นิราศรักสองนครา บทที่ 23 : การเดินทางสู่โลกกว้าง
โดย : ปรียนันทนา
นิราศรักสองนครา โดย ปรียนันทนา เรื่องราวของโชติ หญิงสาวชาวสยาม กับทางเลือกสองทาง ความรักของชายหญิงกับความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด เธอจะเลือกทางใด และหากไม่สามารถเลือกได้ จะมีหนทางใดที่ใจสองดวงจะมาบรรจบพบกัน ณ จุดที่ลงตัวได้หรือไม่ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านพร้อมกันที่นี่ anowl.co
หญิงสาวผู้มีใบหน้าคมดวงตาเจิดจ้าเป็นประกายสุกใสทว่าบัดนี้กลับหม่นลงด้วยความกังวลหลายเรื่อง กิริยาที่เคยร่าเริงก็ดูจะเชื่องช้าลงเยี่ยงผู้ที่กำลังมีเรื่องให้ตรึกตรองอยู่เป็นนิจ เรื่องที่ได้รับรู้มาจากหลวงภูบดินทร์พิทักษ์เมื่อวานนี้ทำเอาจิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อตัวแม้ว่าครอบครัวของเธอรับใช้ใกล้ชิดวังหลวง หากแต่สมเด็จวังหน้าทรงเป็นพระราชอนุชาแท้ ๆ ที่มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากับพระเจ้าอยู่หัว อาการประชวรคราวนี้ทำเอาเหล่าข้าราชบริพารปริวิตกยิ่งนัก สีหน้าของผู้คนที่บ้านคุณป้าของโชติก็พาให้หญิงสาวรู้สึกหดหู่มิแพ้กันทั้งที่ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติเช่นที่เคยเป็นเสมอมา
“วันนี้มีกระไรหรือเจ้าคะคุณป้า หลานเห็นผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่”
โชติหมายถึงบริเวณปีกตึกด้านที่เจ้าของบ้านฝ่ายชายใช้เป็นที่รับรองผู้มาเยือน
“คงมาหารือด้วยเรื่องเดินทางกระมัง”
“คุณลุงต้องตามเสด็จไปที่ใดฤาคะ” โชตินั่งตรงข้ามคุณหญิงป้าของเธอและพิจารณาท่าทีของอีกฝ่ายที่กำลังสาละวนกับงานในมือ
“ครานี้มิได้ตามเสด็จหากแต่ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ไปเป็นราชทูตเข้าเฝ้าพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ น่ะสิแม่โชติ”
“เข้าเฝ้าพระเจ้านโปเลียนที่ ๓” เสียงโชติออกจะแปลกใจ “ต้องเดินทางไปถึงเมืองฝรั่งเศสอีกแล้วหรือคะ แล้วคุณพ่อของหลานเล่าคะ”
“พ่อของหลานมิได้ไปด้วยดอก แต่ว่า…” คุณหญิงอ่วมเว้นช่วงขณะมองหน้าหลานสาวคนโปรด “ป้าต้องเดินทางไปกับคณะทูตในครานี้ด้วย”
“จริงหรือคะ ดีจริงค่ะคุณป้า หลานใคร่รู้ว่าบ้านเมืองของเขาจะเป็นเช่นไร คุณป้าเขียนหนังสือมาเล่าให้หลานฟังบ้างนะเจ้าคะ”
“จะต้องเขียนไปไยเล่าก็เจ้าจะต้องเดินทางไปกับป้าแลคุณลุงด้วยนะแม่โชติ”
“คุณป้าว่ากระไรนะคะ” โชติมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจด้วยไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“หลานได้ยินมิผิดดอก หลานต้องเดินทางได้ด้วยกันกับป้าและเจ้าคุณลุง ป้านั้นเดินทางเพื่อนำงานฝีมือของสยามไปแสดงให้คนที่นั่นชม เห็นว่าพระเจ้านโปเลียนได้ทรงมีพระราชดำริให้จัดงานแสดงสิ่งของเครื่องใช้จากเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกที่เกี่ยวกับ culture นอกจากนั้นยังมีสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นใหม่มาแสดงด้วยนะ” คุณป้าของหญิงสาวออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดเจนเมื่อกล่าวถึงวิถีชีวิตและการดำเนินชีิวิตของผู้คน
“น่าสนใจยิ่งนะคะ แต่เป็นการจัดงานเพื่อการแสดงสิ่งของแลสิ่งประดิษฐ์เพียงเท่านั้นหรือคะคุณป้า หลานว่าผู้คนในเมืองยุโรปคงมีจุดมุ่งหมายมากกว่านั้นเป็นแน่”
“คงเป็นเยี่ยงนั้น อาจทำให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมากขึ้นกระมัง”
“แต่คนบ้านเมืองเรามิได้ใช้ชีวิตอยู่ในแถบนั้น ใครจะมาสนใจสินค้าของเราหรือคะคุณป้า”
