดยเด็ดขาด หากเกิดเหตุสุดวิสัย มีใครต้องการจะช่วงชิงพยับฟ้าโพยมดินไปละก็…จงทำลายมันทิ้งทันที”



Don`t copy text!