คุณแม่

คุณแม่

โดย : พิมพา

Loading

คุณแม่เป็นสาวเชียงใหม่ เกิดปี พ.ศ. 2465 เกิดในรัชกาลที่ 6 เติบโตที่บ้านท่าแพ เชียงใหม่ เราไม่ค่อยคุยกันเรื่องอดีตจริงๆ มากนัก ทราบคร่าวๆ คุณตาชื่อ เป็นชาวพม่าเกิดที่มะละแหม่ง เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของพม่า ค้าขายเพชรพลอยผ้าแพรพรรณ คุณตาเป็นคนค้าขายเก่งมากจนเป็นที่อิจฉาในหมู่พ่อค้าชาวพม่าจนกระทั่งครั้งสุดท้าย เสียชีวิตด้วยยาพิษและทางพม่าก็รีบจัดการศพเผาไปก่อนที่คุณยายจะเดินทางไปถึงพม่า ขณะนั้นคุณแม่อายุเพียงขวบเศษ  ส่วนด้านคุณยายชื่ออุ้ยเป็ง เป็นลูกของยายทวดชื่ออุ้ยใจ

ยายทวดเป็นคนสวยมาก แต่งงานสามครั้ง ครั้งแรกกับสามีเป็นพม่า มีลูกสาวคนเดียวคือยายอุ้ยเป็ง และสามีก็เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ แต่งงานครั้งที่สองกับมิสเตอร์อาเชอร์ เป็นกงสุลอังกฤษที่เชียงใหม่มีลูกด้วยกันสามคน ยายแหม่มยายลิลลี่กับตาเดวิส ยายลิลลี่กับตาเดวิสเสียชีวิตไม่ได้กล่าวถึงว่าอายุเท่าไร ส่วนสามีย้ายไปประจำเคปทาวน์ แล้วก็ไม่ทราบข่าวเลยค่ะ ต่อมายายทวดแต่งงานใหม่กับสามีชาวจีน มีลูกสองคน คือยายเล็กกับลุงสม มีลูกชื่อน้าบุศรา เราเคยไปพบตอนไปเรียนเชียงใหม่คะ

คุณยายอุ้ยเป็งมีลูกหกคนนะคะ คนแรกชือลุงพิชิต (ลุงแหล่ง) ป้าเพ็ญศรี (ป้าเพ็ญ) ลุงสรรัตน์ (ลุงรัตน์) ลุงประจวบ ป้าวรรณาและคุณแม่คนสุดท้องค่ะ คุณลุงแหล่งพี่คนโตจบม.8 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ไม่ได้ต่อสมัยนั้นแต่เก่งมากๆ ได้ทำงานธนาคารไทยพาณิชย์ใหญ่โตที่เชียงใหม่ และแต่งงานอยู่ที่เชียงใหม่ ลุงรัตน์จบโรงเรียนอัสสัมชัญ ต่อวิศวะ จุฬาฯ ป้าเพ็ญไปอยู่กับคุณยายแหม่มตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ที่กรุงเทพฯ

คุณน้าแหม่มแต่งงานกับมิสเตอร์นิวซันส์ชาวเดนมาร์ก ทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ส่วนคุณยายแหม่มทำงานเป็นครูสอนโรงเรียนวัฒนา คุณป้าไปเรียนโรงเรียนวัฒนาจนจบม.ปลายแล้วแต่งงาน ลุงประจวบเรียนจบ โรงเรียนยุพราช และสอบเข้าวิศวะ จุฬาฯ ต่อมาย้ายไปเรียนสัตวแพทย์ คุณป้าวรรณาเรียนจบม.ปลายโรงเรียนดาราวิทยาลัยและแต่งงาน มีช่วงเวลาหนึ่งคุณยายแหม่มรับคุณป้าวรรณากับคุณแม่ไปเรียนที่วัฒนาช่วงหนึ่ง แต่พอคุณยายทวดอุ้ยเป้งป่วย เลยย้ายกลับมาเรียนเชียงใหม่ จำช่วงปี พ.ศ. ไม่ได้ ระยะเวลาอยู่นานแค่ไหนก็ไม่มีบันทึก แต่คุณแม่เล่าว่า คุณแม่ซนมาก ถูกทำโทษปล่อยมีให้ออกมายืนนอกห้องอยู่บ่อยๆ แต่พอคุณยายเริ่มไม่สบาย คุณป้าและคุณแม่กลับมาเรียนต่อที่เชียงใหม่ เพื่อได้อยู่กับคุณยาย  และคุณยายเสียตอน อายุ 40 ปีจากโรคมะเร็งกล่องเสียง