“ข้อนี้ป้าก็มิรู้ดอก หากแต่เมื่อได้รู้ว่าทางฝรั่งเศสมีจดหมายเชิญมาทางในวัง ในหลวงจึงมีพระราชประสงค์ให้จัดนำสิ่งของไปแสดงด้วย แลคุณลุงของหลานได้มอบหมายให้ป้าช่วยจัดการเรื่องนี้”
“หลานเข้าใจแล้วค่ะคุณป้า เช่นนั้นการเดินทางไปในเมืองฝรั่งเศสครานี้หลานยินดีแบ่งเบาภาระของคุณป้าเต็มที่ค่ะ”
“แล้วแม่กลอยนี่จะติดตามไปด้วยก็ย่อมได้นะ” คุณหญิงหันมองมองกลอยที่กำลังนั่งฟังตาแป๋วอย่างใจจดใจจ่อ “ข้าพาบ่าวไพร่คนสนิทไปไม่มากหากเอ็งมิกลัวการเดินทางอันยาวนานแลอาจไม่สะดวกสบายก็ตามพี่โชติของเอ็งไปได้”
“เป็นบุญของฉันยิ่งนักเจ้าค่ะที่ฉันจะได้เดินทางไปกับคณะของท่านเจ้าคุณ”
กลอยยิ้มอย่างปลื้มใจแม้ได้เดินทางในฐานะผู้ติดตามแต่ถือเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กหญิงยกมือขึ้นพนมก้มศีรษะไหว้ผู้อาวุโสอย่างซาบซึ้งในความเมตตาและมอบโอกาสอันหาได้ยากยิ่งนี้แก่เธอผู้เป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เสียงเจื้อยแจ้วเจรจาของเด็กหญิงเบาบางลงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาบ่ายคล้อย ต่างคนต่างแยกย้ายกลับเรือนของตนกันไปหมดแล้วเหลือเพียงเด็กหญิงบางคนที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากละแวกนี้ยังอ้อยอิ่งนั่งเล่นเพื่อรอกินขนมและเล่นกับเพื่อน ๆ ส่วนโชตินั้นแวะมาพบครูก่อนกลับเรือนของตนเนื่องด้วยอยากแจ้งข่าวที่น่าตื่นเต้นซึ่งไม่อาจรอจนถึงวันรุ่งขึ้นได้
“ว่าอย่างไรจ๊ะ หน้าตาดูสดใสต่างจากเมื่อเช้านี้มากนะจ๊ะแม่โชติ” มิสซิสเฮาส์ทักทายหญิงสาวที่เดินมาหาตนเองถึงในครัวขณะที่กำลังเตรียมอาหารเย็น
“ครูคะ ฉันมีเรื่องจะมาแจ้งค่ะ เป็นข่าวน่ายินดี” ดวงตาคู่งามเปล่งประกายฉายชัดถึงความตื่นเต้นของเจ้าตัวผู้ยืนตรงหน้าสตรีชาวอเมริกัน
“มีเรื่องอันใดฤา ขอเดาว่าคงเป็นข่าวดีแน่นอน”
“เรื่องดีมิร้ายแน่ค่ะครู ฉันจะได้เดินเรือไปกับคณะทูตของในหลวงที่จะต้องไปเข้าเฝ้าพระเจ้านโปเลียนที่ฝรั่งเศสค่ะ ครานี้คุณป้าได้มีโอกาสไปด้วยจึงให้ฉันไปช่วยงานค่ะ”
“งานอะไรกัน” มิสซิสเฮาส์ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ
“งานเอ็กซ์โปอย่างไรเล่าคะ”
“งานนั้นเอง” มิสซิสเฮาส์พยักหน้าอย่างนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสได้เริ่มจัดนิทรรศการแสดงสินค้านานาชาติมาสามครั้งแล้ว “ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วสินะ”
“ครูเคยไปหรือไม่คะ”
“มิเคยดอก แต่ได้ยินมาว่างานใหญ่โตนัก มี innovation ใหม่ ๆ ของแต่ประเทศมานำเสนอกัน จักรเย็บผ้าซิงเกอร์ของครูก็เผยแพร่ครั้งแรกที่งานนี้เมื่องานแสดงครั้งที่สองที่ปารีสจ้ะ” มิสซิสเฮาส์ชี้ไปทางในบ้านซึ่งมีจักรเย็บผ้าตั้งอยู่
“จริงหรือคะ บ้านเมืองเรายังปักสะดึงกันอยู่เลย” หญิงสาวมิได้แปลกใจกับจักรเย็บผ้าตัวนั้นเนื่องด้วยเธอเห็นความทันสมัยของเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ผ่านความคุ้นเคยกับชาวต่างชาติมานาน เธออยากให้บ้านเมืองนี้มีสิ่งต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกมาช่วยทำให้คนใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น
“ปักสะดึงก็ถือเป็นงานฝีมือประณีตที่ไม่เหมือนการเย็บจักรนะจ๊ะ” ครูของหญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มขณะยกหม้อซุปลงจากเตา โชติเดินตามไปติด ๆ ที่โต๊ะอาหาร แม้ยังไม่รู้สึกหิวแต่ก็ยอมรับว่าน่ารับประทานมาก
“ฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะเพียงแต่แค่อยากให้สยามมีเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ช่วยให้คนเราสะดวกมากขึ้นบ้าง”
