กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
นับจากแก้วได้เรียนรู้วิธีการทำแป้งร่ำแลน้ำอบจนมีฝีมือแล้ว นางสายก็มิให้เธอทำงานในสวนในไร่อีก ทุกวันนอกจากงานในเรือนแก้วก็จะวุ่นอยู่กับการเก็บดอกไม้แลทำน้ำอบแป้งร่ำ ยามเย็นนางสายที่เข้าสวนไปดูผลหมากรากไม้ก็กลับมานั่งลงที่กลางเรือน แก้วจึงวางมือจากการทำแป้งร่ำ เร่งรุดไปตักน้ำฝนโรยดอกมะลิมาให้ในทันที
“งานในสวนมีมากนัก แม่ให้ฉันไปช่วยดีไหมจ๊ะ”
“มิต้องดอกอีกมิกี่วันพ่อสินก็จะพาลูกพาเมียมาช่วยงานแล้ว”
สิน คือหลานชายของนางสาย ที่ตบแต่งมีเมียแลย้ายไปค้าขายทางเหนือเมื่อปีก่อน แต่เพราะการค้าขายมิสู้ดีนักจึงได้เขียนจดหมายขอลงมาช่วยงานนางสายตามเดิม
“แม่แก้ว ดอกมะลิ แลดอกแก้วพวกนี้จักให้พี่ลงปลูกที่ตรงใด”
เสียงทุ้มต่ำหากแต่แฝงความอ่อนโยนดังก้องมาจากท่าน้ำ นางสายหันมาจดจ้องหญิงสาวตรงหน้าแล้วลอบยิ้มส่งสายตาหยอกล้ออยู่ในที
“เร่งลงไปเถิด หาไม่คนเขาโกรธขึ้นมาคืนนี้จะมิได้นอนเอา”
แก้วถูกแม่ผัวหยอกเย้าก็เขินอายจนสองแก้มร้อนผ่าว แม้วันก่อนเธอกับปราบจะมิได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่ก็อยู่ร่วมห้องนอนร่วมเตียงจนฟ้าสาง ในใจจึงเขินอายอยู่ไม่น้อย ยิ่งได้สบสายตาของแม่ผัวก็ร้อนผ่าวลามไปทั้งตัวจนต้องเร่งคลานเข่าหมุนตัวลงเรือนไปในทันที นางสายขยับโบกพัดในมืออย่างปลื้มอก นับวันรอหลานตัวน้อยของตนเอง
แม่แก้วลงเรือนมาก็เร่งชี้บอกตำแหน่งลงปลูกแปลงดอกไม้ หากแต่คนฟังกลับมิใส่ใจดูเดินเข้ามาโอบเอวบางกระซิบข้างหู
“เหตุใดลงมาช้านัก ทิ้งให้พี่รั้งรออยู่นานโข”
แก้วตกใจกับสัมผัสจู่โจมของปราบ แต่ก็มิกล้าผลักไสเขาออก สองแก้มร้อนผ่าวเป็นทบทวี ยิ่งยามลำคอระหงสัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนของคนตัวโตขนกายสาวก็ยิ่งลุกชันเป็นทบทวี
“พี่ปราบปล่อยนะจ๊ะ ประเดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“เห็นสิดี ผู้อื่นจะได้รู้ว่าเอ็งเป็นเมียพี่”
“พี่ประกาศต่อหน้าป้าแย้มเยี่ยงนั้นยังจะมีผู้ใดไม่รู้อีกเล่า”
ปราบได้ยินคำของแก้วก็ยิ้มกว้าง เรื่องฝีปากกระจายข่าวของแย้มนั้นดีเพียงใดเขาย่อมรู้ดี เพราะหลายข่าวเขาเองก็ได้มาจากหญิงขายขนมหวานผู้นี้
“เยี่ยงนั้นก็ดี ชายใดจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเอ็งอีก”
วันนี้ปราบเอาเรื่องของตนเองไปเปิดอกคุยกับพ่อคงสหายสนิท อีกฝ่ายจึงแนะนำให้เขารุกเข้าหาแม่แก้ว เดิมทีปราบมิเห็นด้วย เพราะการกระทำเช่นนี้อาจทำให้แม่แก้วเป็นที่ครหา แต่เมื่อสหายเอ่ยถึงสถานะของเขาในใจแม่แก้วปราบก็ตั้งมั่น
