สาปแสงรัก บทที่ 8 : เปิดโปง เปิดใจ

สาปแสงรัก บทที่ 8 : เปิดโปง เปิดใจ

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

ระหว่างรอบริษัทจำหน่ายดินปั้นขาประจำขนส่งดินและทรายที่ใช้ในการทำงานมาให้ อานุภาพก็มาที่วัดเพื่อนำแบบร่างงานปูนปั้นมาให้หลวงพ่อนิลดู หลวงพ่อพิจารณาดูภาพร่างแล้วกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “นี่โยมฝันเอาหรือ”

อานุภาพคิดว่าภาพร่างไม่ถูกใจหลวงพ่อจึงบอกว่า “นี่เป็นภาพที่ผมนึกเอาว่ามันควรจะเป็นอย่างนี้ ถ้าหากหลวงพ่อคิดว่ามีตรงไหนไม่ดี ไม่เหมาะสม หลวงพ่อบอกได้เลยนะครับ”

“อาตมาวิจารณ์ไม่ได้หรอกโยม เมื่อเจ้าของเขาเห็นว่าดี อาตมาก็ว่าดี”

“เจ้าของ…”

“ก็โยมเป็นผู้ปั้นงานนี้ ก็เป็นเจ้าของงาน อาตมาให้โยมมีอิสระที่จะทำงานทุกอย่างตามที่โยมเห็นสมควร”

“ขอบพระคุณครับหลวงพ่อ”

“ที่อาตมาถามเมื่อครู่ว่าภาพนี้น่ะโยมฝันเอาหรือ ตกลงใช่ฝันไหม”

“เอ่อ จะว่าใช่ก็ใช่ครับ” อานุภาพอยากจะเล่าตามความจริงว่าเขาเห็นภาพนี้ในความฝันขณะที่หมดสติไปในวันที่มาสำรวจวัดนี้ครั้งแรกเมื่อเกือบสามสัปดาห์ก่อน แต่เกรงว่าหลวงพ่อจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลและอาจคิดว่าเขาคิดเทียบชั้นกับครูช่างโบราณผู้รังสรรค์ผลงานปูนปั้น เขาจึงเก็บงำเรื่องนี้ไว้แต่เพียงในใจ

“คงเป็นสัญญาเก่าสินะ” หลวงพ่อบอก เมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าสงสัยท่านจึงอธิบายต่อ “สัญญาเก่าที่เรามีในชาติก่อนน่ะ สัญญาในทางพุทธศาสนาหมายถึงความจำ เป็นความทรงจำเก่าหรือความสามารถเก่าแต่ชาติปางก่อนที่ติดตัวโยมมา ส่วนมากคนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะมักจะมาจากสัญญาเดิม ทางโลกอาจจะเรียกว่าพรสวรรค์ที่ติดตัวมาก็ได้”

“ครับ…ถ้าหลวงพ่อไม่ขัดข้อง อาทิตย์หน้าผมจะขอเริ่มบูรณะงานปูนปั้นรอบโบสถ์เลยนะครับ”

“อาตมาอยากให้โยมปั้นพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์เป็นงานแรกจะได้ไหม เดือนหน้าจะได้ฉลองพระทันงานบุญใหญ่ประจำปีของบ้านคุณมัทนาพอดี โยมจะขัดข้องอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ขัดข้องครับ…แต่ผมไม่มีแบบพระพุทธรูปองค์เก่านะครับ”

“โยมก็นึกก็ฝันเอาเถิด ฝันเห็นอย่างไรก็ปั้นไปอย่างนั้น งามไม่แพ้พระองค์เดิมแน่ เชื่ออาตมาเถอะ”

แม้อานุภาพจะไม่มั่นใจนักแน่เขาก็รับคำของหลวงพ่อด้วยความเต็มใจ

 

