โหงลำโขง บทที่  14 : บาดแผลในใจและความจริง (2)

โหงลำโขง บทที่ 14 : บาดแผลในใจและความจริง (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

คูนและแม่จำปูนวิ่งลงเฮือนไปท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากที่มาแห่ล้อมเอาไว้ หลายคนพากันตกใจที่เห็นจำปาถูกบัวเพียงใช้มีดเสียบหน้าท้องอย่างกะทันหัน มีหรือที่ข่าวแบบนี้จะไม่กระจายไปทั่วหมู่บ้านในระยะเวลาอันรวดเร็ว

คูนเป่าปากเสียงนกหวีดเพื่อเรียกไอ้นวลออกมา ไม่นานม้าคู่ใจก็ควบเร็วออกมารับเขาถึงหน้าเฮือนเหมือนทุกที เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของมันก่อนที่จะคว้าเอาแขนของแม่จำปูนขึ้นไปนั่งอยู่ด้านหน้า แม้จะรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้างที่ต้องมาโอบเอวว่าที่แม่ยาย แต่สถานการณ์มันบีบให้ต้องทำแบบนี้

หลังจากนั้นไอ้นวลก็พาวิ่งออกไปตามเส้นทางที่คูนต้องการจะไป เส้นทางที่กำลังควบไปนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เพราะมันคือสถานที่เดียวกับที่ท้าวคำมั่นอุ้มจำปีขึ้นมานอนริมฝั่งนั่นเอง

บรรยากาศในยามเช้าของวันนี้แม้จะสดใจเหมือนเคย แต่ไม่รู้เพราะอะไร กลุ่มก้อนเมฆกลับลอยมาบดบังแสงเอาไว้ ทำให้ท้องฟ้าในอาณาบริเวณนั้นดูมืดครึ้มคล้ายกับยามเย็น ไม่นานสายลมที่เคยพัดตามกระแสน้ำไหล แต่ตอนนี้สายลมกลับพัดทวนกระแสน้ำขึ้นมา ทำให้น้ำในลำโขงเริ่มหมุนวนเป็นเกลียวคลื่น เห็นแล้วช่างน่าสะพรึงกลัว

 

เวลาผ่านไปนาน เพราะกว่าจะมาถึงก็เล่นเอาซะเหนื่อยกันทั้งคนและม้าเลยทีเดียว แม่จำปูนลงจากหลังม้า เธอยังจดจำถึงเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี เมื่อลูกหนึ่งคนรอดแต่อีกคนกลับเสียชีวิต พอยิ่งกวาดสายตามองดูบริเวณโดยรอบ ความรู้สึกหดหู่และซึมเศร้าก็แล่นผ่านเข้ามาครอบงำจิตใจให้คล้อยไหลไปตามเวิ้งว้างของความทุกข์

“จำปีตายตรงนี้ แม่ยังจดจำได้บ่เคยลืมเลยสักวัน” แม่จำปูนค่อยๆ ก้าวเดินไปยืนตรงจุดที่ร่างของจำปีเคยนอนอยู่ตรงนี้ เธอนั่งลงไปลูบร่องรอยของโคลนที่แข็งตัว “แม่กลับมาหาลูกแล้วเด้อจำปี ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ได้ยินเสียงแม่อยู่บ่ลูก”

ในขณะที่จำปีกำลังจูงมือจำปาลงน้ำอยู่นั้น พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงของแม่จำปูนที่ส่งผ่านเข้ามาในมิติของโลกวิญญาณ ก่อนจะพากันหยุดเดินที่ริมน้ำแล้วหันหลังกลับมามอง แต่ไม่เห็นใคร

“เฮารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวสิเสียเวลาไปมากกว่านี้เด้อ” จำปีเอ่ยขึ้น

จำปาพยายามมองหาเสียงนั่นอีกที “นั่นเสียงแม่กำลังเรียกเอื้อยอยู่เด้อ แม่อาจสิอยู่แถวนี้กะได้”