นับจากนี้ทุกการกระทำของเขาจะแสดงให้แม่แก้วเห็นชัดว่าเขาเป็นผัว มิใช่พี่ชายข้างเรือนของเธอดังวันวาน
“พี่ปราบทำกระไรเยี่ยงนี้ ปล่อยข้านะ”
“พี่เป็นผัว กอดเมียจะเป็นไรไป”
แก้วใจสั่นระรัว ก่อนหน้านี้แม้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของปราบ แต่เขาก็ยังคงวางตัวไม่ต่างจากเดิม ทว่ามิรู้เกิดกระไรขึ้นหลังได้นอนร่วมห้องกันคนที่มักเว้นระยะกับเธอเสมอจึงได้กลายเป็นเช่นนี้
“หากยังชักช้าประเดี๋ยวจะลงดอกไม้ไม่ทันฟ้ามืดเอานะจ๊ะ”
“ฟ้ามืดก็จุดไต้ มิเห็นจะเป็นกระไร วันนี้พี่ซ้อมมวยเหนื่อยนักขอกอดเมียให้มีกำลังสักหน่อย”
แก้วอับจนหนทางจะเจรจาห้ามคน สุดท้ายก็ได้แต่ยืนให้เขากกกอดด้วยความขัดเขิน จวบจนคนเหนื่อยหายอ่อนล้าจึงยอมคลายอ้อมแขน
“วันนี้พี่ไปเช่าที่ในตลาดน้อยข้างร้านขายผ้าแพรของจีนหงเอาไว้ให้เอ็ง ต่อไปเอ็งก็ไปนั่งขายที่นั่น”
“ข้างร้านผ้าแพรของจีนหง ที่ตรงนั้นอยู่ในเขตตลาดเจ้าสัวสอนมิใช่หรือจ๊ะ ฉันได้ยินมาว่าราคาสูงนัก หากให้ฉันเอาของไปขายเกรงว่าจะมิคุ้มเอา ให้ฉันหาบขายของเยี่ยงเดิมเถิดจ้ะพี่ปราบ”
“แค่เอ็งมิต้องหาบของเร่ขายให้ลำบากก็คุ้มแล้ว”
“แต่…”
เมื่อเห็นท่าทีลังเลเกรงใจของแก้ว ปราบก็ถอนหายใจยาวพลางลุกขึ้นส่งสายตาวาววับ
“หากเอ็งยังดื้อ พี่จะพาเข้าห้องลงโทษ แลครานี้พี่จะมิยอมหยุดเช่นคราก่อน”
พาเข้าห้องลงโทษ เมื่อได้ยินคำนี้หัวใจของแก้วก็สั่นระรัว ยิ่งเห็นสายตาเปล่งประกายมีเลศนัยของปราบร่างกายของเธอก็ร้อนผ่าวจนต้องเบนหน้าเดินหนีไปเก็บดอกไม้ที่ตากแห้งไว้ขึ้นเรือนไปทำน้ำอบและแป้งร่ำที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
นับจากย้ายมาอยู่เรือนของนางสาย แก้วก็มิได้ลำบากเยี่ยงอยู่เรือนของชบาผู้เป็นน้า ผิวพรรณก็ถูกนางสายจับขัดถูจนเหลืองนวลตา กลิ่นกายก็ประพรมด้วยน้ำอบแป้งร่ำจนหอมจรุงเนียนนุ่ม จากแม่หญิงที่ผู้คนครหาหมางเมินตราหน้าว่าเป็นกาลกิณี ก็เริ่มเป็นที่สนใจของบุรุษไม่ต่างจากแม่ผกากรองในวันวาน
“แม่แก้ว น้ำอบแลแป้งร่ำนี่หากใช้แล้วกายพี่จักหอมเยี่ยงกายแม่หรือไม่”
ชายที่มาเทียวซื้อน้ำอบเอ่ยเย้าเกี้ยวพาน แม้จะรู้ว่าแก้วออกเรือนมีผัวไปแล้วทว่าความงามที่เย้าตาขึ้นมามากโขก็ทำให้พวกบุรุษอดที่จะเย้าแหย่มิได้
“หากมึงอยากรู้ก็ลองมาดมที่ตีนกูดูปะไรไอ้มั่น”
