โฆษณาหมุนรอบตัวเรา

โฆษณาหมุนรอบตัวเรา

โดย : Writer from Mars

Loading

นิยายออนไลน์ หลากหลายสไตล์ที่มอบความสนุกๆ ให้กับผู้อ่าน ‘อ่านเอา’ ยังมีคอลัมน์ ‘Opinion เขียนขำๆ’ โดย Writer from Mars นักคิด นักเดินทาง ผู้ที่อยากจะร่วมแชร์ประสบการณ์และมุมมองของเรื่องราวต่างๆ สารพัดสารพัน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ยันเรื่องใหญ่ๆ ให้คุณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………………………………………

 

ชีวิตเราเติบโตขึ้นมากับโฆษณาจริงไหมครับ ทุกวันตั้งแต่ตื่นจนหลับ หลีกหนีไม่ได้เลย เราจะต้องเจอมันอย่างน้อยๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะจบวัน เพราะมันมีอยู่ในทุกสื่อทุกก้าวย่างของชีวิตเราจริงๆ และส่วนใหญ่เราจะเห็นมันซ้ำๆ จากไม่ต้องการ ไม่อยากได้ จนอยากได้ไปเองในที่สุด หลายครั้งของที่เราซื้อมามันก็ไม่ได้เกิดมาจากความต้องการของชีวิตหรอก มันเกิดมาจากการที่เราโดนยัดเยียดให้ดูบ่อยๆ นั่นแหละ วันนี้ผมจะลองยกตัวอย่างความน่ารำคาญของโฆษณาหลากหลายรูปแบบที่เราพบเจอกันในชีวิตประจำวัน มาให้ลองอ่านกันดูเล่นๆ

อันดับแรก โฆษณาบิลบอร์ดใหญ่ยักษ์กลางเมือง อันนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่น่ารำคาญเท่าไร ใหญ่ก็จริง แต่เราเห็นมันแค่แวบเดียว คือถ้ารถไม่ติดจะเห็นแค่ไม่ถึงหนึ่งวินาที เรียกว่าถ้าเขียนรายละเอียดเยอะไปนี่จะไม่ได้เลย เพราะอ่านไม่ทันครับ รถผ่านแวบ จบไป เหมือนเห็นหน้าพี่ตูนใหญ่ๆ แต่ขายอะไรไม่รู้ เลยไม่ได้รำคาญมาก ถ้าตอนรถติดๆ นี่ก็เพลินดีนะ มันไม่มีอะไรให้ดูไง ก็นั่งอ่านไปสิ บางที่มีเป็นจอเคลื่อนไหวด้วย ก็เหมือนดูหนัง บางอันเป็นป้ายพลิกๆ เปลี่ยนไปมาก็ดูสนุกดี อันนี้ผมให้ระดับความรำคาญ ที่ 1.0 คะแนน ทำให้เมืองดูรกรุงรังนิดหน่อย แต่ก็แก้เบื่อได้ในบางเวลา ยิ่งไปต่างจังหวัดนะ ยิ่งสนุก เวลาขับทางยาวๆ ข้างทางจะมีป้ายให้อ่านเก็บทีละคำ ‘ฝัง’ ‘ลูก’ ‘นิ’ ‘มิต’ ‘วัน’ ‘ที่’ ‘สิง’ ‘หา’ …   เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ ป้ายตัวเลขวันมันปลิวหายไปไหน ถึงกับต้องไปกลับรถขับมาอ่านใหม่ ข้อมูลได้ไม่ครบ เราไม่ยอม

อันดับต่อมา โฆษณาในทีวีกับนิตยสาร อันนี้เรียกว่าคุ้นเคยกับทุกคนสุดๆ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมันคือมีเดียหลักของคนในประเทศ ดูอะไรผ่านทีวีมันก็จะมีโฆษณาคั่นตลอด ยิ่งละครจังหวะเข้าได้เข้าเข็มนี่ โอ้โฮ… ลุ้นๆๆๆๆ  ตัดเข้าโฆษณา แทบอยากจะปารีโมตอัดทีวี แต่ไม่ได้เดี๋ยวอดดูเบรกต่อไป รายการไหนเรตติ้งดีๆ นะ โฆษณาจะยาวนานมาก เรียกว่ายาวจนลืมไปเลยว่านี่นั่งดูอะไรอยู่ จำตอนก่อนจะตัดเข้าโฆษณาไม่ได้ แต่ระดับความน่ารำคาญให้ 5 พอ ถึงจะหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะขัดอารมณ์ แต่เราก็เปลี่ยนไปดูช่องอื่นได้ ในนิตยสารเราก็พลิกไปดูหน้าอื่นได้แบบรวดเร็ว คือทำเป็นไม่สนใจได้ เดินไปล้างจานได้ อย่างน้อยก็มีเวลาให้พักบ้าง ข้อดีของมันก็มีอยู่ ไม่งั้นก็นั่งดูตาแฉะกันเกินไป