หลังจากคุยธุระกับหลวงพ่อนิลแล้ว อานุภาพก็กลับมาที่เรือนรับแขกเพราะเขากับอนุชมีนัดประชุมออนไลน์กับภูษิตและทีมงานเกี่ยวกับงานของบริษัทซึ่งที่ประชุมต้องการให้เขาตัดสินใจในขั้นสุดท้าย อานุภาพเลือกใช้ห้องนอนของเขาเป็นห้องประชุม แม้ว่าโต๊ะอาหารในเรือนรับแขกเป็นส่วนที่ไม่มีใครใช้งานในเวลากลางวันแบบนี้ แต่อานุภาพก็ไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่เพราะคิดว่าใช้ห้องนอนของเขาหรืออนุชจะเป็นส่วนตัวมากกว่า เมื่อประชุมเสร็จอนุชก็ขอตัวกลับห้องไปทำงานในส่วนของเธอ น้องสาวกลับออกไปได้ไม่นาน คนที่อานุภาพไม่คิดว่าจะเข้ามาในห้องนอนของเขาก็เข้ามา

“นี่มันอะไร” นวลดาราโยนซองเอกสารสีน้ำตาลที่ไม่มีการจ่าหน้าลงบนโต๊ะญี่ปุ่นที่เขาใช้แทนโต๊ะทำงาน

“อะไรเหรอคุณ” อานุภาพถามหน้าตาเฉย

“อย่ามาทำไขสือ ชเลบอกฉันแล้วว่าคุณเป็นคนให้ชเลเอารูปพวกนี้มาให้ฉัน”

หลังจากที่อานุภาพหมดสติไปในขณะที่ไปดูงานปูนปั้นรอบโบสถ์กับนวลดาราเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาก็แน่ใจว่าเขาคือแสง นายช่างผู้สร้างงานปูนปั้นแกะสลักรอบโบสถ์ และนวลดาราก็คือแม่เดือนหญิงสาวที่เขารัก ยิ่งกว่านั้นเขายังเชื่อว่าทัตพลคือศัตรูหัวใจของเขาด้วย เพราะท่าทางนักเลงและความพาลพาโลของชายคนนั้นในความฝันทำให้อานุภาพเชื่อว่าทัตพลในชาตินี้ต้องเป็นคนพาลเกเรไม่ต่างจากในชาติก่อน มีวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ว่าความเชื่อของเขาถูกต้องนั่นก็คือสืบหาความจริง

อานุภาพให้ภูษิตช่วยสืบจนรู้ที่อยู่ของทัตพล และเมื่อทัตพลออกจากเกาะเดือนดับ อานุภาพก็ลงทุนทิ้งงานไปเฝ้าดูชีวิตประจำวันเป้าหมายอยู่หลายวันจนเขามั่นใจว่าทัตพลเป็นแค่ผู้ชายที่สร้างภาพลักษณ์ได้แนบเนียนเท่านั้น

สองวันแรกที่อานุภาพไปตามสะกดรอยทัตพลเขาเกือบถอดใจ เพราะชายหนุ่มที่เขาคิดว่าอาจเป็นคนไม่ดีนั้นตั้งอกตั้งใจทำงาน ทัตพลทำงานเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง วันแรกที่ไปสะกดรอยตามดูทัตพลก็ออกไปทำข่าวทั้งเช้าและบ่าย จากนั้นก็ทำงานอยู่ที่สถานีโทรทัศน์จนถึงสามทุ่ม วันที่สองเขาเข้างานในช่วงสาย ทำงานถึงบ่าย แล้วกลับไปทำงานที่บ้านพัก แต่ในวันที่สามนั้นเองที่อานุภาพเห็นเค้าลางว่าสิ่งที่เขาสันนิษฐานไว้จะเป็นจริง

วันนั้นอานุภาพตามทัตพลไปและพบว่าชายหนุ่มไม่ได้ไปทำข่าวแต่ไปบ่อนตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำ บ่อนพนันที่ว่านั้นเป็นอาคารที่ปิดเงียบราวกับร้าง มีแต่นักเล่นขาประจำเท่านั้นที่รู้ว่าภายในตึกนี้มีบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ทัตพลเข้าบ่อนพนันตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงหัวค่ำ หลังออกจากบ่อนทัตพลก็ไปฝังตัวอยู่ในผับดังกลางกรุง

