พยับฟ้าโพยมดิน : บทส่งท้าย

พยับฟ้าโพยมดิน : บทส่งท้าย

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“รู้อย่างนี้ฉันทำตามที่พวกคุณแนะนำตั้งนานแล้ว” เสียงแฮโรลด์ โคดาดังเจื้อยแจ้ว ดวงหน้าอวบอูมยิ้มร่าเริงราวเป็นเด็ก

อัญญาวีร์ นารีญา และลิ่วลมกำลังจะเดินทางกลับเมืองไทยวันพรุ่งนี้ เชวัง ยังเชน และล่องเมฆตามมาส่งที่ทิมพู หนนี้พวกเขาใช้เส้นทางปกติ เพราะทางการซ่อมถนนเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาขับรถแค่ครึ่งวัน ไม่ต้องระหกระเหินรอนแรมผ่านหุบเขาและป่าลึกเหมือนที่ผ่านมา

พวกเขาแวะมาเยี่ยมเคซัง ลุนดรัปที่พิพิธภัณฑ์ผ้า เพื่อให้แน่ใจว่าเขาแข็งแรงเป็นปกติ รวมถึงเชวังอยากจะแจ้งให้ทราบว่ามีคนซ่อมผ้าพยับฟ้าโพยมดินเรียบร้อยแล้ว ก็บังเอิญพบกับภัณฑารักษ์จาก The MET ที่ด้านหน้าอาคารเสียก่อน

แฮโรลด์มากับหญิงสาวคนหนึ่ง ลิ่วลมได้ยินแฮโรลด์เรียกเธอว่า ‘มาดามเจ้า’ เลยคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนจีน

แฮโรลด์เองก็จำชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มใหญ่ได้ดี เพราะครั้งที่แล้วก็พบกันแบบนี้ แต่ครั้งนั้นเขามัวแต่หงุดหงิดที่เคซังไม่ยอมให้ขอยืมผ้าไปจัดแสดงจนไม่มีอารมณ์จะทักทายใคร

“เป็นคนไทยใช่ไหมคะ” หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งส่งยิ้มให้ “ฉันได้ยินพวกคุณคุยกัน”

“ใช่ค่ะ” นารีญาส่งยิ้มให้ เธอมองสตรีตรงหน้าด้วยความชื่นชม เพกาสวมคีราได้งดงาม สีแดงสดของเสื้อตัวนอกขับผิวขาวของเธอให้ดูเปล่งปลั่ง

“ฉันก็คนไทยค่ะ แต่ย้ายไปอยู่ที่ฮ่องกงนานแล้ว” เพกาคุยด้วยท่าทางสบายๆ “นี่มาเป็นเพื่อนแฮโรลด์ค่ะ เขาเป็นหัวหน้าเก่าของฉันที่ The MET”

“แฮปปี้ละจ้ะ” แฮโรลด์หัวเราะชอบใจ “คุณเคซังยอมให้ขอยืมผ้าไปจัดแสดงแล้ว”

“ดีใจด้วยนะครับ” ลิ่วลมว่า “ตกลงทำยังไงเขาถึงยอมครับ”

“ก็ทำตามที่ไกด์ของคุณแนะนำเมื่อคราวก่อนนั่นละ” แฮโรลด์ถอนใจเบาๆ

“ห้ามพูดเรื่องเงิน แต่คุยอะไรก็ได้ที่เคซังจะชอบใจ…ฉันเลยยกปกรณัมภูฏานมาคุยด้วย ทีนี้คุยกันได้ยาวเลยนะ แถมเคซังยังชวนฉันไปดูผ้าปักลายปกรณัมต่างๆ ที่เขาเก็บสะสมไว้อีกด้วย ทีนี้ก็เลยเข้าทาง เพราะผ้าที่เขาเก็บสะสมเอาไว้นั้นสวยเหลือเกิน สวยจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยละ แล้วทีนี้มันก็ไม่ควรเก็บเอาไว้ดูคนเดียวไง…”

“แฮโรลด์เลยทำสำเร็จในที่สุด และไม่ถูกไล่ออก” เพกาแกล้งแหย่ เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วร้องเสียงดังว่า “ตายจริง…เลยเวลานัดกับอาแทนไทและอาแพมแล้ว เรารีบไปกันเถอะค่ะ…ขอตัวก่อนนะคะ”

ประโยคหลังเพกาหันมาทางเพื่อนชาวไทยที่เพิ่งได้พบ

“อาของฉันทำสายการบิน กำลังมาสำรวจบ้านเมืองและเจรจากับรัฐบาลน่ะค่ะ เห็นว่าอยากเปิดเส้นทางบินสายใหม่กรุงเทพ-พาโร…ถ้าทำได้ตามแผน ต่อไปเดินทางมาภูฏานก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น…ฉันนัดว่าจะไปพบอาที่โรงแรมตอนเก้าโมง นี่เลยเวลามานานแล้ว ไปก่อนนะคะ”