แต่สงสัยว่าทำไมพี่ๆ ถึงเรียกโฆษณาว่า ‘สิ่งที่น่าสนใจ’… “ช่วงนี้ขอเชิญพักชม ‘สิ่งที่น่าสนใจ’ ก่อนค่ะ” แล้วคือมันก็ไม่ได้น่าสนใจ เพราะมันคือโฆษณาซ้ำๆ ที่เปิดวนกรอกหูกันไปมา ทำไมถึงไม่บอกว่า “ขอเชิญชม ‘โฆษณา’ ก่อนค่ะ” อะไรแบบนี้ จบๆ ไปเลย เราเข้าใจว่ามันต้องมีโฆษณา รายการถึงจะมีรายได้ พูดกันไปเลยตรงๆ น่าจะเข้าใจง่ายกว่า อันนี้สงสัยมาตั้งแต่เด็กเลยนะครับ

อันดับที่สาม โฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดีย อันนี้ระดับความน่ารำคาญให้ 7 เลย เพราะมันแทรกเข้ามาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว คือถ้าเป็นทีวีจะยังพอรู้ไงว่าจะมีโฆษณาแล้ว แตโฆษณาในเฟซบุ๊กคือโหดมาก คือจะมาก็มาเลยแทรกเข้าอยู่ในหน้านิวส์ฟีดของเรา แล้วเราก็เผลออ่านเผลอกดไปด้วย กดไปดูว่ามันคืออะไร เข้ามาในเฟซบุ๊กของเราได้ยังไง ทีนี้มันก็จะส่งเราไปที่เว็บไซต์ข้างนอก หลังจากนั้นระบบก็จะคิดเองเออเองว่าเราสนใจสินค้าเขา เลยกดไปดู แล้วเขาก็จะมีอีกระบบที่คอยดักจับคนที่คลิกเข้ามา ทำให้โฆษณานั้นถูกยิงซ้ำกลับมาที่เราเรื่อยๆ หรือที่เรียกกันว่าการทำ re-targeting คือให้เห็นบ่อยจนกว่าจะซื้อนั่นแหละ สุดท้ายใจอ่อนซื้อไป โฆษณาก็ยังไม่ไปไหนจนผมแทบจะอยากโทร.ไปบอกเค้าว่า “ซื้อแล้วจ้า ขอร้อง หยุดยิงมาได้แล้วนะ ทำไมใจร้ายกับผมแบบนี้”

อันดับที่สี่ อันนี้โหดร้ายขึ้นมาอีกระดับ ขอให้คะแนนที่ 8 ไปเลยคือโฆษณาในระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า คืออันนี้รุนแรงมากเพราะเหมือนเราโดนบังคับให้เสพโฆษณาตั้งแต่ต้นสายยันปลายสาย คือลงก่อนไม่ได้อยู่แล้วไง ยังไม่ถึงที่หมายแต่ว่าระหว่างทางต้องโดนกรอกหูไปด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าระบบรถเมล์หรือรถไฟฟ้าไม่ควรพื้นที่ให้กับการโฆษณามากนัก เพราะหน้าที่หลักคือการพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายควรให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่การเดินทางอย่างเด่นชัดที่สุด เช่น รถเมล์คันนี้กำลังจะไปไหน จอดที่ไหนบ้าง เขียนให้ชัดๆ ตัวใหญ่ๆ ทุกวันนี้ตรงส่วนนั้นเล็กนิดเดียว ห่อหุ้มไปด้วยโฆษณาทั้งคัน ตั้งแต่ประตูยันหน้าต่าง  ในรถไฟฟ้าก็เหมือนกันควรจะบอกให้ชัดเจนตลอด ว่าตอนนี้เราอยู่สถานีอะไร แล้วกำลังจะไปไหน ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารให้มากที่สุด ในเมื่อเขาจ่ายเงินขึ้นมาแล้ว ถือว่าคะแนนความรำคาญอยู่ที่ระดับสูง แต่ไม่มากเท่าข้อสุดท้าย เพราะอันนี้มันยังหลีกเลี่ยงได้ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ ก้มหน้าเล่นมือถือได้อยู่

