สาป บทที่ 3 : ชุดน้ำชา
โดย : เยาวเรศ
สาป นวนิยายลึกลับ โดย เยาวเรศ เรื่องราวของสาวไทยที่ต้องไปเผชิญกับความลึกลับในบ้านชนบท ประเทศอังกฤษ โดยมีความรัก…ความแค้น…และความอาฆาตพยาบาทที่มาเดิมพันกับชีวิตของเธอ นิยายออนไลน์จากเว็บไซต์อ่านเอาที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์อีกเรื่อง
*************************
– 3 –
นับตั้งแต่คืนที่ได้รับรู้กับตาตนเองว่า ชายหนุ่มที่แดฟนีคลั่งนักคลั่งหนาและเริ่มออกเดตด้วยบ่อยๆ คือทริสตัน ไอลดาก็พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะชายหนุ่มในทุกโอกาส ข้ออ้างสารพัดสารพันถูกยกขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงเขาโดยแท้
หล่อนไม่ได้โกรธหรืออิจฉาเพื่อนสาวแต่อย่างใด ไอลดายังคงเป็นไอลดาคนเดิมที่รับฟังทั้งทุกข์และสุขของเพื่อนสาว คอยปลอบใจ คอยให้ความหวัง ทั้งๆ ที่ตัวหล่อนเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในเรื่องความรักแต่อย่างใด
แม้นี่จะไม่ใช่การ ‘ตกหลุมรัก’ ครั้งแรกของแดฟนีตั้งแต่หญิงสาวทั้งสองรู้จักกันมา แต่ครั้งนี้ไอลดารู้สึกว่าเพื่อนรักของหล่อน ‘เป็นเอามาก’ กว่าคนก่อนๆ แถมความรักครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนและเปิดไฟเขียวจากเลดี้ไวโอเล็ต มารดาของแดฟนีเป็นอย่างดี เนื่องจากครอบครัวของทริสตันอยู่ในวงสังคมระดับเดียวกัน ฐานะทางการเงินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เลดี้ไวโอเล็ตหายใจอย่างโล่งอกที่บุตรสาวคนเดียวของเธอนั้นคบหาคนที่ ‘คู่ควร’ กันทุกประการ
ไอลดาค่อยๆ รื้อข้าวของส่วนตัวของหล่อนออกมาจากลังกระดาษอย่างระมัดระวัง บริษัทที่แดฟนีจ้างมาทำการย้ายบ้านและข้าวของนั้น ทำงานได้เรียบร้อยสมกับราคาค่าจ้าง นอกจากของส่วนตัวของหล่อนสองสามลังที่ไอลดาขอไว้ว่าหล่อนจะจัดการเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือตำราและหนังสือหายากทั้งนั้น สิ่งของทุกอย่างถูกจัดเข้าที่ทางอย่างเรียบร้อย
นี่เป็นอาทิตย์ที่สองแล้วที่หญิงสาวทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้ ไอลดายังรู้สึกไม่ชินกับการต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบสงบของชนบทในสองสามคืนแรกๆ แม้แดฟนีจะกลับบ้านทุกคืน ดึกบ้าง หัวค่ำบ้าง แต่นับตั้งแต่หล่อนเริ่มออกเดตกับทริสตัน หญิงสาวก็กลับมานอนที่บ้านทุกคืน แม้ไอลดาจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่หล่อนก็ไม่ได้ปริปากถามเพื่อนสาวในเรื่องใดๆ ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ไอลดาหันไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบาๆ ยังไม่ทันจะได้ตอบรับ เพื่อนรักของหล่อนก็โผล่หน้าเข้ามาก่อนพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แดฟนีใช้เท้าเตะประตูออกแล้วค่อยๆ ถือถาดชาเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณไอลดา”
