สาปแสงรัก บทที่ 13 : ห้ามรัก
โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต
สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co
“นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย” นวลดาราถามซ้ำ เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ฟัง
หลังจากที่อานุภาพหมดสติไป นวลดาราก็กลับไปที่วัดเพื่อตามคนมาช่วย อนุชรีบมาดูอาการของพี่ชาย เธอขอให้พาอานุภาพมาส่งโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ชลธีอาสาขับเรือมาส่งที่เกาะลอยและตามมาเป็นเพื่อนนวลดารา เมื่อมาถึงที่นั่นภูษิตก็เอารถมารอรับและพาอานุภาพมาส่งโรงพยาบาลทันที อานุภาพได้รับการรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉินเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ระหว่างนั่งรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองหนุ่มอาสาไปซื้อกาแฟ สองสาวจึงมีโอกาสได้คุยกัน ตอนนั้นเองที่อนุชเล่าว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงได้เป็นแบบนี้ เรื่องที่ได้ฟังเหลือเชื่อเกินกว่าที่นวลดาราจะปลงใจเชื่อในทันที
“นุชนึกแล้วว่าคุณนวลต้องไม่เชื่อ เรื่องแบบนี้เล่าไปใครจะเชื่อ นุชเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย” อนุชบอกอย่างปลงๆ
“คุณนุชไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณแล้วนะคะ เรียกพี่นวลเถอะ…แล้วไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อ แต่เรื่องมันเหลือเชื่อ”
“มันก็เหลือเชื่อจริงๆ ที่จริงพี่อ้ายสั่งว่าไม่ให้นุชบอกพี่นวล เพราะมันทำให้เขาดูอ่อนแอ น่าสงสาร”
“ถ้าต้องทรมานขนาดนี้ ทำไมเขาถึงยังจะจีบพี่”
“เพราะรักไงคะ ก็อย่างที่นุชเล่านั่นแหละ พี่นวลอาจจะคิดว่าพี่อ้ายเพ้อเจ้อไปเอง แต่พี่ชายนุชเขาปักใจไปแล้วจริงๆ พี่นวลไม่รู้สึกอะไรกับพี่อ้ายบ้างเลยเหรอคะ”
“พี่…” นวลดาราไม่รู้จะอธิบายให้อนุชฟังอย่างไรว่าเธอเองก็รู้สึกดีกับอานุภาพ เธอยังทำใจรับกับเรื่องนี้ไม่ทัน ถ้าความรักของเธอกับเขาทำให้เขาทรมานขนาดนี้ เธอจะรักเขาได้อย่างไร
นวลดารายังไม่ทันจะตอบคำถามของอนุช เธอก็เห็นชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่เก้าอี้นั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินที่เธอกับอนุชนั่งอยู่ เกือบจะพร้อมกับชลธีและภูษิตที่อาสาไปซื้อกาแฟกลับมาถึง
“นุช…พี่อ้ายเป็นยังไงบ้าง” ผู้หญิงที่มาถามอนุชอย่างร้อนใจ
“แม่…หมอยังไม่ออกมาบอกอะไรเลยค่ะ”
เมื่ออนุชตอบ นวลดาราจึงรู้ว่าสามีภรรยาที่มาคือประณตและอาจารีพ่อแม่ของอนุชที่ยายของเธอเคยพูดถึงให้ฟัง
“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ที่นุชเล่ามาในโทรศัพท์ พ่อยังไม่ค่อยเข้าใจ” ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวบ้าง
“เรื่องมันยาวมากค่ะพ่อ พี่นวล นี่พ่อแม่นุชค่ะ”
นวลดารายกมือไหว้ประณตกับอาจารี ประณตรับไหว้เธอดี แต่อาจารีดูเหมือนจะไม่ยินดีที่รู้จักเธอ แม่ของอนุชมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามว่า “เธอคือนวลดารา เจ้าของโรงงานเซรามิกใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“คุณ…” ประณตรู้ว่าความห่วงใยที่มีต่อหลานชายอาจจะทำให้ภรรยาพูดไม่ดีกับนวลดาราเขาจึงปรามเธออ้อมๆ
