เร้นลับหลังคาโลก

เร้นลับหลังคาโลก

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

ดินแดนหลังคาโลก มีหรือที่คนชอบของเก่า เมืองเก่า เมืองโบราณอย่างฉันจะพลาด

ฉันเคยเขียนนิยายที่อิงฉากหลังเป็นดินแดนแห่งนี้มาอย่างละเอียดยิบก็จริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องแต่ง ที่มีความจริงผสมผสานกับจินตนาการ การที่ได้พาผู้อ่านย้อนไปสัมผัสบรรยากาศทิเบตผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงจากฉัน ก็น่าจะได้อรรถรสและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะไปเยือนหลังคาโลกสักครั้ง

“โปตาลากง” หรือ พระราชวังโปตาลา เป็นเสมือนแลนด์มาร์คของทิเบตที่ขาดไม่ได้ สำหรับฉันความพิเศษของโปตาลากงนั้นบรรยายได้หลายหน้ากระดาษ หากจะสรุปให้ได้ใจความเข้าใจง่าย ถึงจะเรียกว่าพระราชวังโปตาลากง แต่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นทั้งวังและวัด จึงมีทั้งความวิจิตรตระการตาของพุทธศิลปะเต็มไปหมด ขณะเดียวกันห้องหับซับซ้อนภายในกลับเรียบง่ายสมถะตามประสานักบวช

พระราชวังโปตาลาสร้างขึ้นในสมัย ค.ศ. 7 บนเนื้อที่ 120,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนยอดเขามาร์ไปรีหรือเขาแดง เป็นอาคารสูง 13 ชั้น มีห้องต่าง ๆ ร่วม 1,000 กว่าห้อง มีเสาค้ำยันอยู่กว่า 15,000 ต้น สร้างโดยกษัตริย์จงซานกานปู้ จอมกษัตริย์ผู้รวบรวมก่อตั้งทิเบตขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับสำหรับพระมเหสีเอก 2 พระนางที่เป็นชาวจีนและชาวเนปาล

ต่อมาที่นี่จึงกลายเป็นที่สถานศึกษาของท่านดาไลลามะทุกพระองค์ ซึ่งจะทรงพำนักที่นี่ในฐานะประมุขประเทศและประมุขทางศาสนา

ที่นี่จะค่อนข้างเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมพระราชวัง  โดยจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าในแต่ละรอบ แต่ละวัน (แต่ฉันก็ว่ายังเยอะอยู่ดี) ห้ามนำน้ำดื่มและงดถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ต้องแต่งกายสุภาพห้ามเปิดเผยเนื้อหนังและพกหนังสือเดินทางติดตัวไว้เนื่องจากจะมีการตรวจเอกสารและสแกนกระเป๋าเป็นระยะ

ฉันผู้ได้รับบรีฟจากหัวหน้าทัวร์มาแล้วก็แต่งชุดแขนยาวขายาวไปเลย เลือกที่ยืดหยุ่นสบายเพราะเราต้องเดินกันพอสมควร

เช้านั้นฉันไปถึงตามเวลาเข้าชมที่จองมาล่วงหน้า อากาศเย็น ฝนตกปรอย ๆ (อีกแล้ว ไปไหนก็ชอบฝนตกเสียจริง) พวกเราต้องเดินขึ้นเนินไปไกลพอควร อากาศก็น้อยเพราะอยู่บนพื้นที่สูงสามพันกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเลยิ่งทำให้เหนื่อยเพิ่มเข้าไปอีกสองเท่า ก็เลยเดินหอบไป ลิ้นห้อยไป

แต่ถ้าหันไปมองด้านข้าง จะเห็นวิวเมืองลาซาข้างล่างชัดเจน สวยตะลึงจนแทบลืมหายใจ (อากาศยิ่งมีน้อย ยังลืมหายใจอีก เดี๋ยวเดี้ยงแน่) ก็คุ้มค่าต่อทุกหอบทุกเหนื่อยที่ไต่ขึ้นไป

ด้านในก็น่าตื่นตาตื่นใจไปทุกส่วน แต่จุดพิเศษที่จำได้เป็นพิเศษก็คือส่วนสถูปเจดีย์ที่เก็บร่างองค์ดาไลลามะ ทำจากทองคำ ยิ่งองค์ไหนมีคุณูปการเป็นที่ศรัทธามาก ๆ สถูปก็จะยิ่งอลังการมากขึ้น เช่น ท่านดาไลลามะลำดับที่ 5 ที่ร่างของท่านจะเก็บไว้ในสถูปเจดีย์ทองคำหนัก 3,700 kg