“สวัสดีค่ะคุณแดฟนี” หญิงสาวหัวเราะ ช่วยเปิดประตูพร้อมกับรับถ้วยชามาจากเพื่อนสาว “ขอบคุณสำหรับชานะคะ ว่าแต่เอาใจฉันขนาดนี้ มีเรื่องอะไรจะให้ฉันทำเหรอ”
แดฟนีหัวเราะ หล่อนไม่ตอบในทันที ดวงตาสีฟ้าใสหม่นแสงลงนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของไอลดาไปได้ หล่อนถอนใจก่อนจะจับมือเพื่อนสาว
“เป็นอะไรไปอีก ถ้าฉันเดาก็คงจะเป็นเรื่องทริสตันใช่ไหม”
คนฟังพยักหน้า คราวนี้ดวงหน้าสวยคมปราศจากรอยยิ้ม คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น
“ช่างมันเถอะลดา ฉันคงคิดมากไปเอง”
“เมื่อคืนเธอก็เพิ่งไปกินดินเนอร์ ไปฟังเพลงกับเขามา ทะเลาะกันหรือเปล่า…”
“เปล่า” แดฟนีส่ายหัว “ไม่ได้ทะเลาะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเลย เขาดีทุกอย่าง”
“อ้าว” คนฟังถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะจิบชาร้อนๆ ช้าๆ “แล้วเธอจะทำหน้าอย่างนั้นทำไม ไม่ได้ทะเลาะกัน เขาก็ดีกับเธอนี่นะ”
“ก็เพราะเขาดีเกินไปน่ะสิ” พูดจบแล้วแดฟนีก็หยุดแค่นั้น หล่อนยังคงขมวดคิ้วนิ่วหน้าเหมือนเดิม พลางมองไอลดาอย่างเคืองๆ “นี่เธอจะให้ฉันต้องพูดต่ออีกเหรอ…”
“อ๋อๆ” ไอลดากลั้นยิ้ม “นึกว่าเรื่องอะไร”
เพื่อนรักของหล่อนลุกขึ้นยืนอย่างขัดใจที่ไอลดาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แดฟนีเดินไปเดินมาอยู่สักครู่ก็ทนไม่ไหว โพล่งออกมาว่า “ฉันว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันเลยนะลดา มีแต่ฉันนี่แหละที่บ้าไปคนเดียว”
“ไม่เอาน่า” หล่อนปลอบเพื่อนสาว “อย่าคิดมาก เธอเพิ่งเริ่มคบกับเขาไม่นาน ก็ค่อยๆ ดูไปก่อนไหม”
แดฟนีถอนใจยาว หล่อนกระแทกตัวนั่งแรงๆ บนเตียงของไอลดาอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงชายหนุ่มที่กำลังถูกกล่าวถึง
ถ้าจะให้หล่อนเปรียบ ทริสตันก็คงเป็นเหมือนกระแสน้ำในลำธาร ใส สวย ไหลเรื่อยๆ รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ แต่ในความสวยงามของลำธารนั้นก็มีความเยือกเย็น ความห่างเหิน แม้จะสุภาพ ไม่เหมือนกับชายหนุ่มอื่นๆ ที่หล่อนเคยเดตด้วย เพียงแค่เจอกันครั้งแรก ก็ยากนักที่คนเหล่านั้นจะหลุดจากบ่วงเสน่ห์ของหล่อนไปได้ แดฟนีเสียอีกที่เป็นฝ่ายต้องบอกปัดตรงๆ เมื่ออีกฝ่ายเริ่มจริงจัง
สำหรับหล่อนแล้ว เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเขินอาย ขอให้เพียงแต่มีวิธี ‘ทอดสะพาน’ และ บอกเป็นนัยๆ และเมื่อสองฝ่ายมีความต้องการที่ตรงกัน ก็ถือว่าได้กันทั้งสองฝ่าย
แต่กับทริสตัน แม้เขาจะเดินมาตามสะพานที่หล่อนทอดให้แต่โดยดี ไม่มีการลังเล แต่ก็ดูเหมือนว่า เขาพอใจที่จะเดินช้าๆ ชมวิวสองข้างทางอย่างใจเย็นมากกว่าจะที่จะรีบวิ่งตรงมายังอีกด้านหนึ่งของสะพาน!