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเขาเลยนะคุณ” อาจารีบอกสามี แล้วหันไปถามนวลดารา “เธอสนิทกับหลานชายฉันมากแค่ไหน”
“เอ่อ…” นวลดาราอึกอัก ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
“พี่นวลไม่ได้สนิทกับพี่อ้ายมากหรอกค่ะแม่” อนุชรีบบอก
“นุชไม่ต้องพูดเลย แม่บอกให้นุชตามไปดูแลพี่เขาให้ดี แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” อาจารีดุลูกสาวจนคนถูกดุหน้าเสีย
นวลดาราเห็นอนุชถูกดุก็พยายามจะช่วยแก้สถานการณ์ จึงบอกกับอาจารีว่า “ถ้าคุณคิดว่าดิฉันมีส่วนทำให้คุณอานุภาพเป็นแบบนี้ ดิฉันก็จะไม่คบหาใกล้ชิดกับเขาอีกค่ะ”
“เธอรู้ว่าควรจะทำยังไงก็ดีแล้ว เพราะถ้าเธอไม่รู้ฉันก็จะสั่งห้ามไม่ให้เธอคบกับหลานชายฉันอยู่แล้ว”
ประณตวางหน้าไม่ถูก เขาจะห้ามภรรยาก็กลัวจะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน แต่เขาก็ไม่อยากให้ภรรยาต่อว่านวลดารามากไปกว่านี้
นวลดาราดูออกว่าผู้ใหญ่ลำบากใจ เธอจึงขอตัวกลับพร้อมกับชลธี อนุชจะตามไปส่งแต่ก็ถูกเรียกตัวไว้ และนวลดาราก็ได้ยินเสียงอาจารีดุลูกสาวแว่วอยู่เบื้องหลัง ภูษิตอาสาไปส่งแต่นวลดาราบอกว่าเธอกับชลธีกลับกันเองจะสะดวกกว่า
“คุณนวลหลับไปเลยก็ได้นะครับ” ชลธีบอกเมื่อเขาขับเรือออกจากเกาะลอยมาได้ไม่นานเพราะรู้ว่านวลดารากลัวทะเลกลางคืน
“นวลไม่หลับหรอกพี่ชล นวลก็อยากจะฝึกตัวเองเหมือนกัน” นวลดาราบอกตัวเองทั้งที่ใจสั่น และมันยิ่งทำให้เธอคิดถึงคนที่เธอเคยกอดแขนเมื่อครั้งก่อน
“คุณแม่คุณนุชดูจะโกรธคุณนวลเอามากๆ เลยนะครับ” ชลธีเปรยขึ้นแล้วก็ออกความเห็นต่อไปว่า “ผมว่าเขาทำเกินไป”
“ก็ต้องเข้าใจเขานะพี่ชล เพราะนวลอยู่กับคุณอ้ายตอนที่เขาป่วย นวลก็มีส่วนผิดเหมือนกัน” นวลดาราบอก
“ผมไม่เห็นว่าคุณนวลจะผิดตรงไหน ทำไมต้องพูดจา มองกันหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวแบบนั้น มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหมครับ”
นวลดาราไม่ได้ตอบคำถามเพราะเธอยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องความในใจของเธอและอาการเจ็บป่วยของอานุภาพให้ใครฟัง ชลธีจึงคิดได้ว่าเขาอาจพูดยุ่งเรื่องของเจ้านายมากเกินไป เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอโทษนะฮะ ผมพูดมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรเลยพี่ชล นวลแค่ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงน่ะ…พี่ชล คงเป็นห่วงคุณนุชที่ถูกแม่เธอดุใช่ไหม”
“ครับ ผมสงสารเธอ เธอเป็นห่วงพี่ชายมาก แล้วยังมาโดนดุต่อหน้าเราอีกด้วย คงเสียใจแย่” ลูกน้องคนสนิทของนวลดาราเผยความในใจออกมาตรงๆ
เรือของชลธีเข้ามาจอดเทียบที่หน้าหาดเกาะเดือนดับเมื่อเวลาเกือบสามทุ่ม นวลดาราขอให้ชลธีกลับบ้านไปก่อน เพราะเธออยากคิดทบทวนอะไรๆ เงียบๆ คนเดียว เรื่องที่เธอได้รับรู้ในวันนี้มันหนักหนาและจู่โจมเข้ามาเร็วจนเกินจะรับไหว เมื่อตอนสายเธอกับอานุภาพยังคุยกันด้วยดี เธอเริ่มเปิดใจให้เขาแล้วแท้ๆ ไม่นึกว่าชั่วเวลาไม่กี่นาทีเรื่องราวจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
