พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.2 : เธอคือแสงตะวัน

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.2 : เธอคือแสงตะวัน

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ตอนที่อาจารย์ที่ปรึกษาพาเขามาหาอัญญาวีร์ เธอกำลังเปิดเพลงโปรดของนักร้องคนโปรดอยู่พอดี

‘อะไรเพลง’ ผู้ชายตัวสูงที่เดินมากับดอกเตอร์ดิลก เอ่ยถามอัญญาวีร์ด้วยภาษาไทยสำเนียงประหลาด

‘เพลงอะไร’ อัญญาวีร์แก้ให้

‘เพลงอะไร’ เขาถามซ้ำ และอัญญาวีร์ก็บอกชื่อเพลงกับเขาไป และบอกอีกด้วยว่า

‘นักร้องชื่อพี่เบิร์ด ดังมาก’

‘เพราะดีนะครับ’ เขายิ้ม ‘ผมชอบ’

‘ทุกคนชอบพี่เบิร์ดกันทั้งนั้นละ’ หล่อนพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางดอกเตอร์ดิลก แล้วเอียงคอแทนการตั้งคำถาม

‘ครูพาเพื่อนใหม่มาทำความรู้จักน่ะอัญ’

เธอหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงอีกครั้งอย่างตั้งใจ แล้วก็ต้องกะพริบตาถี่ๆ เพราะออร่าของชายหนุ่มผู้มาใหม่นั้นขาวกระจ่าง ดวงหน้าคมสัน ดวงตาชั้นเดียว หางตาเรียวและเฉียงขึ้นนิดหนึ่งอย่างคนธิเบต

‘เชวัง ทินเลย์…คุณหมอเป็นคนภูฏาน’

อ้อ…เธอพยักหน้านิดหนึ่ง…คนภูฏานน่ะเอง นึกว่าเป็นคนทิเบตหรือคนจีนเสียอีก

แต่…

อาจารย์พาเขามาทำไม เป็นหมอควรจะพาไปคณะแพทย์สิ ไม่ใช่มาคณะอักษรฯ

‘คุณหมอมาเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง’ ชะรอยหน้าตาของเธอจะเต็มไปด้วยคำถาม ดอกเตอร์ดิลกเลยรีบอธิบาย ‘ใช้เวลาสามปี พอเรียนจบก็ต้องสอบวุฒิบัตรเฉพาะทาง…ทีนี้ข้อสอบเป็นภาษาไทยไง ก็เลยต้องมาเรียนภาษาไทยกับเราก่อน’

‘อ่อ’ อัญญาวีร์พยักหน้า

‘อัญช่วยเป็นบัดดี้ให้หน่อยสิ’ ดอกเตอร์ดิลกพูดง่ายๆ สั้นๆ ‘มีบัดดี้ เชวังได้พูดภาษาไทยเก่งไวๆ’

‘เดี๋ยวก่อนนะจารย์’ อัญญาวีร์ทำตาโต ‘จารย์ไม่ถามอัญก่อนเหรอ’

‘ไม่เห็นต้องถามเลย เรื่องง่ายๆ รู้จักกันเอาไว้ละดีแล้ว’ อาจารย์พูดหน้าตาเฉย ‘อัญกำลังศึกษากลุ่มภาษาทิเบตอยู่ไม่ใช่หรือ เผื่อจะได้ไปภูฏาน ได้ขอให้เชวังช่วยบ้างไง’

กลุ่มภาษาทิเบตที่ดอกเตอร์ดิลกพูดถึง เป็นกลุ่มภาษาที่มีคนใช้มากกว่า ๖ ล้านคน ใช้กันในบริเวณที่ราบสูงทิเบต ภาคเหนือของอินเดีย ลาดัก เนปาล สิกขิมและภูฏาน เป็นกลุ่มภาษาที่อัญญาวีร์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

‘ไปภูฏาน อัญไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องพึ่งคนอื่นเลย’ อัญญาวีร์ว่า

‘ทำเป็นเก่งอีกแล้ว’ ดอกเตอร์วัยกลางคนโคลงศีรษะ ‘จำตอนที่ไปอินเดีย แล้วพาสปอร์ตหายไม่ได้หรือไง’

‘ก็ตอนนั้นอัญยังไม่รู้อะไร’ อัญญาวีร์เถียง

ตอนพาสปอร์ตหายที่อินเดีย นั่นเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเธอ

อัญญาวีร์เดินทางไปรัฐมณีปุระ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับบังคลาเทศ เพื่อศึกษาภาษามณีปุระที่มีต้นเค้ามาจากกลุ่มภาษาทิเบต – พม่า

กว่าจะถึงมณีปุระก็ต้องต่อเครื่องในประเทศหลายต่อ มารู้ตัวว่าทำพาสปอร์ตหาย เมื่อเวลาผ่านไปแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ ทำเอาวุ่นวายยกใหญ่ เพราะอัญญาวีร์ต้องเดินทางไปทำพาสปอร์ตฉุกเฉินที่สถานทูตไทย ซึ่งอยู่กันคนละรัฐ เคราะห์ดีที่ได้ดอกเตอร์สาญจี เพื่อนของดอกเตอร์ดิลกคอยช่วยประสานงานให้ แต่กว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย ก็ใกล้ถึงเวลาต้องเดินทางกลับ

‘แต่…’ อัญญาวีร์ว่า ‘ถ้าจารย์ขอร้องขนาดนี้ ก็ได้ค่ะ…อัญก็จะช่วย’