นอกเหนือไปจากนั้น แดฟนียังแอบสงสัยนิดๆ ว่า ทำไมทุกครั้งที่เจอกัน เขาเป็นต้องถามถึงเพื่อนสนิทของหล่อน แม้จะไม่ตรงไปตรงมา แต่การสนทนาก็ดูเหมือนว่าจะมีไอลดาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทุกทีไป
ดังนั้นในวันนี้ หล่อนจึงวางแผนที่จะเชิญชายหนุ่มมารับประทานอาหารเย็นที่บ้าน โดยไม่บอกให้ไอลดารู้ เพื่อจะได้จับสังเกตว่าเขาสนใจไอลดามากเกินกว่าปกติหรือไม่ หรือจะเป็นหล่อนเองที่ปริวิตกไปเองด้วยความที่หลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเลยพาลไปหึงเพื่อนสาว
“วันนี้เธอว่างใช่ไหม”
“ฮื่อ” ไอลดาพยักหน้า จิบชาอุ่นๆ จนหมด “เธอบอกฉันว่าอยากจะกินอาหารไทยที่บ้านตั้งหลายวันแล้วไม่ใช่หรือ ฉันก็เตรียมอะไรต่างๆ ไว้หมดแล้วแหละ แต่ถ้าทำแล้วไม่อร่อยอย่าโทษกันนะ”
“ถ้าไม่เผ็ดก็ไม่อร่อยนะ” คนฟังหัวเราะ “ฉันกินเผ็ดเก่งก็ตั้งแต่รู้จักเธอนั่นแหละ วันก่อนโน้นไปดินเนอร์กับทริสตันที่ร้านอาหารไทยแถวไนท์บริดจส์ อาหารอร่อยนะ แต่ฉันว่ามันไม่ค่อยครบรส มันจืดๆ เหมือนทำให้ฝรั่งกิน”
ไอลดาฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้
“เอาๆ รับรองฉันจะทำให้เผ็ดถูกใจเธอทีเดียว ฝรั่งอะไรกินเผ็ดเหมือนคนไทย”
พูดจบหญิงสาวก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางรื้อของในกล่องใหญ่ข้างโต๊ะทำงานง่วน
“หาอะไรเหรอลดา”
“ชุดน้ำชาเล็กของแม่น่ะ หายไปได้ยังไง ฉันว่าฉันยังไม่ได้เอาออกจากกล่องนี่นะ มันบอบบาง อายุก็มากหลายปี กลัวคนที่มาช่วยเราย้ายบ้านเขาจะทำแตกหรือบิ่น ก็เลยกะว่าจะทำเอง”
“เขาเอาไปเก็บที่ไหนหรือเปล่า ตู้ในห้องนั่งเล่นหรืออาจจะเก็บไว้ในครัว”
“ไม่น่านะ” หล่อนส่ายหัว “กล่องนี้ฉันก็สั่งให้เขายกมาไว้ในห้อง มีสองกล่อง แล้วฉันก็เพิ่งเปิดกล่องเมื่อคืนนี้แหละเพราะจะเอาหนังสือในนี้มาเขียนรายงาน พอเปิดกล่องแล้วก็ปิด ยังเห็นห่อชุดน้ำชาในนั้นอยู่เลย…”
“ไม่หายไปไหนหรอก หาดูดีๆ” แดฟนีจับแขนเพื่อนสาว ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “ดินเนอร์สักหกโมงครึ่งนะลดา เริ่มเร็วนิด จะได้มีเวลาคุยกันจนถึงดึกๆ นานๆ”
บรรยากาศระหว่างมื้ออาหารเย็นเป็นไปอย่างราบรื่น แดฟนีร่าเริง ช่างพูด ช่างคุยตลอดเวลา ความแจ่มใสและความมีอารมณ์ขันของหล่อนช่วยทำลายความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อที่ไอลดาจำเป็นต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับชายหนุ่มผู้เป็นคู่เดตของเพื่อนสาวไปได้มากทีเดียว
หล่อนทำอาหารหลายอย่างที่แดฟนีชอบ เช่น แกงเผ็ดเป็ดย่าง ผัดผักรวมมิตร ยำเนื้อ ต้มยำกุ้งและไข่เจียว อันเป็นของโปรดที่สุดของเพื่อนสาว
‘นานๆ ทำกับข้าวไทยเสียที ทำเสียเยอะแยะเลยนะ’ แดฟนีโผล่หน้าเข้ามาในครัว ก่อนจะย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นน้ำปลาที่หล่อนกำลังเทลงไปในชามถ้วยน้อยเพื่อปรุงน้ำยำ ‘กินกันแค่สามคนแค่นั้นเอง…’
