Slow life in Scandinavia 5 : เมืองแห่ง Hygge และพระอาทิตย์ตกตอนสี่ทุ่ม

Slow life in Scandinavia 5 : เมืองแห่ง Hygge และพระอาทิตย์ตกตอนสี่ทุ่ม

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

เที่ยวเพลิน เดินทาง คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สุดท้ายประมาณหนึ่งทุ่มฉันก็เดินตามพี่สาวมาที่ศูนย์อาหารที่ Tivoli Gardens ที่เป็นห้างดังประจำโคเปนเฮเกน มีสวนสนุกเครื่องเล่นให้เด็กเพลิดเพลิน ยิ่งหน้าร้อนคนยิ่งเยอะ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก เดินสักห้านาทีก็ถึง แม้ฉันจะยังอิ่มอยู่ แต่ก็คิดว่าอาจจะหาแซนด์วิชหรือจานปลารมควันอร่อยๆ ใส่กล่องกลับโรงแรมเผื่อหิวกลางดึก ก็พอดีคุณเพื่อนรุ่นน้องที่เพิ่งมาตื่นจากการงีบพอดี ก็เลยชวนกันไปเดินเล่นกินลมชมวิวโคเปนเฮเกนยามค่ำคืน ส่วนพี่สาวกับลูกขอเดินเล่นแถวนั้นกันต่อ เราพี่น้องก็เลยแยกวงกันชั่วคราว

ถ้าอ่านเรื่องท่องเที่ยวของฉันอาจจะพอทราบมาบ้างว่าฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีทักษะเรื่องเส้นทางเท่าไหร่ สมัยก่อนที่ไม่มีกูเกิลแมปนี่ฉันเรียกได้ว่าวิกฤต ยุคหลังๆ ยังดีที่ค้นหาในแอปและเดินตามไปได้เลย และถึงแม้จะมีกูเกิลแมป บางครั้งฉันก็ป้ำๆ เป๋อๆ หลงทิศหลงทางอยู่บ่อยๆ มิหนำซ้ำยังจำทางไม่ได้ด้วย เป็นต้นว่า เคยผ่านทางนี้กลับไปโรงแรมตอนเย็นมาแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นถ้าต้องเดินมาอีกที พอเปลี่ยนเป็นเวลาเช้า สภาพแวดล้อมหน้าตาไม่คุ้นเคย ฉันก็จำไม่ได้อยู่ดีว่าต้องไปทางไหน ต้องอาศัยอยู่นานๆ ทำซ้ำๆ บ่อยๆ ถึงจะจำทางได้

ที่เกริ่นมายาวเพราะฉันจะบอกว่าพ่อหนุ่มรุ่นน้องนางเป็นคนจำทางได้ไวมาก พอบอกว่าจะไปเดินเล่นที่นูฮาวน์ (Nyhavn) ตอนเย็นกัน เขาก็พาเดินจาก Tivoli Gardens ไปโดยไม่ต้องหยิบมือถือดูทางแต่อย่างใด เมื่อเห็นฉันประหลาดใจ เขาก็ตอบง่ายๆ ว่า “ผมมาบ่อยไงพี่”

ใช่… นางมาบ่อย ก็ใครจะมาโคเปนเฮเกนเกินสามรอบอย่างนาง

เนื่องจากอากาศเย็นสบาย และแม้ย่ำค่ำแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินสมกับเป็นหน้าร้อนในสแกนดิเนเวีย คนจึงยังเดินกันขวักไขว่ เมืองยังมีชีวิตชีวาอยู่ คุณเพื่อนก็เลยพาเดินสำรวจเกือบทั่วเมืองให้แล้วให้มาจบที่นูฮาวน์

นูฮาวน์ยามย่ำค่ำก็เป็นอีกบรรยากาศ อีกความรู้สึกหนึ่งที่แตกต่างจากตอนกลางวันที่เดินเล่นเมื่อวานไปเลย ท่าเรือยังครึกครื้น คนเดินเล่น จิบเบียร์ กินอาหาร สรวลเสเฮฮาประสาเมืองที่ไม่หลับใหล ตราบใดที่ฟ้ายังไม่มืด พระอาทิตย์ยังไม่ตก โคเปนเฮเกนก็ยังมีชีวิตชีวาอยู่จนดึกจนดื่นเลย

ใกล้ๆ สี่ทุ่ม ฉันที่ว่าไม่หิวแน่ก็กลับเริ่มหิว ส่วนคุณเพื่อนนี่เริ่มท้องร้องหน่อยๆ  เราเลยเลือกร้านที่หันหน้าออกสู่ริมน้ำชนิดใกล้ชิดเรือกว่านี้ไม่ได้แล้ว สั่งอาหารและเบียร์ท้องถิ่น กินไปจิบไป เม้ามอยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันและเพื่อนพูดเหมือนกันซ้ำๆ ตลอดหลายชั่วโมงนี้คือ

“ดีจังเลย” และ “ชิลจังเลย”

“ประเทศนี้มันดีมากเลยนะ ทุกอย่างมันถูกคิดถูกสร้างมาอย่างดี”

ฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มอมแดงเข้ม เสียงดนตรีรอบข้างยังบรรเลง เสียงผู้คนสรวลเสกันคลอเป็นแบ็กกราวด์ห่างๆ เราก็เลยพูดกันถึงเรื่องความเป็น ‘เมืองแห่งความสุข’ ของโคเปนเฮเกนว่าจริงๆ แล้วคำนี้มันมีความหมายอย่างไร ใช่อย่างที่พวกเราได้สัมผัสขณะนี้หรือเปล่า

เมืองแห่ง Hygge

คำที่ได้ยินบ่อยมากเวลาพูดถึงเดนมาร์กคือ Hygge หมายถึงความสุขแบบเรียบง่าย อบอุ่น ใช้เวลาร่วมกับคนรอบตัว เพื่อนฉันกล่าวว่า เขาคิดคำนี้อธิบายโคเปนเฮเกนได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะนั่งจิบกาแฟในคาเฟ่เล็กๆ เดินเล่นสวนสาธารณะ หรือปั่นจักรยานริมคลอง เมืองนี้ทำให้เรารู้สึกสบายใจแบบไม่ต้องพยายามเลย แม้กระทั่งนั่งกินสเต๊กปลา กินซุปลอบสเตอร์และจิบเบียร์ชมวิวริมน้ำขณะนี้ก็ตาม

ฉันว่าคำนี้นี่ละ

สบายใจแบบไม่ต้องพยายาม…

 

Don`t copy text!