บรรยากาศยามดึกของคืนพระจันทร์เต็มดวงบนเกาะเดือนดับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่พระจันทร์สวยที่สุดเกาะหนึ่งในจังหวัดไม่สวยชวนมองเหมือนที่ผ่านมา แสงสลัวจากคบไฟที่เสียบไว้เป็นจุดๆ เพื่อเป็นไฟทางให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นแสงที่นวลดาราเคยคิดว่าสวย โรแมนติกที่สุด วันนี้กลับให้ความรู้สึกหม่นเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
นวลดาราบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกเศร้าขนาดนี้ เศร้ามากกว่าเมื่ออกหักจากทัตพลเสียอีก เมื่อเธอเห็นอานุภาพเจ็บปวดเธอก็อยากรับความเจ็บปวดแทนเขา ถ้าความรู้สึกนี้คือความรัก รักครั้งนี้ของเธอก็ต้องจบลงอย่างไม่มีข้อแม้ บางทีอาจไม่ใช่แค่อานุภาพหรอกที่โดนสาปให้รักเธอไม่ได้ เธอเองก็ถูกสาปให้เป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสมอ
นวลดาราปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ความเศร้าจนพอใจ เมื่ออากาศเริ่มเย็นลงเธอก็คิดได้ว่าการมัวนั่งเศร้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นวลดาราตัดใจลุกขึ้นและบอกตัวเองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ต้องเข้มแข็ง ไม่ให้ยายต้องเป็นห่วง
หญิงสาวหันหลังเดินขึ้นจากหาดได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกฉุดตัวไว้ แล้วมือลึกลับก็เอาผ้าขนหนูสีขาวโปะลงบนจมูกเธออย่างรวดเร็ว โชคดีที่นวลดาราไม่ได้สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด สารเคมีกลิ่นฉุนนั้นจึงออกฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่นัก
“พี่ทัต…” นวลดาราตกใจที่เห็นว่าอดีตคนรักคือคนทำร้ายเธอ “พี่จะทำอะไรนวล”
“ก็เมื่อขอเงินดีๆ ไม่ให้ พี่ก็ต้องเรียกค่าไถ่จากยายของนวลน่ะสิ มาช่วยจับมันเร็ว” ทัตพลร้องเรียกให้นายเจิมมาช่วย ขณะที่นวลดาราดิ้นรนขัดขืนเท่าที่จะมีเรี่ยวแรง
“น้าเจิมอย่าทำฉันเลยนะ” นวลดาราขอร้อง ขณะที่เริ่มมึนงงมากขึ้น เรี่ยวแรงก็น้อยลง
เมื่อได้ยินคำขอร้องของเจ้านายเก่า เจิมก็เกิดกลัวขึ้นมา
“อ้าว มาช่วยกันหน่อยสิวะ เอาไหมส่วนแบ่งน่ะ” ทัตพลตะคอกใส่เจิม มือก็พยายามฉุดรั้งนวลดาราที่ดิ้นรนขัดขืน
นวลดาราอาศัยจังหวะที่ทัตพลเผลอกัดแขนเขาจึงสลัดหลุดมาได้ แต่เธอก็มึนงงและหมดแรงล้มลง
“จะหนีไปไหน…” ทัตพลตามมาฉุดเธอแต่ก็สะดุดล้ม จึงทำได้เพียงรั้งขานวลดาราไว้
นวลดาราดิ้นรนสุดชีวิต เธอหันไปเห็นคบไฟที่หลุดออกจากแท่นเสียบตกลงบนพื้นเนื่องจากการต่อสู้ขัดขืนของเธอเมื่อครู่ หญิงสาวพยายามไขว่คว้ามือไปกำโคนคบไฟไว้จนได้ ทัตพลเห็นนวลดาราหมดเรี่ยวแรงก็ย่ามใจปล่อยขาเธอแล้วลุกขึ้นโผเขาหาหมายจะจับตัวเธอไว้ให้ได้ แต่นวลดาราที่รอจังหวะอยู่แล้วรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือ ยกคบไฟฟาดไปที่ใบหน้าของทัตพล
“โอ๊ะ โอ๊ย…” ทัตพลร้องโหยหวนเพราะเปลวไฟลุกไหม้ใบหน้า เจ็บปวดแสนสาหัส เขาปัดคบไฟให้พ้นตัว แล้วลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย
นวลดารารวบรวมกำลังลุกวิ่งหนีขึ้นจากหาด เธอเดินโซซัดโซเซไปจนถึงหน้าเรือนรับแขกก็หมดแรงเกือบจะล้มลง นางชื่นหันมาเห็นเข้าก็ตกใจรีบเข้ามาประคองไว้
“คุณนวล ใครทำอะไรคุณ”
“พี่ทัต…” นวลดาราตอบได้แค่นั้นก็หมดสติไป
“ชล…ชล มาดูคุณนวลหน่อยเร็ว” นางชื่นเรียกหาลูกชายใจคอไม่ดี
ชลธีรีบพานวลดารามาที่เรือนหลังใหญ่ เมื่อคุณมัทนารู้ว่าหลานสาวถูกทำร้ายเธอก็ตามหมอมาตรวจ ผู้เป็นยายโล่งใจที่หลานเธอไม่ได้ถูกทัตพลล่วงเกิน เพียงแต่โดนยาสลบเท่านั้น
คุณมัทนาไม่มีท่าทีเจ็บแค้นทัตพล แต่ชลธีนั้นตรงข้ามกัน
“เจ็บใจจริงๆ ที่ผมตามไปก็ไม่เจอมันแล้ว ตอนผมกับคุณนวลมาถึงเกาะก็ไม่เห็นเรือมันที่หาด หรือมันจะเอาพุ่มไม้มาปิดพรางไว้ก็ไม่รู้ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา แต่ไม่คิดว่ามันจะเลวขนาดนี้เลยครับ” ชลธีบอกคุณมัทนาอย่างเจ็บแค้นแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอกชล นวลไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” คุณมัทนาบอก
สายวันต่อมาเมื่อยาสลบหมดฤทธิ์นวลดาราก็ตื่นขึ้น คุณมัทนาดูแลหลานสาวไม่ห่าง เธอแปลกใจที่นวลดารามีท่าทีเปลี่ยนไป แรกทีเดียวเธอคิดว่าหลานคงอ่อนเพลียจากฤทธิ์ยาจึงดูซึมๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปผู้เป็นยายก็รู้สึกได้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
นวลดารารับประทานอาหารได้เพียงเล็กน้อยก็ขอตัวไปพักผ่อน ผู้เป็นยายจึงเดินตามไปไถ่ถามความในใจของหลานสาวในห้องนอน
“นวล เป็นยังไงบ้างลูก ยังมึนงงอยู่หรือเปล่า” คุณมัทนาลงนั่งที่ปลายเท้าหลานสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
“ไม่เป็นไรแล้วละค่ะยาย” นวลดาราบอกพลางขยับลงมานั่งข้างๆ ยาย
“ยายไม่นึกเลยว่าทัตพลจะเป็นคนแบบนี้” คุณมัทนารำพึงรำพัน
“พี่ทัตไม่เหมือนพี่ทัตคนที่นวลรู้จักเลยค่ะยาย”
“เขาอาจจะเปลี่ยนไปนานแล้ว แต่ทั้งยายและหนูไม่ได้จับสังเกตก็ได้นะลูก”
“ยังไงคะยาย”
“หนูรู้ใช่ไหมว่าทัตพลตัดขาดพ่อแม่ของเขาตั้งแต่ที่พ่อเขากลายเป็นบุคคลล้มละลาย”
“นวลรู้แต่ว่าพี่ทัตไม่ได้ช่วยพ่อแม่เขารับผิดชอบหนี้ แต่นวลไม่รู้ว่าเขาตัดขาดกับพ่อแม่”
นวลดารารู้ว่าเมื่อสองปีก่อนพ่อของทัตพลดำเนินธุรกิจผิดพลาด มีหนี้สินล้นพ้นตัวจนถูกฟ้องล้มละลายและโดนยึดทรัพย์สินทั้งหมด ตอนนั้นทัตพลบอกเธอว่าเขาไม่มีกำลังจะช่วยเหลือใช้หนี้ให้พ่อแม่ได้ เธอเคยเห็นแม่ของทัตพลโทรศัพท์หาเขาแล้วเขาก็ตัดสาย เมื่อนวลดาราถาม ทัตพลก็บอกเธอว่าเขาไม่มีเงินช่วยพ่อแม่ใช้หนี้พ่อจึงตัดพ่อตัดลูกกับเขา ตอนนั้นนวลดารายังให้เงินเขาไปก้อนหนึ่งเพื่อไปให้พ่อเขาด้วย เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าทัตพลหลอกเธอ
“ยายรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัวของเขาและคิดว่าถ้าให้เวลาสักหน่อยครอบครัวเขาอาจจะกลับมาดีกันได้ ถึงไม่ได้เล่าให้หนูฟัง ถ้ายายเล่าหนูอาจจะเอะใจ รู้ธาตุแท้ของเขาก่อนที่เขาจะทำร้ายหนูก็ได้”
“ไม่หรอกค่ะยาย ตอนนั้นถ้ายายบอก นวลคงไม่เชื่อ นวลเชื่อใจเขามาก ถ้าคุณอ้ายไม่เปิดโปงเขา นวลก็คงไม่รู้ว่าเขานอกใจนวล”
