รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง

รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

เออไอ้ต้น รถมึงไปไหนวะ เมื่อกี้กูขึ้นมาไม่เห็นรถมึงจอดอยู่เลย

จู่ๆ เอกวิทย์ก็โพล่งถามขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกสติของสรวิชญ์กลับคืนมาพร้อมตอบกลับอย่างหัวเสีย

“กูไม่มีรถแล้ว”

“หมายความว่ายังไงวะ ไม่มีรถแล้ว”

“บ้านกูล้มละลาย เขามายึดรถกูไปแล้ว”

“อะไรนะ มึงโกหกหรือเปล่าเนี่ยไอ้ต้น”

“เรื่องแบบนี้โกหกได้ด้วยเหรอวะ” เขาพูดพลางกระดกขวดเหล้าในมือต่ออย่างไม่สนใจ ขณะที่ชนิศาหน้าซีดเผือดเมื่อรับรู้จากปากเขา

แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสามจะทำสิ่งใดต่อ ก็มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกลุ่มหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจ

“พวกมึงออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ ที่นี่ถูกยึดแล้ว”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” สรวิชญ์ตะโกนใส่หน้าด้วยความไม่พอใจ

“นี่พ่อมึงไม่ได้บอกเหรอ อะนี่ดูซะ ก็พ่อมึงเอาคอนโดนี่ไปจำนอง เมื่อขาดส่งก็ต้องยึดสิวะ ไปเลยออกไป”

“กูไม่เชื่อ นี่ห้องกู กูไม่ไปไหนทั้งนั้น พวกมึงนั่นแหละที่ต้องไป มาทางไหน ไปทางนั้นเลย” เขาตะโกนอย่างเหลืออด

“มึงจะไปดีๆ หรือจะให้ต้องลงแรง”

“ไอ้ต้น กูว่าพวกเราออกไปเถอะ พวกเราสู้มันไม่ได้หรอกว่ะ” เอกวิทย์กึ่งลากกึ่งจูงอีกฝ่ายออกไปจากห้อง ขณะที่เจ้าตัวขืนตัวเองไว้

“เออ กูไปก็ได้ แต่กูขอเก็บข้าวของก่อน”

“ไม่ได้ ข้าวของพวกนี้ต้องทิ้งไว้ที่นี่ มึงไปได้แต่ตัวโว้ย”

ความรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวของคนทวงหนี้ ทำเอาคนทั้งสามรีบออกไปจากห้อง ก่อนจะไปยืนคอตกอยู่หน้าคอนโดฯ ด้านล่าง โชคดีอยู่บ้างที่สรวิชญ์หยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือมาได้และรีบซ่อนไว้ ก่อนที่พวกมันจะทันเห็น ทำให้เขาเหลือเพียงของสองอย่างที่ติดตัวเขาออกมาจากคอนโดฯ

ชายหนุ่มรีบโทรศัพท์ไปหาพ่อ และทันทีที่วางสาย ความหวังที่ยังพอเหลืออยู่กับละลายหายไปพร้อมกับคำยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

เขาไม่คิดเลยว่า ครอบครัวเขาที่เคยครบสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง จู่ๆ จะมลายหายไปเพียงชั่วข้ามคืน

‘ล้มละลาย’

คำบอกเล่าสั้นๆ จากแม่ทางโทรศัพท์ หลังจากที่เขาได้รับรู้ ชายหนุ่มถึงกับเข่าอ่อน มองรถคันเก่งของเขาถูกยึดไปต่อหน้าต่อตา แล้วตอนนี้เขายังถูกไล่ออกจากคอนโดฯ ของตัวเอง มายืนอยู่ข้างถนน ถูกผู้คนมองเขาด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

“ไอ้ต้น กูว่ายืนอยู่แบบนี้ไม่ดีหรอกว่ะ ไปคอนโดกูก่อนดีกว่า” เอกวิทย์เสนอ ก่อนพาสรวิชญ์และชนิศาไปยังคอนโดเก่าๆ ของตัวเอง

สรวิชญ์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่นานหลายชั่วโมงแล้ว ในมือของเขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม จนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความเมาและจิตใจที่บอบช้ำ