“การติดต่อกันระหว่างบ้านเมืองต่าง ๆ นี้จะทำให้เดิกการแลกเปลี่ยนจนเป็นธรรมดาในที่สุดจ้ะ” มิสซิสเฮาส์มองหญิงสาวอย่างเอ็นดู “ว่าแต่วันนี้จะอยู่ dinner กับครูหรือไม่”
“คงไม่ได้ดอกค่ะ วันนี้ต้องกลับไปกินข้าวเย็นกับแม่” เธอบอกพลางมองซุปในหม้ออย่างเสีดายนิดหน่อย
“เช่นนั้นเอาซุปไปกินสิจ๊ะ เดี๋ยวครูแบ่งให้” มิสซิสเฮาส์บอกพลางหยิบปิ่นโตมาแบ่งซุปและขนมปังให้หญิงสาว “เสียดายที่สตูว์ยังเคี่ยวไม่เปื่อยมิเช่นนั้นจะฝากไปด้วย”
“แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ ฉันจะเอาไปให้แม่ชิมด้วย” โชติบอกอย่างยินดี
“จ้ะ ลองดูนะจ๊ะเผื่อแม่ของเธอจะถูกปาก หากชอบก็มาฝึกทำกับครูได้ มิยากดอก”
“งานครัวกับฉันอาจไม่ใช่ของคู่กันนักนะคะ” โชติบอกยิ้ม ๆ ขณะพนมมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายจากนั้นส่งปิ่นโตให้กลอย เด็กหญิงมองทั้งสองคนอย่างชื่นชมด้วยกำลังคิดว่าระหว่างหญิงต่างเชื้อชาติที่ยืนตรง
หน้าเธอทั้งสองคนนี้แตกต่างเพียงรูปลักษณ์ภายนอกหากแต่เนื้อแม้ในจิตใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความมีน้ำใจต่อผู้อื่นและแม้มีความคิดที่ต่างจากหญิงทั่วไปในความรู้สึกของกลอย หากก็ล้วนเป็นความคิดที่น่าชื่นชมยิ่งนัก
“ลูกว่ากระไรนะแม่โชติ” เสียงมารดาของหญิงสาวตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินบุตรสาวแจ้งเรื่องไม่คาดฝัน กระนั้นรสชาติอาหารที่เพิ่งลิ้มลองก็ทำให้นางแสงอดที่จะเอ่ยชมออกมาไม่ได้ “น้ำแกงนี่รสชาติดีทีเดียวนะ”
“เขาเรียกซุปจ้ะแม่” โชติบอกยิ้ม ๆ
“นั่นแหละ ๆ มันเป็นน้ำก็เรียกน้ำแกงจะเป็นไรไปเล่า” มารดาบอกเก้อ ๆ พลางนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่กำลังสงสัยเมื่อครู่ “ว่าแต่เรื่องที่บอกแม่เมื่อครู่นั่นเป็นอย่างไรกัน”
“คุณป้าให้ลูกเดินทางไปฝรั่งเศสด้วย” โชติบอกอย่างยิ้มแย้ม
“ไปมิได้ดอก ไปอย่างไรกัน” นางแสงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ความรู้ห่วงใยที่มีต่อโชติพาให้อุปาทานว่าการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจะต้องอันตรายและไม่ปลอดภัย
“แม่จ๊ะ คุณลุงก็เคยเดินทางไปมาแล้วครั้งหนึ่ง พ่อชายก็ยังไปด้วยเลยนะจ๊ะ” โชติพูดโน้มน้าวพลางจับแขนมารดาอย่างประจบ
“นั่นเขาเป็นผู้ชายแต่เราน่ะเป็นหญิง จะโลดโผนไปถึงไหนกัน” นางแสงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ลูกไม่ได้ไปลำพังคนเดียวสักหน่อย คุณป้าก็ไปด้วย”
วาจาของบุตรสาวทำเอานางแสงอึ้งไปอย่างจำนนด้วยจนใจจะหาเหตุผลมาแย้งเพราะว่าพี่สามีของตนเองก็จะเดินทางไปด้วยจริง ๆ
“แล้วลูกได้บอกพ่อหรือยัง”
“ยังมิได้บอกจ้ะ แต่ลูกคิดว่าท่านคงทราบเรื่องจากคุณลุงคุณป้าแล้ว”
“แม่มิอยากให้ไปเลยแม่โชติ ลงเรือไปเป็นเดือน ๆ ไปถึงที่โน่นนอกจากอากาศที่ว่าหนาวแล้วไหนจะอาหารการกินต่าง ๆ จะมีพร้อมเหมือนบ้านเรารึเปล่า”
“พ่อชายบอกว่าอาหารออกจะไม่ถูกปากนักแต่การเดินทางแลผู้คนที่ได้เจอก็ทำให้สนุกจนลืมเรื่องเหล่านี้ไปได้นะจ๊ะแม่”
“นั่นปะไร อาหารพวกฝรั่งหรือจะมาสู้บ้านเรา”
โชติลอบยิ้มเมื่อมารดากล่าวจบเพราะซุปในถ้วยหรือที่นางแสงเรียกน้ำแกงนั้นพร่องจนเกือบหมดแทบไม่รู้ว่าเคยมีสิ่งใดบรรจุอยู่ในชามแกงนั้นเลย
“หากแม่กลัวเรื่องอาหารจะไม่ถูกปากก็เตรียมพวกอาหารแห้งไปให้ฉันสิจ๊ะ จะได้แน่ใจว่าอย่างน้อยฉันก็คงมิอดตายเอากลางทางเป็นแน่”
หญิงสาวพูดจบก็บิขนมปังมาจิ้มกับแกงมัสมั่นที่ได้มาจากบ้านคุณป้าอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อมองหน้ามารดาก็เห็นแววตาอ่อนใจหากก็ไม่มีท่าทีขัดขวางเช่นตอนแรกแล้ว