‘สามคน’ ไอลดาเลิกคิ้ว หันไปถามอีกฝ่าย ‘เธอเชิญใครมาด้วยเหรอ ทำไมถึงไม่บอกกันก่อน…’
‘ลดา…’ คนฟังลากเสียงยาว พลางรีบเข้ามากอดหล่อนทางด้านหลัง ‘ฉันก็ไม่เคยเห็นว่าเธอจะมีปัญหาอะไรนี่นา แต่ก่อนใครจะมาดินเนอร์ด้วยก็ไม่เคยเห็นเธอว่า แล้วทุกทีเธอก็ทำอาหารเยอะแยะ ฉันก็เลยคิดว่า ไหนๆ เธอก็ทำอาหารไทยแล้ว ก็เลยเชิญเขามาด้วยก็แล้วกัน’
‘อย่าบอกนะว่า…’
‘ใช่ๆ’ แดฟนีหัวเราะเบาๆ ‘จะใครเสียอีกล่ะ เย็นนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไร ฉันคุยกับเขาเมื่อวันก่อน บอกว่าอยากจะกินอาหารไทยฝีมือเธอเต็มที เพราะก็อย่างที่บอก ใครก็ทำอาหารไทยไม่ถูกใจฉันเท่าเธอ ทริสตันเขาก็เลยอยากจะลองชิมบ้าง…’
ไอลดาถอนใจ
ยิ่งหนีก็เหมือนจะยิ่งเจอ…หล่อนไม่อยากพบเขาเลย จะด้วยเหตุผลประการใด ไอลดาก็ไม่สามารถตอบตนเองได้ หล่อนไม่อยากได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขา ไม่อยากเห็นดวงตาสีฟ้าจัดที่ชอบจ้องมองหล่อนตรงๆ และไม่อยากเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่ระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้นทุกครั้งที่หล่อนเจอเขา!
แล้วนี่หล่อนต้องมานั่งเผชิญหน้ากับเขา ตรงข้ามกัน จะหลบเลี่ยงไปไหนก็ไม่ได้ แดฟนีนั่งเคียงข้างชายหนุ่ม แทนที่จะนั่งหัวโต๊ะแบบเจ้าบ้าน หล่อนนั่งแนบชิด คอยเอาอกเอาใจ รินไวน์ให้ ยกและเลื่อนจานอาหารให้ ชวนสนทนาในเรื่องต่างๆ ไอลดาต้องยอมรับว่าเพื่อนรักหล่อนทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติจริงๆ หล่อนเองเสียอีกที่เงียบเป็นส่วนใหญ่ จะโต้ตอบพูดคุยบ้างก็ต่อเมื่อจำเป็น หรือไม่ก็เมื่อการสนทนาก็วกเข้ามาหาตัวเอง จึงเลี่ยงไม่ได้
“คืนนี้คุณไอลดาใจลอยจัง” ดวงตาสีฟ้าจัดคู่นั้นจ้องตรงๆ มาที่หล่อนอีกแล้ว “หรือว่าเป็นผมเป็นแขกที่แย่ ทำตัวน่าเบื่อ หรือไม่คุณก็ปวดหัว…”
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างรู้ทันว่าเขาพยายาม ‘หาเรื่อง’ หล่อนมองหน้าเขา ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบว่า
“ถ้าจะบอกว่า ทั้งสามข้อล่ะคะ”
ทริสตันยิ้มน้อยๆ พลางหันไปทางแดฟนี แล้วแกล้งทำหน้าเศร้า
“เพื่อนคุณเขาไม่ชอบผม แล้วผมจะทำยังไงล่ะเนี่ย”
เพื่อนรักของหล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อหันไปมองไอลดา ก็เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก็ทำให้หล่อนคลายความสงสัยทั้งหมดในใจลงได้ทันที นึกโกรธตัวเองที่หลงคิดไปได้ว่าทริสตันชอบเพื่อนสาวของหล่อนมากกว่าตัวเอง ทั้งหลายทั้งปวง คงเป็นเพราะไอลดาไม่ชอบทริสตัน และหล่อนก็แสดงออกจนกระทั่งชายหนุ่มรู้สึกได้นั่นเอง
“ลดาเขาห่วงฉันน่ะค่ะ” แดฟนีหัวเราะเสียงใส “เขาคงกลัวฉันจะผิดหวัง เราเป็นเพื่อนรักกันนะคะ”
“ค่ะ” ไอลดาผสมผเสตามน้ำไปทันที “ฉันไม่ชอบเห็นคนมาหลอกรักเพื่อนฉัน”