เอกวิทย์มองดูสภาพเพื่อนรักด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเดินออกมานอกห้องนอน ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเก่าๆ ของตัวเอง

“ห้องนี่เก่ามากเลยนะเอก ทำไมไม่หาคอนโดที่มันดีกว่านี้ล่ะ” เมื่ออยู่ด้วยกันสองคน ชนิศาจึงเอ่ยขึ้นมาคำแรก ทำให้อีกฝ่ายมองไปรอบๆ ก่อนพูดขึ้นว่า

“ทำยังไงได้ บ้านไม่ได้รวยเหมือนไอ้ต้นนี่”

“ตอนนี้ต้นก็ไม่ได้รวยเหมือนเดิมแล้ว ดูสภาพสิ น่าอเนจอนาถจริงๆ เฮ้อ! อุตส่าห์วางแผนแทบตาย อยากได้ต้นเป็นสามี เผื่อจะได้สบายไปทั้งชาติ ที่ไหนได้ก็แค่รวยจอมปลอม”

“ไอ้ต้นน่ะรวยจริง เมื่อกี้กีต้าร์ก็เห็น บ้านมันเพิ่งเกิดเรื่อง น่าสงสารออก”

“หึ” หญิงสาวกระแทกเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะยกขวดน้ำส้มขึ้นดื่ม

“แล้วค่าจ้าง เมื่อไหร่จะจ่าย” จู่ๆ เอกวิทย์ก็ทักขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเขารอเวลามานานแต่หญิงสาวก็หลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายเสียที

“จะมาทวงอะไรตอนนี้ ไม่จ่ายย่ะ ยังไม่มี”

“ไหนตกลงกันว่า ถ้าช่วยแล้วจะจ่ายให้อย่างงาม”

“ก็บอกว่า ให้มันได้มาก่อนจะจ่ายไม่อั้น แต่นี่อะไร บ้านต้นล้มละลาย รถก็โดนยึด บ้านก็ไม่มีจะซุกหัวนอนด้วยซ้ำ ฉันยังไม่ได้จากต้นสักบาท จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายล่ะ”

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ก็ไหนเราตกลงกันว่า ถ้าช่วยเสร็จแล้วจะจ่าย นี่ก็ช่วยเสร็จไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่จ่ายสักที จะเลื่อนไปถึงไหน”

“เสร็จที่ไหนกัน ต้นยังไม่ยอมรับเป็นพ่อของลูกในท้องเลย แล้วจะทำยังไง ดูสิท้องก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน ถ้าฉันไม่ได้ต้นเป็นพ่อของเด็กในท้องนะ ฉันต้องตายแน่ๆ” สีหน้ากลัดกลุ้มของชนิศาทำเอาเอกวิทย์เอะใจขึ้นมา

“นี่กีต้าร์ ตกลงว่าเด็กในท้องนี่ลูกใคร ไม่ใช่ลูกไอ้ต้นใช่ไหม”

“จะลูกใครก็ช่าง มึงไม่ต้องรู้หรอก อย่าลืมสิ งานเสร็จ จ่ายเงิน” ชนิศาแหวใส่ ทำให้ความอดทนของเอกวิทย์หมดลงขึ้นเสียงใส่บ้าง

“ที่ตกลงกันคือให้กูช่วยแค่พาไอ้ต้นไปส่งมึงที่ห้อง ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเป็นเรื่องของมึงที่ต้องจัดการเอง ส่วนไอ้ต้นจะรับเป็นพ่อของลูกไหม มันไม่เกี่ยวกับอะไรกับกู เพราะฉะนั้น จ่ายค่าจ้างมาเสีย ดีๆ ไม่อย่างนั้น กูจะเล่าความจริงให้ไอ้ต้นฟังให้หมด”

“ก็กูยังไม่มี ไม่จงไม่จ่ายอะไรทั้งนั้น แล้วถ้ามึงปากสว่างเล่าเรื่องกูให้ต้นฟังละก็ กูก็จะแฉมึงเหมือนกัน มึงมันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากูนักหรอกไอ้เอก” เสียงกราดเกรี้ยวของชนิศาดังลั่น ก่อนที่เสียงเข้มของสรวิชญ์จะดังแทรกมาท่ามกลางวงสนทนา