“แม่สิมาอยู่แถวนี้ได้แนวใด” จำปีรีบร้อนอยากให้จำปารีบลงน้ำให้เร็วที่สุด แต่เธอต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้เป็นปกติ “งั้นกะลองยืนฟังดูอีกที บางทีน้องอาจสิหูฝาดกะได้”

“กะได้” จำปาพยักหน้าและทำตามที่พี่สาวแนะนำ แต่พอหันหน้ากลับไปมองดูดีๆ แล้ว เธอก็ยังไม่พบใครเลยสักคน แม้แต่เสียงของแม่ก็เงียบหายไปแล้ว

“เห็นหรือยัง น้องหูฝาดไปเอง เฮารีบลงกันเถอะ แล้วน้องสิได้รีบกลับเฮือนเร็วๆ”

หลังจากนั้นจำปาก็ค่อยๆ ก้าวเท้าลงไปเหยียบน้ำ แต่มันกลับไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นของน้ำเลยสักนิด ทุกอย่างรอบตัวตอนนี้เหมือนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

คูนใช้คาถาเปิดมิติวิญญาณกับมนุษย์ให้สามารถมองเห็นกันได้

แม่จำปูนมองเห็นจำปีและจำปาได้อย่างชัดเจนก่อนที่จะตะโกนเรียกลูกสาวทันที “จำปีจำปา ลูกแม่” เธอดีใจมากที่ได้มองเห็นลูกสาวฝาแฝดทั้งสองคนอีกครั้ง ทุกอย่างมันเหมือนกับฝันไปจริงๆ “แม่อยู่นี่แล้ว กลับมาหาแม่เถอะลูก”

จำปีและจำปาเหลียวหลังกลับมามองด้วยความประหลาดใจที่ต้องเห็นแม่ตัวเองยืนอยู่กับคูนบนฝั่ง

“นั่นแม่กับอ้ายคูนอีหลีบ่จ๊ะ” จำปาเอ่ยถามขึ้น เธอดีใจมากที่เจอแม่ จึงตัดสินใจจะก้าวเท้าเดินไปหา แต่ถูกจำปีดึงแขนเอาไว้เสียก่อน “เอื้อยมีหยัง เห็นหรือยัง…เสียงของแม่อีหลี”

“นั่นมันบ่แม่นแม่และอ้ายคูน นั่นมันคือภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นเพื่อรั้งเฮาเอาไว้เฉยๆ” จำปีชักจะเก็บอารมณ์หงุดหงิดไว้ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังพอที่จะฝืนทนได้บ้าง “เฮารีบลงน้ำกันเถอะ”

“จำปาเมือเฮือนกันเถอะ” คูนตะโกนออกไป “อย่าลงน้ำไปกับจำปีเด็ดขาด ทุกอย่างที่จำปีบอก มันคือคำหลอกลวง”

แม่จำปูนค่อยๆ ก้าวลงไปให้ใกล้ลูกๆ มากที่สุด “จำปีลูก ปล่อยน้องเมือเฮือนเถอะเด้อลูก” เธอพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวคนโตอย่าพาน้องลงน้ำ “จำปี…น้องยังบ่ได้ตาย ถ้าลูกพาดวงจิตน้องลงน้ำไปด้วย จำปาสิเสียชีวิตทันทีเลยเด้อ”

จำปีไม่อยากจะฟังแม่ของตัวเองพล่ามอีกต่อไป เธอจึงกระชากแขนของจำปาลงไปในน้ำทันที แล้วดวงจิตของจำปาก็เหลือเพียงท่อนบน

จำปาแปลกใจมากที่ดวงจิตของตัวเองเหลือเพียงครึ่งตัว เธอจึงสะบัดมือของจำปีออก “นี่มันเกิดหยังขึ้นเอื้อย เป็นหยังร่างของข่อยถึงเหลือครึ่งท่อน” เหลือบหันไปมองวิญญาณของจำปี “แล้วเป็นหยังร่างของเอื้อยถึงยังอยู่ครบล่ะ”