อานุภาพตามสืบต่อจากสาวไซด์ไลน์ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟในผับก็รู้เพิ่มเติมว่าทัตพลมีสาวที่เขามาใช้บริการเป็นประจำและทุกครั้งที่มาจะพาหญิงสาวคนนั้นไปหาความสุขกันต่อที่บ้านของเขาเสมอ เงินก้อนโตทำให้อานุภาพได้ข้อมูลว่าทัตพลจะพาโฉมสุดาคู่ขาของเขาไปหาความสุขที่บ้านอาทิตย์ละสองครั้ง และทัตพลเคยพาแม่สาวคนนั้นไปบ่อนด้วยหลายครั้ง เพื่อนร่วมงานของโฉมสุดาให้ข้อมูลด้วยว่าทัตพลเป็นนักพนันตัวยง เวลามือขึ้นเขาจะใช้เงินเป็นเบี้ย เปย์สาวในผับทั่วหน้า หากเขามาเที่ยวแบบหงอยๆ ก็ให้รู้เถอะว่าเสียพนันมา อานุภาพไม่ได้เชื่อข้อมูลที่ได้มาในทันที เขาตามสืบต่อจากข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาที่ทัตพลจะพาโฉมสุดาเข้าบ้าน เขาพบว่าคู่รักของนวลดาราจะพาคู่ขาเข้าบ้านในคืนวันอังคารและศุกร์ สัปดาห์ต่อมาเขาหาทางเข้าไปในบ้านของทัตพลจนได้ เขาแอบถ่ายรูปทัตพลกับโฉมสุดาเล้าโลมกันในห้องรับแขก และยังได้ภาพที่สองคนตระกองกอดกันเข้าไปในห้องนอนด้วย เท่านั้นยังไม่พออานุภาพยังปลอมตัวเข้าไปในบ่อนและแอบเก็บภาพทัตพลขณะเล่นการพนันได้ งานนี้เสี่ยงตายไม่ใช่น้อย ถ้าหากไม่ได้ภูษิตที่เติบโตมากับสังคมสีเทามาช่วย เขาอาจจะโดนรุมกระทืบตายในบ่อนไปแล้วก็ได้

เมื่อได้หลักฐานภาพถ่ายที่ต้องการอานุภาพก็ส่งถึงนวลดาราโดยใช้ชเลเป็นนกต่อ เขาบอกให้เด็กชายทำทีเก็บซองเอกสารได้แล้วไม่รู้ว่าเป็นของใครจึงเอาไปให้นวลดาราดู แต่เมื่อนวลดาราบุกเข้ามาในห้องแบบนี้ก็แน่ชัดแล้วว่าเด็กชายคงสารภาพความจริงจนหมดสิ้นแล้ว

“คุณเห็นรูปหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะสงสัยอะไรนะ รูปชัดขนาดนี้น่ะ” อานุภาพพูดหน้าตาเฉย

“คุณทำอย่างนี้ทำไม”

“ผมก็แค่อยากให้คุณรู้ความจริง”

“แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันไม่ไว้ใจคุณ รูปพวกนี้อาจจะเป็นรูปตัดต่อก็ได้”

“คุณคิดอย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าแฟนคุณเข้าไปทำข่าวในบ่อน เลยต้องไปทั้งวันและบางวันก็เล่นอยู่เกือบทั้งคืนงั้นเหรอครับ”

“ใช่…มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้” เสียงโต้ตอบที่เคยแข็งอ่อนลง

“แต่ไอ้ที่เขานอนกับคู่ขานั่นมันคงไม่ใช่การจำลองสถานการณ์หรือถ่ายทำเหตุการณ์จำลองอะไรหรอกนะ ผมว่า”

“พอเลย ถึงแฟนฉันจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ บอกมา คุณมีเจตนาอะไรกันแน่”