“เด็กนั่นไม่ใช่ลูกกู! แล้วมึงจะยัดเยียดให้กูเป็นพ่อของเด็กนี่นะ แล้วมึงไอ้เอก มึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่าวะ มึงรวมหัวกับอีนี่หลอกกูได้ยังไง”

คนที่คิดว่านอนหลับสนิทไปแล้วด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กลับตื่นขึ้นมาได้ยินความลับของคนทั้งคู่ ทำให้เอกวิทย์และชนิศาถึงกับตกใจหน้าซีดเผือด

“กูขอโทษไอ้ต้น กู…กูแค่ทำตามคำสั่ง”

“แต่มึงเป็นเพื่อนรักกู มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง”

“ไอ้ต้น กูไม่ได้ทำอะไรเลย คืนนั้น…อีนี่เป็นคนมอมยามึง กูก็แค่พามึงมาส่งที่ห้องมันเฉยๆ กูไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ”

“เอกโกหก เราจะมอมยาต้นทำไม ถ้าเกิดเรามอมยาต้นจริง เราคงจะแบล็กเมล์ไปนานแล้ว ไม่รอผ่านมาจนท้องสองเดือนแบบนี้หรอก”

“นั่นสิ ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ หรือว่าพ่อของเด็กในท้องมันไม่รับผิดชอบ ไหนๆ ก็ท้องแล้ว เลยเอาเด็กเป็นข้ออ้างมาจับกูสินะ” สรวิชญ์หรี่ตามองอย่างรู้ทัน หญิงร้ายชายชั่ว

“เออก็ได้ กูจะบอกให้เอาบุญ ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่ลูกมึง ทำไม…กูแค่อยากให้เด็กมีพ่อ กูผิดด้วยเหรอ”

“แต่มันต้องไม่ใช่กู มึงทำลายชีวิตกู”

“โธ่…ไอ้ต้น อย่าหลงตัวเองหน่อยเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรี มึงตอนนี้มันก็แย่ไม่ต่างจากพวกกูหรอกวะ บ้านก็ล้มละลาย เหลือแต่ตัว เสียเวลาชะมัด รู้งี้กูไปจับผู้ชายคนอื่นที่รวยกว่านี้เสียก็ดี”

เมื่อชนิศาเห็นว่าแผนที่เธออุตส่าห์ตั้งใจมาตลอดกลับถูกจับได้ เธอถึงกับชี้หน้าด่าอย่างเหลืออดและรีบออกไปจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองอีกเลย

“ไหนเงินกูล่ะ ค่าจ้างกูล่ะ”

เอกวิทย์ทวงไล่หลัง แต่ก็สูญเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาควรจะได้ หายวับไปกับตัวต้นเรื่องที่เดินทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ครั้นพอเขาหันมาเห็นสรวิชญ์ที่กำลังจ้องมองหน้าเขาด้วยความเจ็บช้ำใจ ชายหนุ่มถึงกับเสียงอ่อนลง

“ต้นกูขอโทษจริงๆ กูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”

“ไอ้เอก…” สรวิชญ์พูดเพียงแค่นั้น แล้วหมัดหนักๆ ของเขาจะซัดเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด

สรวิชญ์ไม่คิดเลยว่าชีวิตของตัวเองจะต้องมาพบเจอกับมรสุมครั้งใหญ่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่เขาเกิดมา ชีวิตของเขามีแต่ความสุขสมบูรณ์ทุกอย่างในชีวิต เงินทองไม่เคยขัดสน ใบหน้าหล่อเหลา เรียนเก่ง มีแต่ผู้คนอิจฉาจนอยากมีชีวิตแบบเขา แต่ในตอนนี้ เขามองไปทางไหนก็เหมือนเห็นแต่สีหน้าของผู้คนต่างจ้องมองเขาราวกับกำลังยิ้มเยาะให้กับชีวิตที่น่าสมเพช

 

สรวิชญ์เดินไปเรื่อย เท่าที่สองเท้าจะก้าวเดินไปไหว ก่อนที่จะไปนั่งพักเหนื่อยสภาพเนื้อตัวมอมแมมอยู่ที่โต๊ะนั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้จะต้องทำอย่างไรต่อไป ชั่วขณะหนึ่งของความคิด เขาหวนนึกถึงรินรดา ผู้หญิงซึ่งเขารักแต่เธอก็ทิ้งเขาไป

‘ระริน ถ้าตอนนี้หนูยังอยู่ก็คงดี พี่จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้’

ขณะที่เขากำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากจมอยู่กับห้วงความทุกข์อยู่นั้น จู่ๆ เสียงหวานที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“พี่ต้น!”