ความกังวลลึก ๆ บางเรื่องถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นในสิ่งที่จะได้พบเจอในอนาคตอันใกล้ แม้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเรื่องเศร้าหมองในจิตใจเกี่ยวกับอาการประชวรจะผ่านพ้นไปเช่นไรแต่หญิงสาวก็พร้อมจะให้การเดินทางครั้งใหม่นี้เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีิวตที่เธอเคยใคร่ใฝ่ฝันถึงมานานแล้ว
เมื่อโอกาสมาเยือนในเวลานี้หญิงสาวย่อมไม่รอช้าที่จะให้โอกาสตนเองได้ทำตามใจปรารถนาเพราะเธอรู้ว่าอีกไม่ช้าโชคชะตาอาจไม่ได้เข้าข้างให้เธอทำตามที่ใจต้องการเช่นนี้อีกแล้วก็เป็นได้
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 31 : หลานสาวภริยาท่านทูต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 30 : หญิงสาวสองคนในเมืองใหญ่
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 29 : ต่างบ้านต่างเมือง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 28 : ก่อนถึงจุดหมาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 27 : ห่างกันไปไกล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 26 : เพียงชั่วเวลาพลิกฝ่ามือ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 25 : ในความคิดคำนึง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 24 : จังหวะของหัวใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 23 : การเดินทางสู่โลกกว้าง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 22 : เรื่องประหวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 21 : อุปสรรคและทางออก
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 20 : โรงเรียนเด็กหญิงในสยาม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 19 : ฤาดวงใจที่ไหวหวั่นอาจลับหาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 18 : ความไม่ลงตัวในจิตใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 17 : หวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 16 : มิอาจทำใจยอมรับ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 15 : สยามกับคนในร่มธงฝรั่งเศสและความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนไป
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 14 : เรื่องที่ไม่อาจเอ่ย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 13 : เรื่องดีและร้ายภายในหนึ่งวัน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 12 : สัญญาณที่ดี
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 11 : อิสระทั้งกายใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 10 : โอกาสของเด็กหญิง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 9 : ท่าทีเริ่มดีขึ้น
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 8 : ความเป็นไปของชีวิต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 7 : ผู้ก่อเหตุ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 6 : พบกันอีกครา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 5 : ความกังวล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 4 : บทสนทนา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 3 : บ้านลานย่านบางขุนพรหม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 2 : ทุ่งสามเสน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 1 : สองฝั่งน้ำ
- READ นิราศรักสองนครา : บทนำ