“ผมเจตนาดี อยากให้คุณเจอคนดีๆ ไม่ใช่ต้องมาเจอ มาล่มหัวจมท้ายกับคนแบบนี้”

“คนดีๆ คือใคร คุณเหรอ ตลก…”

“ไม่ ไม่ต้องเป็นผมก็ได้ ที่ผมทำไป เพราะหวังดีกับคุณนะ”

“หวังดีประสงค์ร้ายน่ะสิ…”

“นั่นก็แล้วแต่คุณจะคิด ผมแค่ไม่อยากให้คุณถูกสวมเขา เพราะผมรู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน…อ้อ แต่ถ้าคุณคิดว่าผมแส่สอดเรื่องของคุณมากเกินไป ผมขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”

อานุภาพไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าที่เห็นแววตาโกรธขึ้งของนวลดาราอ่อนลงเมื่อเขาเอ่ยขอโทษจากใจจริง เธอทำท่าเหมือนมีอะไรอยากพูดกับเขาแต่แล้วเธอกลับหันหลังเดินออกจากห้องไป

 

สัปดาห์ต่อมาอานุภาพมาจอดรถซุ่มอยู่ข้างบ้านของทัตพลตั้งแต่หัวค่ำ คืนนี้เป็นคืนที่เขาคาดหมายว่าทัตพลจะพาโฉมสุดามาหาความสุขกันที่นี่อย่างที่เคยทำเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ก่อน อานุภาพได้เขียนจดหมายน้อยใส่ไว้ในซองเอกสารที่ให้กับนวลดาราว่าคืนนี้ทัตพลจะพาผู้หญิงมาที่บ้าน อานุภาพแน่ใจว่านวลดาราได้อ่านข้อความนั้นแล้ว และเขาเชื่อว่าเธอจะต้องมาจับผิดแฟนของเธอที่นี่แน่ๆ

อานุภาพรอจนเกือบสี่ทุ่มทัตพลก็มากับผู้หญิงหน้าเดิมคนนั้น ฝ่ายชายประคองคู่ขาเข้าไปในบ้าน อานุภาพยังไม่ลงจากรถ เขาเฝ้ารอดูว่านวลดาราจะมาหรือไม่ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเธอก็มา เขาแปลกใจเมื่อเห็นเธอไขกุญแจเข้าไปในบ้านของทัตพล

“มีกุญแจบ้าน ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเนี่ย” อานุภาพบ่นด้วยใจหาย

เมื่อนวลดาราเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้วอานุภาพก็ลงจากรถ เขามาซุ่มดูที่บ้านหลังนี้จนรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี ตอนที่มาคราวก่อนอานุภาพพบว่ากำแพงปูนด้านหลังบ้านแตกร้าว เขาจึงทุบให้แตกพอที่เขาจะปีนเข้าไปในบ้านได้ เขารู้ว่าการทำลายทรัพย์สินของคนอื่นเป็นความผิด แต่มันจำเป็นเพราะเป็นวิธีเดียวที่เขาจะเข้าไปถ่ายภาพการนอกใจของทัตพลได้ วันนี้เขาไม่ต้องใช้วิธีเดิมแล้วเพราะนวลดารารีบร้อนจนลืมหันกลับมาปิดประตูรั้ว

เมื่อเข้าบ้านมาได้อานุภาพก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันตามคาด มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่น่าจะเป็นโฉมสุดา ตามด้วยเสียงโวยวายของทัตพลที่บอกให้นวลดาราใจเย็นๆ ฟังเขาก่อน อานุภาพย่องเงียบไปยืนแอบดูที่ข้างประตูกระจกหน้าตัวบ้าน เขาเห็นโฉมสุดาเปิดประตูวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไป ตามด้วยทัตพลที่เดินถอยหลังออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ปากก็พูดว่า “อย่ายิงนะนวล ใจเย็นๆ นะ” นวลดาราออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้าย เธอเดินออกมาช้าๆ เล็งปืนไปที่ทัตพล ท่าทางการจับปืนของเธอทำให้อานุภาพมั่นใจว่าเธอยิงปืนเป็นแน่