“ใครจะกล้ามาหลอกรักแดฟนีหนอ…มีแต่ชายหนุ่ม ทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ จะเข้าคิวมาคุกเข่าขอความรักจากเธอ ยอมให้เธอทุกๆ อย่าง ขอเพียงแต่ให้แดฟนีคนสวยรับรักเป็นพอ…”
“แล้วคุณล่ะคะ” แดฟนีถามทีเล่นทีจริง ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ คราวนี้ใบหน้าสวยคมนั้นปราศจากรอยยิ้มหวานใส “คุณจะมาเข้าคิวเหมือนคนอื่นด้วยหรือเปล่า”
ทริสตันไม่ตอบ เขายิ้มน้อยๆ ดวงตาสีฟ้าจัดเป็นประกายจนแดฟนีรู้สึกเหมือนหัวใจหล่อนจะละลายลงเป็นน้ำไปในบัดนั้น เขาบีบมือหล่อนเบาๆ ก่อนจะตอบว่า
“ผมว่าหางแถวคงจะยาวไปถึงสกอตแลนด์กระมัง…”
หญิงสาวแอบถอนใจ หมุนแก้วไวน์เล่นอย่างพยายามระงับอารมณ์
ไม่มีครั้งไหนเลยที่หล่อน ‘รุก’ หรือพยายามถามเขาอย่างทีเล่นทีจริงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ แล้วหล่อนจะได้คำตอบจากเขาเสียที ทริสตันมักจะตอบเลี่ยงไปทางอื่น หรือไม่ก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาเสียอย่างนั้น ทำให้จนถึงบัดนี้ หล่อนก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า จริงๆ แล้วเขารู้สึกอย่างไรกับหล่อนมากไปกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ที่เขาใช้เสมอๆ ในการแนะนำ ‘สถานะ’ ของแดฟนีเมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสไปพบเจอผู้อื่น หรือออกงานสังคมด้วยกันตามที่เลดี้ไวโอเล็ตเชื้อเชิญ
นอกจากนั้น เขายังไม่เคยแนะนำหล่อน หรือเชิญหล่อนไปพบปะครอบครัวของเขาแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่รู้จักกันมา!
“ไอลดา…อาหารทุกอย่างอร่อยมากเลยครับ” ชายหนุ่มจงใจหันมาสนทนากับหล่อน “เป็นอาหารไทยที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับประทานมาเลยทีเดียว”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มตามมารยาท นึกไม่ออกว่าจะตอบเขาว่าอย่างไรอีก รู้สึกอึดอัด หล่อนแทบไม่ได้แตะอาหารที่ตัวเองทำเลย แถมยังมีความรู้สึกเหมือนท้องไส้ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลาที่ต้องนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเขา
ไอลดาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมหล่อนจึงรู้สึกเช่นนั้น เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่หล่อนก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่ามันคืออะไร
“คุณชินกับการอยู่ชนบทหรือยังครับ…”
“ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ วันแรกๆ ก็รู้สึกเงียบ แล้วก็น่ากลัว แต่ไปๆ มาๆ ก็เริ่มชิน”
“ลดาเขาปรับตัวได้ดีกว่าฉันเยอะเลยค่ะ” แดฟนีตอบแทน “เขาออกไปซื้อของที่ร้านในหมู่บ้านนะคะ แถมยังไปผับ ไปร้านกาแฟในหมู่บ้านด้วย เขาเริ่มชอบชีวิตชนบทแล้วค่ะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีของในครัวขาด ฉันก็เลยถือโอกาสเดินออกไปในหมู่บ้าน จะได้รู้จักร้านค้าไปด้วย เผื่อจะได้ไม่ต้องไปไกลถึงในเมือง”