จำปีขึงตาใส่จำปาให้เงียบไป ก่อนรีบคว้าแขนของน้องสาวเอาไว้ ทีนี้จับแน่นจนจำปาไม่มีทางหลุดมือเธอไปได้ แม้ว่าจำปาพยายามจะสะบัดมือออกแล้วก็ตาม

แม่จำปูนร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นจำปีเปลี่ยนไปมาก “จำปาลูก วิ่งมาหาแม่เถอะ” เธอยื่นมือออกไป “มาจับมือแม่ไว้เด้อ เฮาเมือเฮือนกันเถอะ อย่าตามจำปีลงไปเลย จำปีบ่แม่นคนแล้ว จำปีจำใครบ่ได้แล้ว”

“จำปาขึ้นมาจากน้ำก่อน อย่าลงไปมากกว่านี้ บ่เช่นนั้นร่างของน้องสิหายไปหมดเลย” คูนใช้น้ำเสียงโน้มน้าวจิตใจของคนรัก “อ้ายยังบ่อยากจากน้องไปเลย เมือเฮือนเฮากันเถอะเด้อ”

แม้ว่าภายในใจของแม่จำปูนและคูนอยากจะวิ่งลงไปกระชากแขนของจำปาขึ้นมาจากน้ำมากแค่ไหน แต่ทั้งสองคนก็ไม่อาจที่จะก้าวเท้าลงไปเหยียบผิวน้ำได้เลย มิเช่นนั้นจะถูกดูดลงไปในน้ำทันที ราวกับมีใครสักคนลากลงสู่ก้นลึกของน้ำและอาจเสียชีวิตได้

แต่แล้วก็มีเสียงควบม้าดังมาแต่ไกล นำโดยท้าวคำมั่น ท้าวพา เก้อ ต๋องและเหล่าพ่อชายนักรบอีกหลายนาย กำลังควบม้าเข้ามาใกล้ๆ บริเวณที่พวกเขาอยู่

พอท้าวคำมั่นมาถึง เขารีบกระโจนลงจากหลังม้าก่อนใคร แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาแม่จำปูนทันที “เป็นยังไงบ้าง ก่อนมานี่ติ้วเล่าให้พ่อฟังทั้งหมดแล้ว” เหลือบหันไปมองเห็นจำปีและจำปา “บ่คิดเลยว่าสิแม่นเรื่องจริง”

แม่จำปูนยังคงร้องไห้ไม่หยุด “พ่อช่วยพูดกับจำปีด้วยเถิด บอกให้ปล่อยดวงจิตจำปาได้แล้ว บ่เช่นนั้นลูกของเฮาต้องตายตามไปอีกคนเด้อ”

ท้าวคำมั่นเหมือนจะก้าวตามลงไปในน้ำ แต่ถูกแม่จำปูนดึงตัวเอาไว้ก่อนว่าอย่าเข้าไปใกล้ เขาจึงตะโกนออกไปแทน “จำปี…ปล่อยจำปามาเดี๋ยวนี้เด้อ” พอตะโกนออกไปแล้วดูเหมือนจำปีจะไม่ได้เชื่อฟัง ทั้งยังทำทีเมินเฉยใส่ แต่แล้วท้าวคำมั่นก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนมาที่นี่ติ้วได้บอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ล้วนเป็นฝีมือของแม่เฒ่าต้วนทั้งสิ้น เขาจึงตะโกนออกไปอีกครั้ง “แม่เฒ่านี่ขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อนเลยเด้อ นิสัยชอบเข่นฆ่าคนอื่นให้ตายๆ ไปนี้บ่เคยเปลี่ยนไปเลยอีหลี”

คำพูดของท้าวคำมั่นที่พูดให้แม่เฒ่าต้วนนั้น แม้ว่าเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องในอดีตมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันคือปมของแม่เฒ่าที่ฝังลึกในใจมาโดยตลอด เขาเลยมีความจำเป็นต้องพูดแบบนั้นออกมาเพื่อหลอกล่อแม่เฒ่าให้หยุดหลบอยู่หลังเงาคนอื่นสักที