“นวลใจเย็นนะ ฟังพี่ก่อนนะ” ทัตพลละล่ำละลักบอก

“ออกไป” นวลดาราสั่งเสียงดัง อานุภาพฟังออกว่าเสียงนั้นเครือแม้ว่าเธอจะพยายามทำเสียงให้เข้มแข็ง

“แต่…” ทัตพลยังพยายามจะเถียง

นวลดาราปลดเซฟปืน “จะไปหรือไม่ไป” คราวนี้เสียงแข็งไม่เครือ

“ไปจ้ะ ไป” ทัตพลลนลานวิ่งหนีออกจากบ้านไป

นวลดาราลดปืนลงแล้วหันหลังกลับเข้าไปในบ้านเธอเดินไปที่เก้าอี้รับแขก ทำท่าจะนั่งลงแต่ก็ถอยออกมา อานุภาพเดาว่าหญิงสาวคงนึกรังเกียจที่ทัตพลเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานั่งที่นี่ซึ่งเป็นที่ของเธอ ชายหนุ่มขยับเดินเข้าไปในบ้าน ใจอยากจะปลอบเธอแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

นวลดาราเชิดหน้าขึ้นเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้หยดลงมา ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกได้ว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง หญิงสาวหมุนตัวกลับ ยกปืนเล็งไปข้างหน้าทันที

“คุณ อย่ายิง นี่ผมเอง” อานุภาพยกมือขึ้นเหนือศีรษะร้องเสียงหลง

“คุณมาทำไม”

“ผมเป็นห่วง ก็เลยตามมาดูคุณน่ะสิ…เซฟปืนก่อนคุณ เอาลงด้วย ผมกลัว”

“อย่างคุณเหรอกลัว” นวลดาราว่า

“กลัวสิคุณ” เขาว่า “ดุชะมัด” เขาแกล้งบ่นต่อ หวังให้บรรยากาศเศร้าดีขึ้น

นวลดารากลับเข้าไปในห้องนอน เธอดึงผ้าปูที่นอนออกแล้วโยนลงกองกับพื้น อานุภาพตามเข้าไปดู เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำทุกอย่างด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยไม่ได้โกรธเคืองเจ็บแค้นอย่างที่ควรจะเป็น เขาก็รู้ว่าเธอกำลังพยายามเก็บกดความรู้สึกไว้

“คุณจะร้องไห้ก็ได้นะ” เขาบอก เธอถอดปลอกหมอนโดยไม่หันมามอง เขาจึงพูดต่อไป “โอเค ผมออกไปดีกว่า ผมจะไม่เข้ามาจนกว่าคุณจะอนุญาต สัญญาเลย” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกจากห้องนอนไป เขาแน่ใจว่าได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังขึ้นตามหลัง

อานุภาพนั่งลงที่เทอเรสหน้าบ้านเงี่ยหูฟังเสียงนวลดารา เขาได้ยินเสียงเธอร้องไห้อยู่พักหนึ่งก็เงียบไป ต่อมาก็มีเสียงข้าวของแตก เขาตกใจจึงโผล่หน้าไปดู เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาสิ่งของมาวางบนโต๊ะรับแขกไม้แล้วใช้ค้อนทุบของให้แตกละเอียดทีละชิ้น เขาก็คิดว่าเธอโหดและเวลาโกรธก็น่ากลัวไม่น้อย

 

อานุภาพนั่งพิงผนังบ้านชมดาวอยู่ที่เทอเรซจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้ตัวตื่นก็เมื่อมีผ้าห่มมาสัมผัสตัว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าเธอ

“มานอนอะไรตรงนี้ เดี๋ยวก็หนาวตายหรอก ที่นี่ใกล้แม่น้ำนะ ตอนกลางคืนหนาว เข้าไปข้างในไป”

“คุณชวนผมเข้าห้องเหรอเนี่ย”

“บ้าเหรอ ฉันหมายถึงนอนโซฟา เดี๋ยวยิงไส้แตกเลย”

