Buffet แบบ All You Can ทุกข์

Buffet แบบ All You Can ทุกข์

โดย : Writer from Mars

Loading

นิยายออนไลน์ หลากหลายสไตล์ที่มอบความสนุกๆ ให้กับผู้อ่าน ‘อ่านเอา’ ยังมีคอลัมน์ ‘Opinion เขียนขำๆ’ โดย Writer from Mars นักคิด นักเดินทาง ผู้ที่อยากจะร่วมแชร์ประสบการณ์และมุมมองของเรื่องราวต่างๆ สารพัดสารพัน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ยันเรื่องใหญ่ๆ ให้คุณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………………………………………

 

ใครชอบทานบุฟเฟต์บ้างครับ ยกมือขึ้น

เมื่อก่อนผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานบุฟเฟต์มาก เรียกว่าตระเวนล่ากันเลยละ มีร้านไหนเปิดใหม่ที่เป็นบุฟเฟต์ผมจะต้องไปลอง ตั้งแต่ปิ้งย่างข้างทาง หมูกระทะ ชาบู ไปจนบุฟเฟต์ระดับพรีเมียมราคาหลักพัน ก็ล้างท้องรอกันไปกิน อันนี้ผมวางแผนนะ เช่นถ้าวันนี้ตอนเย็นจะไปกินบุฟเฟต์กับเพื่อน นัดกันแล้วเรียบร้อย ทั้งวันผมจะทานน้อยมาก เรียกว่าไประเบิดทีเดียวตอนเย็นไง จะได้กินเต็มที่ มีกี่อย่างซัดโฮกเอาให้คุ้ม ราคา 199 กินไปสัก 500 ก็ถือว่าโอเคแล้วนะ

แต่เอาจริงๆ แล้วการวางแผนของผมมันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไรนักหรอกครับ เพราะการที่กินน้อยทั้งวันหรือบางทีอดข้าวทั้งวันก็มีแล้วไประเบิดทีเดียวตอนเย็น มันแค่ความรู้สึกแบบทั่วๆ ไปว่า ก็อดมาทั้งวัน จะต้องกินได้เยอะสิ แต่ร่างกายเราไม่คิดแบบนั้น ทุกครั้งที่อดอาหารไปกลับทานได้น้อยมาก ไม่นานก็อิ่มแล้ว เหมือนร่างกายมันตกใจเวลาเจออาหารที่ถาโถมเข้ามากันอย่างพายุ มันจะ shut down ตัวเองทันที บอกว่าไม่ไหวแล้ว หยุดส่งเข้ามาเพิ่มเดี๋ยวนี้นะ  

ในทางกลับกันถ้าวันไหนต้องไปกินบุฟเฟต์แบบหุนหันพลันแล่น อยู่ๆ นัดกันได้ซะงั้น วันนั้นจะเป็นวันที่กินกระหน่ำแบบยิงยาว เพราะเหมือนร่างกายมันได้วอร์มอัพมาก่อนแล้วทั้งวันไงครับ เหมือนนักมวยเต้นฟุตเวิร์กมาทั้งวัน พร้อมลงต่อยตลอดเวลา แถมชกได้ยาวนาน จะกี่สิบยกก็มาเถอะ ผมจึงได้สูตรการไปกินบุฟเฟต์ให้คุ้มแบบใหม่ ก็คือทำตัวปกติ กินปกติ แล้วทุกอย่างจะดีเอง ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ ซะด้วย

แต่นั่นมันไม่ใช่ปัจจุบัน พออายุมากขึ้นรู้สึกได้เลยว่าพลังในการทำลายล้างลดลงไปเยอะมาก เหมือนรถถังที่ปลดประจำการ ผมไปกินบุฟเฟต์กับเพื่อนหลังๆ มานี่ ทุกคนจะพูดเป็นเสียงกันว่า “เดี๋ยวนี้กินนิดเดียวก็อิ่มแล้วอะ ไม่เหมือนสมัยก่อนเลย” สำหรับผมนิดเดียวที่ว่านี่คือนิดเดียวจริงๆ ถ้าเป็นบุฟเฟต์แบบที่ต้องลุกขึ้นไปตัก ผมลุกไปตักรอบแรกรอบเดียวก็อิ่มแล้ว อย่างมากก็รอบครึ่ง ถ้าเป็นแบบที่ต้องสั่งมากิน ก็เรียกพนักงานมาไม่กี่ครั้งเอง แล้วออเดอร์แต่ละครั้งคือน้อยมาก เอาง่ายๆ ถ้าว่ากันตามความคุ้ม คือผมไม่ควรไปกินบุฟเฟต์อีกต่อไป เป็นอาวุธที่ไม่น่ากลัวเลย ไม่มีความคุ้มใดๆ ทั้งที่เมื่อก่อนผมจำได้ว่า บุฟเฟต์ต้องมีลุกไปตักเต็มๆ สี่รอบนี่ต้องมี ถ้าเป็นบุฟเฟต์ซูชิจานเวียนนะ โอ้โฮ ไปกินกับเพื่อนเอาจานมาเรียงซ้อนกันเกือบถึงเพดานครับ เรียกว่ากินกันเยอะมาก เพราะมีแรงกินและคิดว่าทำยังไงก็ได้ให้มันคุ้มที่สุด จ่ายสตางค์ไปแล้วนี่