“เขานอกใจหนู ตั้งแต่เมื่อไหร่กันลูก”
นวลดาราจึงเล่าเรื่องที่อานุภาพช่วยแฉพฤติกรรมของทัตพลและเรื่องที่เธอบอกเลิกกับเขาก่อนที่เขาจะกลับมาทำร้ายเธอ
คุณมัทนาฟังหลานสาวเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เธอไม่ได้ติดใจเรื่องของทัตพล แต่กลับติดใจในเรื่องความสัมพันธ์ของนวลดารากับอานุภาพ
“นวลเลิกเกลียดชังคุณอ้ายแล้วหรือลูก”
“ค่ะยาย นวลเกลียดเขาไม่ลงแล้ว” นวลดาราพูดแล้วหันไปกอดผู้เป็นยาย คุณมัทนาแปลกใจเพราะหลานสาวไม่เคยอ่อนไหวแบบนี้มาก่อนเลย
“ชลบอกยายว่าอาของคุณอ้ายห้ามไม่ให้หนูคบหากับเขา มันยังไงกัน หนูคบกับเขาแล้วหรือลูก”
นวลดาราตัดสินใจบอกความรู้สึกที่เธอมีต่ออานุภาพให้ยายฟัง รวมทั้งเรื่องอาการเจ็บปวดอย่างประหลาดของอานุภาพด้วย
“หนูรักเขาจริงๆ ใช่ไหมลูก นวล” คุณมัทนาถามหลานสาวเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง
“นวลก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหน อาจจะเพราะเขาช่วยชีวิตนวล เขาทำให้นวลเห็นว่าตัวเองร้ายกาจ เกลียดเขาทั้งๆ ที่เขาหวังดี พอเขาเจ็บนวลก็อยากเจ็บแทนเขา มันคือความรักใช่ไหมคะยาย นวลไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับพี่ทัตเลย”
“หนูผูกพันกับทัตพล แต่หนูรักคุณอ้าย” ผู้เป็นยายบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมตตา
“แต่มันคงไม่มีความหมายอะไรแล้วละค่ะยาย ถ้ารักกันแล้วเขาทุกข์ทรมาน นวลขอจบแค่นี้ดีกว่า”
“นวลคิดถูกแล้วละลูก ถ้ารักแล้วทุกข์ ก็อย่าผูกเวรผูกกรรมกันเลย” ผู้เป็นยายบอกพลางเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตาของหลานสาวแล้วกอดรับขวัญเนิ่นนาน
- READ สาปแสงรัก บทที่ 25 : ทุกภพทุกชาติเชี่อมโยงกัน (จบบริบูรณ์)
- READ สาปแสงรัก บทที่ 24 : ท้องฟ้าหลังพายุผ่าน
- READ สาปแสงรัก บทที่ 23 : ข้อความสุดท้าย
- READ สาปแสงรัก บทที่ 22 : เหตุผลที่คนทิ้งกัน
- READ สาปแสงรัก บทที่ 21 : ความจริงเรื่องพ่อ
- READ สาปแสงรัก บทที่ 20 : เหตุซ้ำรอย
- READ สาปแสงรัก บทที่ 19 : กรรมเก่า กรรมใหม่
- READ สาปแสงรัก บทที่ 18 : ระลึกชาติ
- READ สาปแสงรัก บทที่ 17 : เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
- READ สาปแสงรัก บทที่ 16 : ความรักของยาย
- READ สาปแสงรัก บทที่ 15 : มาตามสัญญา
- READ สาปแสงรัก บทที่ 14 : ทำไมต้องลืม
- READ สาปแสงรัก บทที่ 13 : ห้ามรัก
- READ สาปแสงรัก บทที่ 12 : จะเป็นจะตายให้มันรู้
- READ สาปแสงรัก บทที่ 11 : หยุดเถอะลูก
- READ สาปแสงรัก บทที่ 10 : เพลงยาว
- READ สาปแสงรัก บทที่ 9 : เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวไม่เจ็บ
- READ สาปแสงรัก บทที่ 8 : เปิดโปง เปิดใจ
- READ สาปแสงรัก บทที่ 7 : ความรักเพิ่งเริ่มต้น
- READ สาปแสงรัก บทที่ 6 : คลื่นความเจ็บปวด
- READ สาปแสงรัก บทที่ 5 : ถึงเกลียดก็จะรัก
- READ สาปแสงรัก บทที่ 4 : นางในฝัน
- READ สาปแสงรัก บทที่ 3 : เหตุผลที่คนเกลียดกัน
- READ สาปแสงรัก บทที่ 2 : แรกรัก แรกเกลียด
- READ สาปแสงรัก บทที่ 1 : คำทำนายที่ไม่อาจเลี่ยง