“โห ดุจัง ผมพูดเล่นหรอก ไม่อยากให้คุณเศร้ามาก…คุณโอเคแล้วใช่ไหม”

“ฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายนี่”

“ตาบวมขนาดนี้เนี่ยนะ” เขาถามขณะขยับลุกขึ้น

“ฉันไม่ได้เสียใจหรอก เจ็บใจมากกว่า” นวลดาราบอกแล้วทิ้งตัวลงนั่ง อานุภาพเลยต้องนั่งลงตามแล้วฟังเธอ

“ฉันเจ็บใจที่เขาพาผู้หญิงมานอนกันในบ้าน บ้านฉัน บ้านที่ฉันให้เขามาอยู่เพราะไว้ใจ มันหยามกันเกินไป”

“บ้านนี้บ้านคุณเหรอ” อานุภาพถามอย่างดีใจ ถ้างั้นที่เธอมีกุญแจบ้านก็เพราะเป็นบ้านตัวเอง ไม่ใช่เพราะเธอมาอยู่กินกับทัตพลอย่างที่เขาคิด

“ก็ใช่น่ะสิคุณ มันน่าแค้นใจไหมล่ะ…คุณยิ้มอะไรเนี่ย”

อานุภาพเพิ่งรู้ตัวว่าเขาดีใจจนออกนอกหน้า เสียอาการจึงรีบแก้ตัว “เปล่าๆ ครับ ผมดีใจที่คุณหลุดมาจากหมอนั่นได้น่ะ”

“ถึงฉันจะเลิกกับพี่ทัต คุณก็ไม่มีทางเป็นคิวต่อไปหรอกนะ”

“ผมรู้แล้วครับ ไม่กล้าจีบแล้วละ กลัวไส้แตก” เขาว่าแล้วเสหัวเราะ

“คุณรู้ไหม ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้องร้องไห้เพราะเรื่องรัก”

“ยังไงฮะ”

“เพราะฉันไว้ใจเขามาก เชื่อใจเขามาก ไม่เคยคิดว่าเขาจะหักหลังฉันไง ฉันคิดว่ารักของฉันกับพี่ทัตไม่ใช่ความรักที่เกิดขึ้นแบบฉาบฉวย เราผูกพันกันมานาน ฉันคิดว่าเขาเข้าใจฉันทุกอย่าง เขาจะไม่มีวันทิ้งฉัน ไม่มีวันทำให้ฉันเสียใจ”

“แต่เขากลับเอาความเชื่อใจของคุณมาหลอกคุณ”

“ก็ใช่ไง ฉันไม่น่าไว้ใจเขาเลย ฉันน่าจะรู้ว่าคนที่จะรักกันตลอดไปมันไม่มีหรอก สุดท้ายทุกคนก็ต้องทิ้งฉันไป แม่ที่ฉันรักที่สุด ตาที่ฉันรักที่สุด”

“แล้วพ่อคุณล่ะ”

“อย่าพูดถึงเขา ฉันเกลียดเขา”

“ทำไมถึงเกลียด”

“เขาทิ้งฉัน ทิ้งแม่ไป ทำให้แม่ฉันตรอมใจตาย”

“คุณยังดีกว่าผมนะ จากเป็นก็ยังอาจสืบรู้ว่าอยู่ที่ไหน แค่ไม่อยากเจอ แต่ผมสิ พ่อแม่ตายจากไปพร้อมกัน ถึงอยากเจอก็ไม่มีโอกาสแล้ว ถ้าให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะคุณ”

“ไม่มีวันที่ฉันจะให้อภัยเขาหรอก”

“ยังไงเขาก็เป็นพ่อนะคุณ เกลียดพ่อแม่มันบาปนะ”

“บาปกรรมอะไรฉันไม่กลัว สำหรับฉันเกลียดก็คือเกลียด ฉันไม่เหมือนตายายที่ให้อภัยคนที่เคยเกลียดได้ง่ายๆ”

อานุภาพนึกจะถามต่อว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่กล้า นวลดาราหันมามองอานุภาพเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด หญิงสาวลุกเดินไปทางประตูรั้วหน้าบ้าน