เขารีบหันไปทางเสียงเรียก เมื่อเห็นหญิงสาวที่เขากำลังคิดถึงยืนจ้องมองมา ข้างกายมีเจตต์และกนกอรยืนอยู่เคียงข้าง ด้วยความอับอายในสารรูปของตนทำให้สรวิชญ์ผุดลุกขึ้นพยายามเดินหนีไปให้ไกล แต่รินรดากลับเป็นฝ่ายเรียกไว้ทำให้เจ้าตัวยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าหันมาสบตาหญิงสาว

“ทำไมพี่ต้นเป็นแบบนี้ล่ะคะ”

“นั่นสิไอ้ต้น ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ เกิดอะไรขึ้น” เจตต์มองสภาพอดีตเพื่อนรักด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง

“ไอ้ต้น เกิดอะไรขึ้นกับมึง”

“ไอ้เจตต์ กูไม่เหลืออะไรแล้ว บ้านกูล้มละลายแล้วว่ะ”

“อะไรนะ!”

เสียงสั่นเครือของสรวิชญ์ ทำเอาคนทั้งสามต่างตกตะลึง โดยเฉพาะรินรดา เธอเดินเข้าไปใกล้เขา หลงลืมความทุกข์ที่พบเจอไปชั่วขณะ

“พี่ต้นคะ มีอะไรเล่าให้พวกเราฟังได้นะคะ” คำปลอบของเธอราวกับน้ำทิพย์ สรวิชญ์โผเข้ากอดรินรดาไว้ในอ้อมแขนแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย

“ระริน พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่เถอะนะ เรากลับมาคบกันเถอะนะ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีระริน พี่ไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือแล้วจริงๆ” สรวิชญ์พร่ำบอกกับรินรดา จนทำให้กนกอรที่มองอยู่ไม่สบอารมณ์ เธอเข้าไปผลักสรวิชญ์ให้ห่างจากเพื่อนรักของตัวเอง ก่อนจะยืนขวางอย่างไม่ยอมแพ้

“คราวนี้พี่ต้นจะมาไม้ไหนล่ะคะ พี่ต้นทำระรินเจ็บมามากพอแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ แล้วจะมาขอให้ระรินยกโทษให้นี่นะ มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอคะ”

“นั่นสิไอ้ต้น แล้วตกลงเรื่องที่บ้านล้มละลาย คราวนี้เรื่องจริงหรือว่าเรื่องโกหก หรือว่าเป็นแผนของมึงอีก”

“ไม่! ไม่ได้โกหก คราวนี้เป็นเรื่องจริง ไม่เชื่อไปดูคอนโดพี่ก็ได้ คอนโดพี่ถูกยึดไปแล้ว รถก็ไม่มีขับแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือแค่นี้เอง”

สรวิชญ์พูดอย่างอ่อนแรงไม่หลงเหลือสภาพความหยิ่งยโสอย่างที่เคย แม้แต่เจตต์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเห็นใจเพราะความที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เขาพอมองออกว่า สรวิชญ์ในตอนนี้ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ หากเขากำลังอับจนหนทางจริงๆ

“ระรินอย่าไปเชื่อ แกอย่าลืมสิ เขากำลังจะมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น เรื่องบ้านล้มละลายก็เรื่องหนึ่ง แต่มันคนละเรื่องกันกับที่พี่ต้นเขานอกใจแกไปทำผู้หญิงท้องนะ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ระริน…เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่ถูกหลอก พี่ไม่ได้จะมีลูกกับผู้หญิงคนนั้น พี่เองก็โดนหลอกมาเหมือนกัน”