ปราบที่บังเอิญเดินมาได้ยินคำเกี้ยวพาราสีเมียตนจากปากของบุรุษหน้าหนา ในใจก็เกิดอารมณ์หงุดหงิดเอ่ยเสียงแข็งกร้าวขุ่นเคือง คนที่ก่อนหน้ายังยิ้มระรื่นหยอกเย้าแก้วพลันหน้าซีดรีบรับของจ่ายอัฐแลหนีหน้าไปในทันที ขณะที่คนขายของก็ได้แต่หันมาสบตาคนโมโหแล้วถอนหายใจยาว ส่งน้ำมะตูมให้เขาดื่มคลายโทสะ
“วันนี้พี่ปราบไม่ไปซ้อมมวยหรือจ๊ะ”
“ไม่! วันนี้อยากซ้อมคนเสียมากกว่า”
ท่าทางขุ่นเคืองประชดประชันนี้ของปราบไม่ได้ทำให้แก้วกรุ่นโกรธเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งยิ้มกว้างจนแก้มนวลเปล่งปลั่ง เรียกสายตาค้อนดุจากคนเป็นผัวอีกวงใหญ่
“แม่แก้วหุบยิ้มประเดี๋ยวนี้”
“ทำไมกันจ๊ะ หรือว่าข้ายิ้มมิงาม”
เท่าพี่ผกากรอง… ท้ายประโยคนี้แก้วพูดเพียงในใจเท่านั้นไม่ได้เอ่ยออกไป หากแต่สีหน้าและแววตากลับเศร้าหมองชัดเจน ด้วยรู้ดีว่าในใจของปราบมีเพียงผกากรองผู้เป็นพี่ ยากนักที่หญิงสาวใบหน้าสามัญเยี่ยงเธอจะเข้าไปแทนที่ ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงอ่อนหน้าเศร้า
“กล่าวอะไรเลื่อนเปื้อน! หากเอ็งยังยิ้มเยี่ยงนี้พี่จะให้กลับเรือนแลพาเข้าห้อง”
ให้กลับเรือนแลพาเข้าห้อง คำพูดนี้ของปราบเรียกรอยยิ้มเขินอายจนพวงแก้มของแก้วแดงก่ำราวกับชาด มือไม้พลันเกะกะหยิบจับกระไรก็ไร้เรี่ยวแรง จนคนเอ่ยเย้าต้องจับมากอบกุมแลดึงรั้งให้นางนั่งลงบนตั่งไม้
“นั่งพักเถิด พี่จักขายต่อให้เอง”
ดวงตากลมมองบุรุษตัวหนาเอ่ยเรียกลูกค้า แลขายของอย่างช่ำชองแล้วยิ้มกว้าง ในขณะที่แก้วกำลังมีความสุขกับชีวิตคู่อันแสนเรียบง่ายของตน ความคับแค้นในใจของผกากรองกลับพุ่งทะยาน ยิ่งวันนี้ได้มาเห็นว่าน้องสาวที่เคยตกเป็นรองตนมาตลอดมีชีวิตสุขสบายราวคุณหนูบุตรขุนนางใหญ่ ความคับแค้นน้อยใจก็กลายเป็นริษยาเต็มตัว
“หญิงผู้นั้นใช่หรือไม่น้องสาวเอ็ง”
ก้อนที่ยืนข้างๆ ผกากรองเอ่ยถาม สายตามองไปยังหญิงสาวที่กำลังขายน้ำอบแป้งร่ำ
“จ้ะพี่ก้อน วันนี้ได้เห็นแม่แก้วสบายดีแลมีผัวที่รักใคร่ข้าก็ยินดีด้วย เรื่องที่นางใส่ร้ายข้า ทำร้ายข้าในอดีตก็ช่างมันเถิด”
ผกากรองแสร้งตีหน้าเศร้า มองดูน้องสาวด้วยสายตาผิดหวัง ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้ความแค้นในใจของก้อนที่เมียรักเคยถูกคนอื่นรังแกยิ่งเพิ่มพูนเป็นทบทวี
“ในเมื่อมันกล้าทำเรื่องเลวร้าย สร้างราคีให้เอ็ง พี่ก็จะทวงคืนแค้นให้”
เมื่อได้ยินวาจาแลเห็นท่าทีของก้อน ผกากรองก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
อีแก้ว! อีตัวกาลกิณี กูจะมิมีวันยอมให้มึงได้ดีกว่ากู หากชีวิตกูต้องตกต่ำมึงจักต้องตกต่ำยิ่งกว่ากู
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