“แล้วผับล่ะครับ” คราวนี้เขาถามล้อๆ “ผู้หญิงสาวสวยอย่างคุณ ไปผับคนเดียวเนี่ยนะ…”
ไอลดารู้สึกว่าผิวหน้าของหล่อนร้อนผ่าวขี้นมาทันที
“ฉันไม่ได้ไปดื่มเพื่อจะไปเจอใครที่ไหนหรอกค่ะ ที่ไปก็เพราะบังเอิญว่ามีคนที่ร้านชำในหมู่บ้านบอกว่า ถ้าอยากรู้เรื่องประวัติเก่าๆ ของบ้านหลังนี้ก็ให้ไปที่ผับ มีคนแก่คนหนึ่งรู้เรื่องบ้านหลังนี้ดี…”
“ประวัติเก่าๆ ของบ้านหลังนี้” ทริสตันทวนคำ “ประวัติอะไรนอกเหนือไปจากบ้านนี้เคยเป็นบ้านของบรรพบุรุษผมน่ะเหรอครับ”
“เอ่อ…” ไอลดาอึกอัก “ฉันคิดว่าได้รู้ประวัติของบ้านเพิ่มขึ้นก็ไม่แปลกนี่คะ…”
“ผมว่าผมก็ได้บอกรายละเอียดของบ้านนี้ทุกอย่างกับแดฟนีไปแล้วตั้งแต่ตอนคุณขอข้อมูลเกี่ยวกับบ้านนี้แล้วนี่นะ ไม่ว่าจะเป็นสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่ ปรับปรุงมากี่ครั้ง ที่ปิดไปไม่มีคนอาศัยอยู่ก็เพราะบรรพบุรุษคนหนึ่งของผมย้ายไปสร้างบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ ใกล้ๆ โรงงานกระดาษกับฟาร์มของเรา ก็เท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เขาเล่าลือกันน่ะ ก็คงเป็นเพราะบ้านนี้ปิดตายมาเป็นร้อยปีได้ ก็ตามธรรมดาที่คนจะลือกันไปต่างๆ นานาตามประสาบ้านร้าง…”
“แสดงว่าคุณก็รู้ว่าคนในหมู่บ้านเขาลือกันว่าอะไรน่ะสิคะทริสตัน” ไอลดาถามเรียบๆ แต่อดคิดถึงเด็กหญิงที่หล่อนเห็นที่ห้องใต้หลังคาไม่ได้ “แล้วทำไมคุณถึงไม่เล่าให้ฉันฟังวันแรกเรื่องข่าวลือ อย่างน้อยก็ควรซื่อสัตย์ต่อลูกค้าใช่ไหมคะ หากคนเช่าจะรับประวัติของบ้านได้นั่นก็เป็นทางเลือก ถ้ารับไม่ได้ก็จะได้ไม่เข่า หรือตามประสานักธุรกิจที่คิดถึงแต่กำไร คุณก็เลยไม่บอกฉัน…”
ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องตรงมาที่ใบหน้าหล่อนอย่างแน่วแน่
“คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นหรือ…”
แดฟนีที่นั่งนิ่งอยู่นานอดรนทนไม่ได้ เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มจะรู้สึกตึงเครียด รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าชายหนุ่มหายไปจนหมดสิ้น ดวงตาสีฟ้าจัดดูเข้มขึ้นจนเป็นสีน้ำเงินในแสงไฟสลัว ในขณะที่ไอลดามีสีหน้านิ่งเฉย ริมฝีปากอิ่มเต็มของหล่อนเม้มนิดๆ อย่างพยายามสะกดอารมณ์ภายในของตนเอง
“เอาละๆ ไม่เอาค่ะ เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า” หล่อนเกี่ยวแขนชายหนุ่มขึ้นมาคล้องไว้ พลางซบหน้าลงบนไหล่กว้างของเขาอย่างประจบ “นี่คุณกับลดาโมโหกันเรื่องอะไรคะเนี่ย ไม่เห็นเป็นเรื่อง”
“ผมต้องขอโทษด้วย…ไอลดา” เขาก้มศีรษะลงนิดหนึ่ง “ขอโทษที่ผมใจร้อนไปนิดหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” แดฟนีตอบแทน “เราย้ายไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นดีไหมคะ เดี๋ยวฉันจะช่วยลดาเก็บโต๊ะ แล้วคุณจะดื่มไวน์ต่อหรือชา กาแฟต่อดีคะ”