ในที่สุดก็สำเร็จ ดวงจิตของแม่เฒ่าต้วนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในดวงวิญญาณของจำปีนั้น ได้แยกตัวออกมาทันทีเมื่อได้ยินท้าวคำมั่นให้ร้ายในเรื่องที่ตนเองไม่ได้ทำและไม่มีมูลความจริงเลยสักนิด

ตอนนี้ดวงวิญญาณของจำปีกลับมาเป็นดวงวิญญาณของเธอจริงๆ เพียงแต่ว่าความทรงจำได้ถูกลบออกไปแล้ว จึงไม่อาจจดจำใครได้เลย แต่เธอยังคงจับแขนของจำปาเอาแน่นตามคำสั่งของแม่เฒ่าต้วน

แม่เฒ่าต้วนชี้นิ้วใส่หน้าของท้าวคำมั่น “มึงต่างหากที่ฆ่าคนเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ คนชั่วช้าสามานย์อย่างมึง ยังมีหน้ามากล้าใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างกูอีกหรือไง”

“ข่อยไปฆ่าใครเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ…”

แม่เฒ่าพูดสวนขึ้นก่อนที่ท้าวคำมั่นจะพูดจบ “มึงคงลืมอดีตพ่อใหญ่แม่ใหญ่คนก่อนไปแล้วละสิ อย่าบอกเด้อว่ามึงลืมพ่อตีบแม่จูมไปแล้วบักชั่ว”

คูนไม่คิดเลยว่าแม่เฒ่าจะเข้ามาจัดการด้วยตัวเองทั้งหมด ทั้งๆ ที่ผ่านมาแม่เฒ่านั้นใช้ให้เขาคอยทำตามแผนการมาโดยตลอด เหตุการณ์ขณะนี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทันเลย “แม่เฒ่า…เฮาหยุดกันแค่เถอะเด้อ เรื่องมันนานแล้ว แก้แค้นไปกะมีแต่มีผลเสียตามมาหลายเด้อขอรับ”

“คูน…นี่ลูกยอมให้อภัยคนที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ลูกไปได้ยังไง แม่สิไปบอกพ่อตีบกับแม่จูมยังไง เมื่อลูกชายตนเองดันไปเข้าข้างและเห็นใจฆาตกรแบบนี้” แม่เฒ่าผิดหวังในตัวคูนมาก เธอไม่คิดเลยว่าคูนจะหลงรักลูกสาวของฆาตกรขนาดนี้ “แม่ผิดหวังในตัวลูกหลายเด้อ”

ทุกคนล้วนตกใจไปตามๆ กัน เมื่อได้รู้ความจริงว่าคูนคือลูกชายของท้าวตีบและแม่จูม อดีตพ่อใหญ่และแม่ใหญ่ของชนเผ่าก่อนหน้า โดยเฉพาะท้าวคำมั่นที่ตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเด็กทารกที่เขาออกตามมานานหลายปีนั้น กลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่ใกล้ชิดเขามาตลอด

“หยุดใส่ร้ายพ่อใหญ่” ท้าวพาก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้า เขานิ่งอยู่นาน แต่ครั้งนี้ขอพูดบ้าง “พ่อใหญ่ตีบและแม่ใหญ่จูมที่ตายไปนั้น ข่อยว่าแม่เฒ่าคงสิเข้าใจผิดแล้วเด้อ”

“เข้าใจผิดหยัง กูเห็นกับลูกกะตาตัวเอง พ่อใหญ่ที่มึงเคารพนักเคารพหนานั้น มันเป็นผู้ฆ่าผู้มีพระคุณของกู หากบ่มีพวกเขาทั้งสองช่วยเหลือเอาไว้ ป่านนี้กูคงตายไปนานแล้ว” แม่เฒ่ากวาดสายตาไปมองทุกคนที่ยืนจับจ้องมาที่ตนด้วยความคับแค้นใจ “เฮ็ดหยังใส่กูไว้ พวกมึงลืมไปหมดแล้วอีหลี นี่แล้วคนเฮ็ดบ่จำ คนถูกกระทำจดจำไปจนมื้อตาย”



Don`t copy text!