ตอนนี้มุมมองและความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อก่อนมันสนุกไง กินกับเพื่อนเฮฮาสังสรรค์ เหมือนมาปาร์ตี้ สั่งมากินกันอย่างไร้กังวล เพราะยังไงก็จ่ายแบบเหมา ไม่ต้องคิดว่าสั่งเมนูนี้แพง คนนี้กินน้อยกินเยอะไม่เท่ากันจะหารกันยังไง เหมือนทุกคนมาลงสนามแข่งช่วยกันทำลายสถิติมากกว่า พอกินแล้วรู้สึกคุ้มก็เฮๆ กันไปเป็นมื้อๆ แต่เดี๋ยวนี้เวลาต้องไปกินบุฟเฟต์ เป็นอะไรไม่รู้ ผมรู้สึกเหนื่อยนะ คือเหนื่อยที่ต้องกินให้คุ้ม เหนื่อยที่รู้สึกไปเองว่าจะต้องกินให้เยอะ ไม่งั้นไม่ถูกต้อง  กินเยอะไปก็รู้สึกผิดอีกเพราะอ้วน หนักไปกว่านั้นถ้าเป็นบุฟเฟต์ราคาถูกหน่อย ของที่เขาเอามาให้เรากินมันจะเป็นของคุณภาพไม่ดีนัก แบบสั่งมาทีละเยอะๆ มากองๆ ไว้ แล้วเราก็ต้องกินของไม่ดีแบบเยอะๆ เข้าไปอีก เนื้อหมูติดมันเยอะๆ ไส้กรอกแบบที่มีแต่แป้ง ปูอัดแป้งๆ ไม่เน้นคุณภาพเน้นปริมาณ กินน้อยก็รู้สึกแพง กินเยอะก็รู้สึกอึดอัด ไม่เฮลตี้ กินกลางๆ ก็แบบแล้วจะมากินบุฟเฟต์ทำไม ผมคิดมากไปรึเปล่า แต่มันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ถ้าอย่างนั้นก็ตัดการกินบุฟเฟต์ราคาถูกไปก็แล้วกัน 89-199 นี่ไม่เอา ลองไปกินแบบพรีเมียมเลย ราคาหลักพัน ของดีแน่นอน  แต่ความรู้สึกมันก็มีอยู่ครับ เป็นอีกทางที่ทุกข์เหมือนกัน คือของดีหมดทุกอย่างเลยนะ ตับห่านฟัวกราส์ ปูทาราบะ เนื้อริบอาย กุ้งมังกร ปลาแซลมอน อะไรพวกนี้เรียงรายอยู่ตรงหน้า ความทุกข์เกิดเลย ถ้าจ่ายไปเป็นพัน แล้วกินไม่ครบนี่ ผมโง่หรือเปล่า สมมติมีของพรีเมียมอยู่สิบอย่าง ผมอาจจะกินได้แค่สี่อย่าง ก็อิ่มแล้ว อันนี้ความรู้สึกมันหนักกว่าไม่คุ้มอีกนะ รู้สึกว่าตัวเองโง่ ทำไมไม่เตรียมพร้อม ทำไมไม่กินให้ครบ จ่ายไปแล้ว กินสิ ยัดเข้าไป โอ๊ยอิ่ม! แต่ไอ้นั่นก็ยังไม่ได้กิน ไอ้นี่อีก โอ๊ย กุ้งมังกรอร่อย อยากกินอีกตัว แต่เป๋าฮื้อยังไม่ได้ลองเลยนะ ต้องเอาให้ครบ นี่ไปอ้วกแล้วกลับมากินต่อได้ไหม ไม่ควร นี่ของดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ นั่งสมาธิแล้วกินต่อเข้าไป ทุกข์สุดๆ ไปเลยครับชีวิตผม

สุดท้ายก็ทำให้ผมรู้ว่าสนามบุฟเฟต์มันไม่เหมาะกับผมอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะพรีเมียมหรือแบบโลว์คอร์ส อะไรที่มันมากเกินไปก่อให้เกิดทุกข์เสมอ ‘ตัวเลือกที่เยอะเกินไป ก็ใช่ว่าจะดี’ ผมรู้สึกผิดที่กินของดีๆ ไม่หมด และก็รู้สึกผิดที่ไม่กินมันให้ครบทุกอย่าง และรู้สึกผิดที่กินมากเกินไป จะอะไรนักหนา หลังๆ มานี่ผมตัดสินใจไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดนั้น คือแทบจะเลิกทานบุฟเฟต์ไปเลย หันมาทานอาหารปกติธรรมดา ที่ไม่ต้องไปทำสงครามตักแย่งกับใคร นั่งลิ้มรสอาหารที่เขาตั้งใจทำมาให้เรากินเป็นจานๆ ไป อิ่มพอดีๆ อร่อยแบบครั้งหน้ามากินอีกได้ ไม่ต้องเว้นสองสามเดือน ถึงแม้จะเสียเงินเท่ากัน แต่ผมมีความสุขมากกว่ากันเยอะเลยครับ

Don`t copy text!