“ฉันทำเองดีกว่า” ไอลดาชิงพูดขึ้น “เธอใช้เครื่องชงกาแฟเป็นที่ไหนกันเล่าแดฟนี…”
“จริงสิ” เพื่อนสาวของหล่อนอดหัวเราะไม่ได้ “งั้นฉันช่วยเก็บโต๊ะแล้วกันนะคะ ปล่อยให้หน้าที่ชงกาแฟเป็นของลดา ส่วนฉันยังอยากจะดื่มไวน์ต่อค่ะ คุณล่ะคะทริสตัน…”
“ผมขอกาแฟดีกว่า”
“แต่วันนี้คุณไม่ต้องขับรถนี่คะ ดื่มต่อเป็นเพื่อนฉันก่อนเถอะค่ะ หากเมาก็ค้างที่นี่ก็ได้ ห้องพักแขกก็จัดเรียบร้อยแล้ว หากคุณอยากจะใช้นะคะ…”
ไอลดารีบก้มหน้าก้มตาหยิบจานชามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเพื่อนสนิทของหล่อนชวนเชิญคู่เดตให้ค้างที่บ้าน คำพูดน่ะไม่เท่าไร แต่สายตาและกิริยาท่าทางของแดฟนี ไม่ได้ปิดบังเลยว่าในคำเชื้อเชิญอย่างเจ้าของบ้านที่ดีนั้น….มีความหมายอะไรซ่อนอยู่
เขาเหลือบมองไอลดา เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอะไรกับท่าทางที่แดฟนีแสดงออกแม้แต่น้อย ชายหนุ่มก็รู้สึกเคืองขึ้นมานิดๆ เขาจึงตอบไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นผมดื่มไวน์ต่อละกัน แล้วก็จะได้โทรศัพท์บอกคนขับรถว่าให้มารับพรุ่งนี้เช้าเลย ดีไหมครับ…”
แดฟนีแทบจะลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ หากไม่เกรงว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าหล่อนรู้สึกอย่างไรกับเขา ไอลดาบอกให้หล่อน ‘สงวนท่าที’ ซึ่งหล่อนก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ไอลดายังบอกหล่อนอีกว่า การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา บางครั้งก็ใช้ไม่ได้กับผู้ชายบางคน เพราะผู้ชายนั้น บางทีก็ชอบเป็นผู้ล่ามากกว่าเป็นผู้ถูกล่า โดยเฉพาะชายหนุ่มโสดที่มีทุกอย่างอย่างทริสตัน!
หญิงสาวหันไปหลิ่วตาแล้วยิ้มกว้างกับเพื่อนสาว ไอลดาเองก็อดยิ้มตอบไม่ได้ รู้สึกเห็นใจเพื่อนสาวที่ดูเหมือนจะตกหลุมรักชายหนุ่มผู้นี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว
“แดฟนี…ทำไมเธอไม่ไปจัดเตรียมห้องนั่งเล่นก่อนละจ๊ะ” ไอลดาหันไปบอกเพื่อนสาวอย่างเอ็นดู พลางขยิบหูขยิบตา บุ้ยใบ้ไปทางห้องน้ำ “ไปเตรียมห้องนั่งเล่นให้เรียบร้อย เปิดฮีตเตอร์ให้คุณทริสตัน แล้วฉันจะจัดการเรื่องไวน์เอง ดีไหม…เพราะดูเหมือนไม่มีใครจะอยากดื่มกาแฟตอนนี้เลย”
แดฟนีหันไปคว้ามือชายหนุ่ม “มาค่ะ ไปห้องนั่งเล่นกัน”
“คุณไปก่อน” เขากุมมือแดฟนี ก่อนจะยกขึ้นมาจุมพิตเบาๆ “จานชามเยอะแยะ ขอผมช่วยคุณไอลดายกเข้าไปในครัวนิดนึง เดี๋ยวผมตามไปนะครับ…สามนาที”
พูดจบ ทริสตันก็ยกถ้วยชาม แล้วเดินนำหน้าไปยังห้องครัวทันที โดยมีไอลดาตามไปติดๆ เขาเปิดประตูรอหล่อนแล้วค่อยๆ ทยอยช่วยรับจานชามวางลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวนวล
ไอลดารู้สึกอึดอัด หล่อนไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาสองต่อสอง หญิงสาวรีบตรงไปยังตู้แช่ไวน์ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องครัวที่ติดอยู่กับห้องซักรีด หยิบไวน์ขาวออกมาขวดหนึ่งโดยไม่ได้ให้ชายหนุ่มเลือกด้วยซ้ำว่าเขาจะชอบหรือไม่ จากนั้นหล่อนก็เดินลิ่วๆ ไปยังเครื่องทำกาแฟที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์อีกด้าน
แต่แล้วหล่อนก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชุดน้ำชาชุดจิ๋วอันเป็นของรักของหวงจากแม่ที่ตกทอดมาถึงตัวเอง ตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนพื้นครัว หน้าเครื่องชงกาแฟ ถ้วยชานั้นตั้งอยู่บนจานรอง จัดเป็นชุดๆ หกชุด โถน้ำตาลใบจิ๋วที่มีฝาปิดเล็กๆ กับเหยือกใส่นมจิ๋วก็ถูกตั้งเรียงอยู่คู่กัน
หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไป ดวงหน้าสวยหวานนั้นซีดเผือดราวกับไม่มีสีเลือด หล่อนรู้สึกเหมือนเท้าทั้งคู่ติดแน่นอยู่กับพื้นครัว
“ไอลดา…ไอลดา”
ชายหนุ่มตรงเข้าไปจับข้อศอกหญิงสาวอย่างห่วงใย พลางเขย่าแขนหล่อนเบาๆ เมื่อเห็นไอลดาตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเผือด
ไอลดาได้แต่ชี้ไปที่ชุดน้ำชาชุดจิ๋วนั้นด้วยนิ้วอันสั่นระริก
“ชุดน้ำชา…” ทริสตันมองตามพลางอุทานอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้นไอลดา”
หญิงสาวตัวสั่นน้อยๆ ในอ้อมกอดของเขา “ชุด…ชุดน้ำชาของฉัน…มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ชายหนุ่มค่อยๆ จูงมือหล่อน แล้วเดินนำไปยังจุดที่ชุดน้ำชาตั้งเรียงอยู่ แม้จะรู้สึกประหลาดใจที่ไอลดามีอาการแปลกๆ ที่เห็นชุดน้ำชาน้อยๆ ที่ทำด้วยกระเบื้องเนื้อบางสวยนั้น แต่เขาก็มิได้ปริปากถามหล่อนแต่อย่างใด
ไอลดารู้สึกเหมือนว่า กลุ่มความเยือกแข็งที่ได้เกาะกุมร่างกายของหล่อนได้ละลายออกไปจนหมดสิ้นจนหล่อนสามารถขยับร่างกายได้ตามปกติ หล่อนหยิบชุดน้ำชาน้อยขึ้นมาจากพื้นด้วยความหวงแหน มือยังคงสั่นเทิ้ม
หญิงสาวจำได้ว่า หล่อนแพ็กของส่วนตัวและหนังสือบางส่วนในกล่องและขนมาเองเพราะไม่อยากให้เกิดแตกหักเสียหายในระหว่างการขนส่ง ความบอบบางของเนื้อกระเบื้องชั้นดี พร้อมกับประวัติที่มารดาเคยเล่าให้ฟังยามเด็ก ทำให้หล่อนบรรจงใช้กระดาษบางห่อหุ้มแต่ละชิ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใส่ลงกล่องเล็กๆ ที่บุไว้ด้วยพลาสติกบับเบิ้ลและกระดาษหนังสือพิมพ์อีกทีหนึ่งเพื่อป้องกันการแตกหักเสียหาย
หล่อนเปรยกับแดฟนีว่ามันหายไป โดยที่หล่อนยังไม่ได้แกะจากกล่องเลยด้วยซ้ำ จากนั้นไอลดาก็ ‘พลิกบ้าน’ หาชุดน้ำชาทุกตารางนิ้ว แม้แต่ในโรงรถ แต่อยู่ๆ ชุดน้ำชาสุดหวงชุดนี้ก็กลับปรากฏกายขึ้นเอง ทั้งยังถูกแกะออกจากห่อเรียบร้อยและถูกตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเหมือนกับจะเตรียมพร้อมให้หล่อนใช้งานหลังจากอาหารเย็นในคืนนี้!