พอคุณยายเสีย คุณลุงจวบ ป้าวรรณา และคุณแม่ก็ไปอยู่กับคุณลุงแหล่งที่เชียงใหม่จนเรียนจบม.ปลาย คุณยายเรียนจบม.ปลายโรงเรียนวัฒโน แล้วย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ มาพักบ้านลุงรัตน์ ตอนนั้นบ้านลุงอยู่ข้างวัดตรีทศเทพ คุณแม่บอกชอบวาดรูป ชอบจัดสวน ชอบออกแบบ จะเข้าเรียนสถาปัตย์ แต่ไม่ได้ เลยมาเรียนการเรือนที่โรงเรียนการเรือน สวนดุสิต ช่วงเรียนหนังสือก็มาทำงานอยู่ที่ร้านชัยณรงค์ เป็นแคชเชียร์ เจ้าของร้านเป็นเจ้าชัยณรงค์ มาจากเชียงใหม่คะ

จริงๆ ชีวิตของคุณแม่กำพร้าคุณพ่อตอน 1 ขวบซึ่งเป็นเสาหลักให้ครอบครัวเพราะคุณยายก็มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกหกคน ค่อนข้างลำบาก แต่คุณแม่ก็อดทนขยันและเป็นคนเก่ง แก้ปัญหาได้รวดเร็วชอบมีความคิดสร้างสรรค์ คิดอะไรใหม่ๆ เสมอ เป็นเสาหลักของครอบครัว

คุณพ่อ อาจารย์นิคม เป็นชาวเมืองแพร่ เข้ามาเรียนกฎหมายเตรียมมธ. รุ่น 4 พบกับคุณแม่ที่สมาคมชาวเหนือ คุณพ่อเป็นนักกิจกรรม คุณแม่ก็คล้ายๆ กัน ช่วงที่อยู่บ้านคุณลุงรัตน์ที่บ้านข้างวัดตรีฯ คุณพ่อจะมาคุยด้วยทุกเย็นที่สะพานหน้าบ้าน จนในที่สุดได้แต่งงานในวันที่ 13 กรกฎาคม 2494 ค่ะ

 

ชีวิตครอบครัว

ชีวิตแต่งงานฉลองงานแต่งที่ร้านชัยณรงค์ แล้วคุณพ่อจบมธ. รุ่น 4 นิติศาสตร์ แต่ไม่ได้ต่ออาชีพสายผู้พิพากษา มาทำงานทนายความที่บริษัทตีเลกีและกิบบินส์อยู่สักพักแต่ไปสมัครชิงทุน ก.พ. ไปเรียนโทควบสองมหาวิทยาลัยแมนดิสันและชิคาโก ใช้เวลา 8 ปี ช่วงนั้น พี่ชาย นิค เกิด 4 มิถุนายน 2495 คุณแม่เลยย้ายมาอยู่กับคุณยายแหม่มตรงซอยพร้อมพงศ์ ปัจจุบันร้านขายผ้าไหมเอชเอ็ม คุณแม่ชอบเล่าความสุขช่วงอยู่กับคุณยายแหม่มว่า บางวันคุณยายเลี้ยงพี่นิคซนมากจับขังในห้องพร่อมกล้วยหนึ่งหวี พี่นิคก็ไม่ร้องไห้ทานกล้วยจนหมดหวี

คุณแม่ช่วงนั้นเริ่มทำงานโรงแรมรามา ตรงสีลม แล้วก็ย้ายมาทำงานโรงแรมแมนฮัตตัน ตรงสุขุมวิท 15 ได้พบกับเพื่อนที่สนิทกันมากเป็นคุณอาพรรณทิพย์ ในช่วงมาซื้อบ้านนวศรีก็ชวนกันมาซื้อที่ดินปลูกบ้านติดกัน

คุณพ่อเดินทางกลับมาพร้อมสองปริญญา เริ่มรับราชการกรมประชาสงเคราะห์อยู่ตรงสะพานขาว ช่วงระหว่างนั้นพี่ชาย นล เกิด 15 กุมภาพันธ์ 2502 และเราก็ตามมาเดือนมีนาคม 2503 ช่วงคุณพ่อรับราชการ เรามีบ้านหลังแรกอยู่พิบูลย์เวศน์ แถวพระโขนง

คุณพ่อเป็นคนทำงานเก่งมากและได้ถูกยืมตัวไปทำงาน องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ของ UN ที่ประเทศเอธิโอเปีย เป็นเวลา 3 ปี (2506-2508) ช่วงนั้นเรามีพี่สุขศรีเป็นญาติจากเมืองแพร่ติดตามไปช่วยคุณแม่ด้วย ครอบครัวเราจึงมีหกคนค่ะ ชีวิตเมืองนอกจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าสนุกสนานตามสไตล์เด็กเรียนอนุบาล

Don`t copy text!