นอกจากนี้ด้านในเรายังได้ไปชมห้องพำนักของอดีตดาไลลามะหลายพระองค์ รวมถึงที่ประทับขององค์ดาไลลามะองค์ที่ 14 ซึ่งเป็นองค์ปัจจุบันด้วย แต่ปัจจุบันท่านไม่ได้ประทับที่นี่เนื่องจากทรงลี้ภัยไปประทับที่ธรรมศาลาในอินเดียแทน

ถึงอย่างนั้นก็อย่างที่ฉันได้เกริ่นไปตอนต้น ว่าสิ่งที่ผิดคาดและน่าประหลาดใจคือได้เห็นความเรียบง่ายสมถะของพระองค์ เพราะภายในวังไม่ได้หรูหราโอ่อา วิจิตรอลังการ ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ ที่ประทับของพระองค์เป็นห้องไม่ใหญ่นัก เครื่องเรือนทำจากไม้ ทาสีแดง สีเหลือง มีข้าวของเครื่องใช้น้อยมาก มีเพียงพรม โต๊ะ เก้าอี้ และอาสนะเท่านั้น

ระหว่างทางเดินชมก็จะมีมุมให้คนถวายเงินทำบุญมากมาย ไกด์แนะนำให้แลกเงินหยวนเป็นเศษธนบัตรย่อย ๆ เอาไว้ทำบุญตลอดทาง หรือบางคนถวายผ้าขาวแทน ซึ่งผ้าขาวนี้จะเป็นผ้าที่ชาวคณะได้รับตั้งแต่เท้าแตะดินแดนหลังคาโลก และมีความเชื่อกึ่งธรรมเนียมไม่ให้ทิ้งผ้าขาวนี้เพราะเป็นผ้าศักดิ์สิทธิ์! หากไม่ชอบ ไม่ใช้ ให้นำมาทำบุญถวายในวัดแทน

เมื่อเต็มอิ่มแล้วฉันก็ค่อย ๆ ตามชาวแก๊งไต่ลงมา ถึงตรงนี้จะเริ่มถ่ายภาพได้บ้างบางส่วน

 แต่ฉันอยากเดินชมรอบพระราชวังและเก็บภาพรอบนอกพระราชวังโปตาลาอีกสักหน่อยแต่เวลาไม่พอ คุณไกด์สัญญาว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีเวลาให้เดินเล่นชมวังรอบนอกอย่างจุใจอีกครั้ง

รุ่งเช้าถัดมาฟ้ามืดมัวซัวแต่ฝนไม่ตก ถึงอย่างนั้นอากาศก็เย็นลงกว่าเดิมมากเหลือราว 11 องศา พวกเราจะเดินเล่นชมนอกวังกันโดยจะขยับถอยจากมุมเมื่อวานออกไปหน่อย เมื่อวานเราจะเข้าชมข้างในก็เลยต้องไปอยู่เชิงเขาที่จะขึ้นพระราชวัง วันนี้ถอยออกมาก็จะได้มุมที่เก็บภาพได้ครบ ทั้งวิวสระน้ำ ศาลากลางน้ำ รวมถึงเก็บภาพโปตาลากงได้ทั้งหมดเลย ถึงฟ้าจะมืดไปนิดก็ไม่เป็นไร

อีกเรื่องน่าทึ่งของโปตาลากงที่ฟังแล้วทั้งอัศจรรย์ใจและเศร้าใจไปพร้อมกัน คือหากสังเกตให้ดี ที่นี่สร้างถูกหลักชัยภูมิที่ดีมาก คือตั้งอยู่บนเขา ด้านหน้าเป็นภูเขา ด้านหลังติดแม่น้ำ มีรายละเอียดเรื่องฮวงจุ้ยระดับลึกอีกที่ฉันไม่ทราบ ทราบเพียงแต่เป็นชัยภูมิระดับเทพ เป็นจุดรับพลังสูง มีสถูปตั้งอยู่ตรงกลางยิ่งทำให้เป็นจุดรวมพลังมหาศาล

แต่เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาปกครอง ก็ตามสไตล์พี่จีนเขาละ สร้างตึก ทำถนนไปทั่ว ยืนยันจะสร้างถนนผ่ากลาง ชาวทิเบตทั้งประท้วงทั้งห้ามก็ไม่สำเร็จ ชัยภูมิเทพก็เลยถูกถนนผ่ากลางในที่สุด

แต่สุดท้ายก็มีวิธีแก้เคล็ดไปได้บ้าง โดยจะใช้สายโยงร้อยผ่านสถูปไปจนถึงพระราชวังโปตาลาแทน

ฉันก็แอบหวังลึก ๆ ว่าวิธีแก้เคล็ดนี้จะรักษามนตร์ขลังของโปตาลากงและดินแดนหลังคาโลกไปได้อีกนานเท่านาน

 

 

Don`t copy text!