เพกาและแฮโรลด์โบกมือให้กับทุกคนด้วยท่าทางเป็นกันเอง ก่อนจะขับรถเช่ากลับไปตามถนนสายเล็กๆ ที่ทอดคดเคี้ยว มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง…

 

แม้จะอยากอยู่เที่ยวภูฏานต่อมากแค่ไหน แต่ทุกคนก็ต้องกลับไปทำงาน ระหว่างที่ยังพอมีเวลา ลิ่วลมเดินถ่ายรูปให้นารีญาไปทั่วเมือง ตามที่เขาเคยสัญญาเอาไว้

และนารีญาก็ชมว่าฝีมือการถ่ายภาพของเขาดีขึ้น เป็นที่น่าพอใจ พร้อมกับสถาปนาให้เขาเป็นช่างภาพประจำตัวของเธอ

“ผมควรจะดีใจไหมเนี่ย” ลิ่วลมบ่นพึมพำ

“ควรดีใจสิคะ” นารีญาหัวเราะเห็นฟันขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบ “ฉันไม่เคยมอบตำแหน่งนี้ให้ใครมาก่อนนะ คุณคนแรกเลย”

“อ้ะ ดีใจก็ดีใจ”

สองหนุ่มสาวใช้เวลาด้วยกันตามลำพัง เพราะอัญญาวีร์กับเชวังก็มีเรื่องต้องเคลียร์กันหลายเรื่องเช่นกัน นารีญาอยากให้น้าสาวของเธอมีเวลาเป็นส่วนตัว เธอเลยชวนลิ่วลมออกไปเที่ยวทุกเช้า กว่าจะกลับโรงแรมก็เป็นเวลาอาหารมื้อเย็น

ทุกๆ วันนารีญาจะสวมชุดคีรา และลิ่วลมก็จะสวมชุดโก ดูกลมกลืนกับชาวเมืองและสถานที่ทุกแห่งที่ผ่านไป

นารีญาสังเกตเห็นว่าน้าของเธอมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เธอดีใจกับอัญญาวีร์และคิดว่านี่คือสิ่งที่น้าควรจะได้รับตั้งนานแล้ว

เชวังคอยดูแล เอาอกเอาใจน้าของเธอเป็นอย่างมาก ราวกับเขาต้องการจะชดเชยเวลาที่สูญเสียไป สองคนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งจิบกาแฟในสวน อ่านหนังสือด้วยกัน นานๆ ครั้งก็จะเงยหน้าขึ้นมาสนทนาเรื่องนั้นเรื่องนี้กันด้วยท่าทางผ่อนคลาย

เชวังบอกกับอัญญาวีร์ว่า เดือนหน้าเขาจะกลับไปสมัครงานที่โรงพยาบาลซัมเซ ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาดูแลคนป่วยให้เต็มที่ เพราะบัดนี้ภาระอันหนักอึ้งของเขาสิ้นสุดลงแล้ว

อัญญาวีร์บอกเขาว่าพี่เบิร์ด นักร้องยอดนิยมที่เชวังชื่นชอบ กำลังจะมีคอนเสิร์ตครั้งใหม่ช่วงปลายปี เชวังสัญญาว่าเขาจะบินไปกรุงเทพฯ เพื่อดูคอนเสิร์ตกับอัญญาวีร์อีกครั้ง

ล่องเมฆโทรศัพท์กลับไปหาพ่อและแม่ทุกวัน เพื่อส่งข่าวให้ทุกคนสบายใจว่าเขายังอยู่ดีมีความสุข

ล่องเมฆไม่อยากโกหก แต่ความจริงเป็นอย่างไรนั้น เขาเล่าให้ใครฟังไม่ได้

ล่องเมฆจึงบอกพ่อและแม่ไปว่า ที่ขาดการติดต่อไปนั้นเป็นเพราะสัญญาณมือถือไม่ดี และเขาเดินทางไปเก็บสมุนไพรในป่าลึก ลิ่วลมก็เลยติดต่อเขาไม่ได้ เลยเกิดความเป็นห่วงจนต้องติดตามมาหาด้วยตัวเอง

ชายหนุ่มบอกพ่อและแม่อีกด้วยว่าเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อเก็บข้อมูลวิจัยต่ออีกสักระยะ อาจจะหกเดือนหรือหนึ่งปีเป็นอย่างน้อย เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะกลับไปนำเสนอดุษฎีนิพนธ์พร้อมกับสอบจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย หลังจากจบได้รับปริญญาแล้วจะทำอะไรต่อค่อยตัดสินใจอีกครั้ง