อันดับสุดท้าย คะแนนความน่ารำคาญเอาไปเต็มสิบ คือโฆษณาในโรงหนัง อันนี้โหดสุด และถือว่าใจร้ายมาก การที่เราต้องนั่งทนดูโฆษณาที่เคยดูแล้วไม่รู้กี่รอบซ้ำๆ เดิมๆ ในจอขนาดมหึมา เสียงสเตอริโอรอบทิศทาง กดข้ามไม่ได้ เล่นมือถือไม่ได้ เปลี่ยนช่องไม่ได้ ต้องดูอย่างเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเรากำลังรอดูหนังและไม่รู้ว่าหนังจะเล่นเมื่อไร จริงๆ จะนั่งรอหน้าโรงแล้วเดินเข้าตอนเริ่มฉายก็ได้ แต่อรรถรสนึงของการดูหนังในโรงคือการได้ดูหนังตัวอย่างที่กำลังจะเข้าฉายนี่แหละ ผมยังจำวันวานได้ดี ในสมัยที่โรงหนังมีแต่หนังตัวอย่างก่อนเพลงสรรเสริญพระบารมี  แต่ก็ไม่รู้ใครเป็นคนริเริ่มเอาโฆษณาในจอทีวีมาฉายในโรงหนัง แล้วเราก็ต้องทนนั่งดูมันไปนั่นแหละ ปวดหัวมาก แต่ก็ต้องทนไป ตั๋วก็แพงขึ้นทุกวัน ป๊อปคอร์นก็แพง น้ำเปล่าก็แพงกว่าข้างนอก แล้วยังต้องมาเสียเวลาโดนสะกดจิตในโรงหนังอีก เลยยกให้ข้อนี้ชนะเลิศไปเลยจ้า

แต่สุดท้ายเรื่องนี้มันก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า บางอย่างเราได้รับมาฟรีๆ เขาเลยต้องมีการเปิดให้มีโฆษณาเพื่อหารายได้เข้ามา ตอนแรกๆ ผมจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้เท่าไร แต่หลังๆ มีหลายอย่างที่ผมเรียนรู้เองจากวิดีโอในยูทูบ และความรู้ตรงนั้นมันเอามาหาเงินได้จริงๆ แต่เขาเอามาลงให้เราฟรี ผมเลยแสดงความขอบคุณด้วยการไม่กดข้ามโฆษณาของเขา และกดโฆษณาตรงนั้นให้ด้วย เพราะเขาจะได้ได้เงินจากยูทูบไป ถ้าเรากดข้ามหรือไม่ดูโฆษณาเขาจะไม่ได้เงิน บางวิดีโอมีให้สนับสนุนด้วยการซื้อของตามลิงก์ที่ให้มา ผมก็พยายามทำตามนั้น เพราะเขาจะได้มีรายได้เข้ามาบ้าง ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เสียอะไร ในเมื่อมันเป็นของที่เราจะซื้ออยู่แล้ว ผมคิดว่าโลกใบนี้เข้าสู่ free economy แล้ว คือทุกคนคิดว่าของทุกอย่างในโลกอินเทอร์เน็ตต้องฟรี ซึ่งผมก็เป็นอีกคนที่ชอบของฟรี ผมไม่จ่ายให้กับสิ่งที่ผมไม่ต้องการ ผมไม่ชอบการถูกยัดเยียด แต่ในทางกลับกัน สำหรับสิ่งที่ผมเสพหรือสิ่งที่ผมชอบนั้น ถ้ามีคนที่เอามาให้ผมฟรีๆ บางครั้งผมอยากจะขอซื้อด้วยซ้ำไป แต่ในเมื่อเขาให้ฟรี ผมเลยหาทางสนับสนุนในช่องทางที่ทำได้ เขาจะได้มีรายได้เข้ามาและทำสิ่งที่ผมชอบออกมาเรื่อยๆ

เว็บอ่านเอาก็เช่นกัน มีนิยายมีคอลัมน์ดีๆ ให้อ่านฟรีๆ แบบนี้ เมื่อไรมีโฆษณาเข้า ผมสัญญาว่าจะไม่กดข้าม และจะตามไปซื้อสินค้าทุกอย่างเลยครับ ต่อให้เป็นของที่มีแล้วก็จะซื้ออีก… จริงๆ นะ

Don`t copy text!