“คุณจะไปไหนน่ะ”

“ล็อกประตูบ้าน”

“ผมล็อกให้แล้ว”

นวลดาราอ้อมแอ้มขอบคุณทำให้อานุภาพอดยิ้มไม่ได้ เขาเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน นวลดาราวางผ้าห่มให้เขาที่เก้าอี้ยาวรับแขกแล้วถาม “คุณนอนตรงนี้แล้วกัน ขาคงเกินมาหน่อย แต่คงดีกว่าปูเสื่อนอนพื้น”

“ผมนอนได้สบายมาก คุณไม่ต้องห่วง” อานุภาพพูดพลางเดินไปยังที่นอนชั่วคราว

“โอ๊ย…” อานุภาพเอามือเท้าโต๊ะรับแขกแล้วรู้สึกเหมือนของมีคมบาดเข้าที่ฝ่ามือ

“เป็นอะไรคุณ” นวลดารารีบมาดู

อานุภาพยกมือขึ้นจากโต๊ะ ก็เห็นเศษแก้วชิ้นใหญ่อยู่บนโต๊ะ ด้านคมหงายขึ้นและมีเลือดติดอยู่ เมื่อเขาพลิกฝ่ามือขึ้นให้ดูก็เห็นรอยแผลถูกกรีดที่กลางฝ่ามือ

“โอ๊ย…ฉันเก็บเศษแก้วไม่หมด ขอโทษนะคุณ” นวลดาราบอกแล้วรีบเก็บเศษแก้วไปทิ้ง แล้วกลับมาดูแผล

“ไม่เป็นไรหรอกคุณ แผลไม่ลึกเท่าไหร่หรอก” เขาบอกเมื่อเห็นสีหน้าเธอวิตกกังวล

“ไม่ลึกอะไร เลือดออกเยอะเลย ต้องไปโรงพยาบาลไหมเนี่ย”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมว่าไม่น่ามีเศษแก้วต้องให้หมอคีบออก ทำแผลก็พอ”

“เดี๋ยวฉันมา…”

ครู่หนึ่งนวลดาราก็กลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น เธอทำแผลให้อานุภาพอย่างเบามือ สายตาห่วงใยและกังวลมาก อานุภาพประสานสายตากับเธอ เขารู้สึกสุขใจอยู่ชั่ววินาที แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงทั่วตัว เจ็บจนหลุดเสียงซี้ดออกมา

“เจ็บมากเลยเหรอคุณ”

ยิ่งเธอมองตาแล้วถามเขายิ่งเจ็บ แต่ต้องข่มใจ “ไม่เป็นไร ผมทนได้”

เมื่อทำแผลเสร็จอานุภาพก็ล้มตัวลงนอน นวลดาราห่มผ้าให้เขา ยิ่งเธอเข้ามาใกล้เขายิ่งรู้สึกว่าเข็มในความรู้สึกเขานั้นมันยิ่งแทงลึกลงไป ชายหนุ่มพลิกตะแคงหันหน้าเข้าหาพนักเก้าอี้รับแขก เม้มปากแน่น ไม่ให้อยากให้เธอจับพิรุธได้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน

นวลดาราหายไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมยาแก้ไข้กับน้ำหนึ่งแก้ว เธอกำชับเขาเสียงหนักแน่นว่า “ถ้าไข้ขึ้นต้องกินยานะคุณ แล้วถ้าไม่ไหว คุณเคาะเรียกฉันเลยนะ จะได้รีบพาไปโรงพยาบาล ไม่ต้องเกรงใจนะ” สั่งการเสร็จนวลดาราก็เข้าห้องนอนไป

อานุภาพหลับไม่ลง ลบภาพที่ประสานสายตากับเธอออกไปจากหัวก็ไม่ได้ ครั้นพอคิดถึงก็เจ็บปวดอีก เขาพยายามสวดมนต์ข่มใจจนหลับไปได้ในที่สุด



Don`t copy text!