ที่จริง ล่องเมฆได้รับข้อเสนอให้เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยที่เรียนจบ แต่ลิ่วลมคิดว่าล่องเมฆคงจะปฏิเสธไปในที่สุด หัวใจของน้องชายเขาอยู่กับยังเชนที่ภูฏานนี่แล้ว อีกทั้งมหาวิทยาลัยที่นี่ยังต้องการบุคลากรเก่งๆ มาเป็นอาจารย์ช่วยสอนหนังสือ ช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาประเทศ จึงมีแนวโน้มสูงมากว่า ล่องเมฆคงจะมาสมัครเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยซัมเซ

ส่วนยังเชนนั้น ตั้งใจว่าจะอยู่ที่ซัมเซเช่นกัน

คุณย่าโซเทน ทินเลย์อายุมากแล้ว ต้องการลูกหลานดูแลอย่างใกล้ชิด ยังเชนคุยกับย่าของเธอว่าจะตั้งโรงเรียนสอนทอผ้า รวมถึงอนุรักษ์ลายผ้าเก่าแก่ของภูฏานเอาไว้ ภูมิปัญญานี้ต้องมีการต่อยอดต่อไป แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตาม หากมนุษย์ยังต้องการศิลปะและประณีตศิลป์เพื่อจรรโลงใจ สิ่งที่เธอทำอาจไม่ก่อให้เกิดรายได้มากนัก แต่ยังเชนก็ไม่ได้ต้องการจะร่ำรวยเงินทองแต่อย่างใด ขอเพียงได้ทำในสิ่งที่มีความสุข เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับหญิงสาว…

หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวเข้าที่ ยังเชนจะเดินทางไปเมืองไทยเพื่อพบกับพ่อแม่ของล่องเมฆอย่างเป็นทางการ เธอตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น

เรื่องราวของทุกคนเหมือนจะค่อยๆ ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความเข้าอกเข้าใจกัน รวมไปถึงความสัมพันธ์

มีแต่เขากับนารีญานี่ละ ที่อะไรๆ ก็ยังไม่ชัดเจนนัก

ชอบนารีญาไหม…อืม…ลิ่วลมถามตัวเอง…ชอบสิ

หลานสาวของอาจารย์อัญญาวีร์มีอะไรให้น่าค้นหา ทั้งยังเป็นคนอารมณ์ดี ง่ายๆ สบายๆ ไม่จุกจิกเรื่องมาก เขาชอบที่นารีญาเป็นคนพูดตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบ เขาคิดว่าเมื่อกลับไปถึงเมืองไทย จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์กับนารีญาอย่างจริงๆ จังๆ เพราะลึกลงไปแล้วเขาก็เชื่อว่าเธอเองก็มีใจให้เขาเช่นกัน ไม่อย่างงั้นตอนที่ถูกกระแสน้ำพัดไปด้วยกันในโพรงถ้ำ เธอคงไม่คอยประคองเขาโดยไม่ห่วงว่าตัวเองจะบาดเจ็บอย่างนั้นหรอก

สายลมเย็นยังคงแผ่วรวยรินมาไม่ขาดระยะ

ลิ่วลมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่รัตติกาลเริ่มคลี่คลุม

ดวงดาวจำนวนนับร้อยกะพริบพราวแสง พัลเดนคงจะมีความสุขอยู่ที่หนึ่งที่ใดบนนั้น

ก่อนจะเดินทางมาที่ทิมพู ยังเชนขอคุณย่าโซเทนเปิดผ้าพยับฟ้าโพยมดินออกดู ก็เห็นว่าพัลเดนกำลังบินอยู่บนทางช้างเผือก มันคงพาท่านชายเดินทางไปทำภารกิจที่ไหนสักแห่ง

เขาเห็นยังเชนใช้ปลายนิ้วแตะหัวใจ แล้วเลื่อนไปแตะที่สัญลักษณ์รูปมังกรแผ่วเบา ราวต้องการจะส่งความคิดถึงไปให้ ‘ไอ้ตัวเล็ก’ ของเธอ

อีกสองวัน เขา นารีญา และอัญญาวีร์ก็จะเดินทางกลับไทยแล้ว

แต่ลิ่วลมเชื่อมั่นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้มาภูฏาน

ล่องเมฆอยู่ที่นี่ และเชวังก็อยู่ที่นี่

เขา นารีญา และอัญญาวีร์จะต้องได้มาเยือนภูฏานอีกหลายต่อหลายครั้งแน่นอน

ส่วนล่องเมฆ เชวัง และยังเชนเอง พวกเขาก็ต้องได้เดินทางไปกรุงเทพมหานครอีกหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน…

 

– จบบริบูรณ์ –



Don`t copy text!