“เดี๋ยวนะไอ้ต้น กะล่อนแบบมึงเนี่ยนะจะโดนหลอก” เจตต์สวนกลับอย่างไม่ค่อยเชื่อ ทำเอาสรวิชญ์ยิ้มเยาะให้กับตัวเองที่สุดท้ายเขาก็ต้องมาแพ้ภัยเพราะผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบเดียวกัน

“มึงคงไม่เชื่อสินะไอ้เจตต์ แต่มันคือเรื่องจริง กูโดนผู้หญิงคนนั้นวางยาแล้วพากูกลับไปนอนที่ห้อง ให้กูเข้าใจว่าเรามีอะไรกันแล้ว ก่อนจะมาอ้างว่าท้องกับกู”

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เจ้าเล่ห์อย่างมึงเจอผู้หญิงแบบนี้บ้างก็สมควร”

“กูมันสมควรโดนอย่างที่มึงว่าแหละไอ้เจตต์ แต่ที่กูเจ็บใจคือไอ้เอก มันหักหลังกู มันรวมหัวกันหลอกกู ไอ้เอกทำแบบนี้กับกูได้ยังไง”

สรวิชญ์ทรุดตัวนั่งกับพื้นก่อนจะร่ำไห้ออกมา ทำเอาคนทั้งสามมองภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเพื่อนรักอย่างสรวิชญ์และเอกวิทย์จะแตกหักกันได้เพียงเพราะเงินและผู้หญิงเพียงคนเดียว

รินรดาขยับจะเข้าไปหาสรวิชญ์ด้วยความสงสาร หากกนกอรรั้งไว้พร้อมพูดเตือนสติ

“ระริน แกอย่าลืมสิที่แกต้องแท้งลูกก็เพราะผู้ชายคนนี้ แกจะใจอ่อนเพราะฟังคำพูดแค่ไม่กี่คำได้ยังไง”

“อะไรนะ! แท้งลูก…แท้งลูกเหรอ หมายความว่ายังไง”

สรวิชญ์อุทานด้วยความแปลกใจ พลางจ้องมองหน้ารินรดาและกนกอรอย่างคาดคั้น ทำให้กนกอรที่เผลอหลุดปากพูดออกไปถึงกับรีบตีปากตัวเอง

“ระริน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“อร หมายความว่ายังไง ที่บอกว่าแท้งลูก ลูกใคร”

สรวิชญ์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหารินรดา หากเจตต์เป็นฝ่ายเข้ามายืนขวางไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวหญิงสาวโดยง่าย

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ต้น อร พี่เจตต์พวกเรากลับกันเถอะค่ะ” หากยังไม่ทันที่คนทั้งสามจะเดินจากไป สรวิชญ์ก็รีบเข้ามายืนขวางหน้าพร้อมกับฉวยข้อมือเธอรั้งไว้

“ระริน หนูท้องกับพี่เหรอ”

“ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ หนูท้องกับพี่ใช่ไหม”

“ค่ะพี่ต้น”

เสียงตอบรับสั่นเครือของรินรดา พร้อมกับน้ำตารินไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ รินรดาไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่ในเมื่อเขารู้จนได้ ความเข้มแข็งในใจที่เธอพยายามเฝ้าบอกตัวเองทุกค่ำคืนก็พังทลายลง เธอสะอื้นไห้ตัวสั่นเทา โดยมีกนกอรคอยจับมือให้กำลังใจ ก่อนที่รินรดาจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความอ่อนแรง

สรวิชญ์ยืนนิ่งงันอยู่พักใหญ่กับข่าวกะทันหันที่เขาเพิ่งได้รับรู้ ชายหนุ่มรู้ดีว่า หากที่บ้านรู้ว่า อดีตคนรักตั้งท้องลูกของเขาทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ตัวเองจะโดนคาดโทษหนัก แต่นับว่าเป็นความโชคดีที่รินรดาแท้งเสียก่อน เขาควรจะโล่งใจกับข่าวดีนี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกใจวูบโหวง ราวกับถูกกระชากหัวใจออกไปจากอกอย่างแรง