ตอนรับปากดอกเตอร์ดิลก อัญญาวีร์ไม่รู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

 

แม้ระยะทางจะอยู่ห่างไกลกัน หากคนภูฏานและคนไทยมีบุคลิกลักษณะคล้ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยอ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รวมไปถึงความชอบและความเชื่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัญญาวีร์จะสนิทสนมกับนายแพทย์เชวัง ทินเลย์ อย่างรวดเร็ว

‘ไปดูคอนเสิร์ตกันไหม’

เชวังเดินมาหาอัญญาวีร์พร้อมกับบัตรคอนเสิร์ตในมือ

‘คอนเสิร์ต’ อัญญาวีร์เงยหน้าจากหนังสือตรงหน้า ‘คอนใคร’

‘พี่เบิร์ด’ เขาเรียกชื่อนักร้องคล่องปาก

‘เดี๋ยวก่อนนะ’ อัญญาวีร์แทบไม่เชื่อหูและสายตาของตนเอง ‘นี่ก้าวหน้าขนาดซื้อตั๋วคอนเสิร์ตเองเป็นแล้วเหรอ’

‘ซื้อเป็นสิ ไม่โง่นะ’ เขาหัวเราะเสียงดัง เชวังเป็นคนเปิดเผย ฟันของเขาขาวสะอาดและเรียงกันเป็นระเบียบ ตัดกับดวงหน้าคล้ำแดดและดูน่ามอง

เชวังอยู่ไทยมาได้ครึ่งปีแล้ว เขาฟังและพูดภาษาไทยได้คล่องกว่าตอนที่มาถึงใหม่ๆ แต่ยังอ่านและเขียนไม่เก่ง อัญญาวีร์จะสอนภาษาไทยให้เชวังทุกเย็นวันจันทร์ พุธและศุกร์ ด้วยเหตุนี้สองหนุ่มสามจึงพบกันเป็นประจำสม่ำเสมอ ก่อนที่เชวังจะไปเรียนต่อเฉพาะทางได้ เขาจะต้องได้รับใบประกอบโรคศิลป์ของประเทศไทย และสอบวัดความรู้ภาษาไทยพื้นฐานสำหรับคนต่างชาติผ่านเสียก่อน

‘ซื้อมาเท่าไร’ อัญญาวีร์รับบัตรมาดูราคา พอเชวังบอกตัวเลข หญิงสาวก็หันไปโวยวายทันที

‘ตายแล้ว ทำไมซื้อมาแพงอย่างนี้’

‘ก็ตั๋วหมดตั้งแต่ชั่วโมงแรก’ เชวังสารภาพ ‘ผมไปซื้อต่อเขามา’

‘เอาไปคืนเลย’ อัญญาวีร์เอ็ด

‘คืนไม่ได้ คืนยังไงล่ะ’ เชวังถึงกับเกาศีรษะ

‘ฉันเอาไปคืนให้’ อัญญาวีร์ว่า ‘ไหน บอกมา ไปซื้อจากใคร’

‘ซื้อต่อมาจากแฟนของหมอที่เป็นเพื่อนผม’ เชวังตอบเสียงอุบอิบ ‘คืนไม่ได้หรอก เขาบอกว่าซื้อแล้วห้ามเอามาคืน’

‘เฮ้อ’ อัญญาวีร์ถอนใจ

‘ก็ผมเห็นคุณชอบพี่เบิร์ด คุณโกรธผมทำไม’ ดวงหน้าคมสันสลดลง

อัญญาวีร์เห็นเช่นนั้น เสียงเลยอ่อนลง

‘ฉันไม่ได้โกรธคุณ ฉันแค่เสียดายเงิน…ถ้าซื้อตั๋วราคาปกติ ฉันจะไม่บ่นเลย แต่นี่ไปซื้อต่อมาจากคนอื่น เขาเลยโก่งราคาคุณ ฉันเจ็บใจในแง่นั้นมากกว่า’

‘โก่งราคา’ เชวังงงกับคำนั้น

‘Rip off’ อัญญาวีร์พยายามหาภาษาอังกฤษที่ใกล้เคียงกับคำว่าโก่งราคามากที่สุด

‘อ่อ’ คราวนี้เชวังพยักหน้าเข้าใจ

‘ฉันไม่อยากให้คุณต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น’ อัญญาวีร์โคลงศีรษะ

‘ครั้งนี้ผมซื้อมาแล้ว คืนก็ไม่ได้ คุณอย่าบ่นเลย’ เชวังพูดง่ายๆ ตามประสาของเขา ‘ไหนๆ มีตั๋วแล้ว เราไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันนะ’

‘ได้ ไปก็ไป’ หล่อนพยักหน้าด้วยท่าทีง่ายๆ ดุจเดียวกัน ‘แต่คุณต้องให้ฉันช่วยจ่ายค่าตั๋วครึ่งหนึ่ง ไม่งั้นฉันไม่ไป’

‘ไม่ให้จ่าย’ เขายิ้ม

‘ทำไมไม่ให้จ่าย รวยนักเหรอ’ อัญญาวีร์พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ท่าทางผ่อนคลายลงไปมาก

‘ไม่รวย’ เขายังหัวเราะ ‘แต่เพื่อคุณ…ผมอยากทำให้ ผมอยากให้คุณมีความสุข’

ประโยคนั้นทำให้อัญญาวีร์ชะงักไป

…ผมอยากให้คุณมีความสุข…

เชวัง ทินเลย์กำลังจะบอกอะไรอย่างนั้นหรือ…



Don`t copy text!