“ระริน พี่ขอโทษ พี่รู้ ที่ผ่านมา พี่มันเป็นแฟนไม่ได้เรื่อง คืนนั้น ถ้าพี่ห้ามหนูไม่ให้หนีออกไป เรื่องเลวร้ายก็คงไม่เกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นพี่ตามหนูไป แต่พี่หาหนูไม่เจอ พี่ไม่รู้หนูไปอยู่ที่ไหน พี่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับหนู พี่ขอโทษนะระริน พี่ขอโอกาสให้พี่ได้แก้ตัวได้ไหม”

“จะมาขอโอกาสอะไรตอนนี้ เด็กก็ไม่อยู่แล้ว อย่าลืมสิ ตอนนี้ระรินกับพี่ต้นเลิกกันไปแล้ว มันไม่สายไปหน่อยเหรอที่จะมาขอโทษ ขอโอกาสแก้ตัวกันตอนนี้” เสียงตวาดแว้ดของกนกอร ทำให้รินรดาบีบมืออีกฝ่ายเตือนสติ

“อร พี่ขอคุยส่วนตัวกับระรินสักครู่ได้ไหม”

“อะไรนะ นี่ยังกล้ามาขอนั่นโน่นนี่อีกอย่างนั้นเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองทำให้ระรินต้องเสียใจมากแค่ไหน ยังหน้าด้านมาพูดแบบนี้อีกนะ ผู้ชายอะไร”

“ไม่เป็นไรอร ฉันขอเวลาครู่เดียวนะ”

“จะดีเหรอแก แต่ว่า…”

“อย่างน้อย เขาก็เคยเป็นพ่อของลูก…” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอ ก่อนที่กนกอรจะยอมลุกเดินห่างออกไปกับเจตต์อย่างเสียไม่ได้ แต่คอยเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ ถ้าหากสรวิชญ์ทำร้ายรินรดาจนต้องเสียใจขึ้นมาอีกครั้ง

“มีอะไรจะพูดก็รีบพูดสิคะ”

แทนคำตอบ สรวิชญ์คุกเข่าลงเบื้องหน้าของรินรดา ก่อนจะยกมือพนมแล้วก้มกราบลงแทบเท้าของเธอ การกระทำของเขา ทำให้อีกฝ่ายตกใจจนลืมตัวเผลอเอื้อมมือมาจับบ่าของเขาให้ลุกขึ้นมา หากชายหนุ่มกลับขืนตัวเองไว้พลางร่ำไห้ขอโทษ

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่รู้ว่าพี่จะต้องทำยังไงหนูถึงจะให้อภัยพี่ ขอโอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม ให้พี่ได้กลับมาเป็นแฟนกับหนูอีกครั้ง พี่สัญญาว่าถ้าหนูให้โอกาสพี่ ต่อไปพี่จะเป็นแฟนที่ดี ให้สมกับโอกาสที่หนูมอบให้ พี่จะดูแลหนูไม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่ผ่านมา ให้โอกาสพี่เถอะนะระริน พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ”

อีกครั้งที่เขาก้มกราบลงแทบเท้าของเธอ จนหญิงสาวเองถึงกับน้ำตาไหลออกมา หัวใจสั่นคลอนกับคำของเขา ความสงสารแล่นเข้ากุมหัวใจจนมันอ่อนยวบลงในที่สุด

“ถ้าทุกสิ่งที่พี่ต้นพูดกับระรินในวันนี้คือความจริง ก็ได้ค่ะ ระรินจะลองให้โอกาสพี่ต้นอีกสักครั้ง…”

ราวกับมีใครมาจุดพลุจนสว่างไสวต่อหน้า สรวิชญ์ถึงกับเบิกตาค้างกับคำพูดที่ได้ยินจากปากของเธอ

“จริงเหรอจ๊ะระริน หนูพูดจริงใช่ไหม”

“ค่ะ แต่ว่า…ครั้งสุดท้ายนะคะ ถ้าหากมีครั้งต่อไป ระรินคงจะไม่ใจดีแบบนี้”

“จะไม่มีครั้งต่อไป เพราะพี่จะไม่มีวันทำให้หนูต้องเสียใจอีกแน่นอน”

สรวิชญ์โผเข้ากอดรินรดาไว้แนบอกด้วยความสุขล้นออกมา แต่เขาก็ชะงักไปเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ

“แต่น้องระรินจะรับได้ไหม พี่ในตอนนี้ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้พี่มีแต่ตัวกับหัวใจที่พี่รักน้องระรินจริงๆ”

“พี่ต้นคะ เงินทองแค่ของนอกกาย ถ้าเราสองคนขยันหาเงินเสียอย่าง ระรินเชื่อว่า เราสามารถช่วยกันได้ค่ะ ขอเพียงพี่ต้นซื่อสัตย์มั่นคงในความรักไม่นอกใจกันก็พอค่ะ”

“ได้จ้ะ ขอบใจมากนะระริน ขอบใจจริงๆ พี่สัญญาต่อไปพี่จะไม่ทำให้หนูผิดหวัง”

อีกครั้งที่สรวิชญ์พร่ำคำขอบคุณออกมาจากหัวใจ สุดท้ายในเวลาที่เขาตกต่ำที่สุด ผู้หญิงคนเดียวที่ยังอยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งเขาไปไหน กลับเป็นรินรดา ผู้หญิงที่เขาจะรักและซื่อสัตย์ตลอดไป

 

เจตต์และกนกอรเฝ้ามองทั้งสอง ก่อนที่เขาจะเห็นสรวิชญ์เข้าไปนั่งคุกเข่าเบื้องหน้ารินรดา แล้วพนมมือและก้มกราบลงที่เท้าของรินรดา

เจตต์ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน เห็นเพียงแค่รินรดาพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้สรวิชญ์ ชายหนุ่มโผเข้าไปกอดหญิงสาวแล้วร้องไห้ปล่อยโฮออกมา

ภาพคู่รักเบื้องหน้า ไม่ต้องพูดเขาก็พอรู้ว่า ทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันแล้ว ส่วนเขา ต่อให้รักและทำดีกับเธอมากแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เป็นได้เพียงพี่ชายหรือคนรู้จัก ไม่มีวันที่รินรดาจะมองเห็นด้วยซ้ำ

“อร พี่กลับก่อนนะ”

“อ้าว! พี่เจตต์จะรีบไปไหนเหรอคะ แล้วระรินล่ะคะ”

“ดูแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วละ เราสองคนพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ อีกอย่างเรื่องครั้งนี้ถ้าไอ้ต้นไม่ได้เป็นคนผิดจริง ก็สมควรแล้วที่ระรินจะให้อภัยแล้วกลับมาคืนดีกัน”

“แต่…อรคิดว่า ระรินควรจะเห็นความดีและความรักที่พี่เจตต์มีให้สิคะ ขนาดอรยังเห็นเลย” เขายิ้มหยันให้กับตัวเอง

“เห็นแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคนที่พี่ชอบ เขาไม่เคยมองเห็นเลยด้วยซ้ำ ฝากลาระรินด้วยนะ พี่คงไม่มีโอกาสได้มาเจอแล้ว”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย พ่อแม่จะส่งพี่ไปเรียนต่างประเทศ ตอนแรกพี่ตั้งใจจะทำทุกอย่างเพื่อเรียนต่อที่นี่ แต่ดูเหมือนตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วละ พี่ไปก่อนนะอร”

“ค่ะพี่เจตต์ อรจะบอกระรินให้นะคะ”

กนกอรได้แต่มองเจตต์ที่เดินจากไปด้วยความเห็นใจ ความรักและความปรารถนาดีที่เขามีต่อรินรดาฉายชัดในคำพูดและการกระทำ แม้แต่เธอซึ่งเป็นเพื่อนยังสัมผัสได้ ทว่าในหัวใจของรินรดากลับมีเพียงสรวิชญ์คนเดียว ต่อให้เจตต์ทำดีมากสักเพียงใด เขาก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย

“เฮ้อ! เพื่อนหนอเพื่อน แกจะกลับไปคืนดีกับพี่ต้นจริงๆ เหรอวะเนี่ย สงสารพี่เจตต์จริงๆ เลย”

กนกอรได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ พลางเฝ้ามองเพื่อนรักที่กำลังปรับความเข้าใจกับสรวิชญ์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

 



Don`t copy text!