ดูไม๊ ดู๊…ว่าด้วยเรื่อง “ขนมดู”
โดย : Blossom Hoya
ไดอารี่เที่ยงวัน by Blossom Hoya กับการบันทึกช่วงเวลาว่างๆ ยามขี้เกียจหลังมื้อกลางวันที่ขอแชร์เรื่องราวอยากเล่าตามใจคนเขียน ไม่มีธีม ไม่มีประเด็นหลัก เพราะเที่ยงวันจะทำอะไรก็ได้ และทุกยามว่างคือเวลาทองแห่งการพักผ่อน … มาเติมพลังชีวิตไปกับอ่านเอาและย่ากันนะคะ
นี่ไม่ได้จะร้องเพลงย้อนยุคให้ลุกขึ้นมาคึกหรอกนะคะ เพียงแต่เมื่อตอนเที่ยงไปรับเพื่อนที่บินจากหาดใหญ่มาที่กรุงเทพฯ เนื่องด้วยวันหยุดเหลือ นางบอกต้องใช้สักหน่อย เจอหน้าปุ๊บนางไม่รีรอ เปิดกระเป๋าเป้หยิบของฝากให้ทันที
เอียงคอมองทำตามปริบๆ ลูกอะไรหว่า ขาวๆ มีผงแป้งปกคลุก พอเอานิ้วบีบดู วั้ย…มันหยุ่นๆ สงสัยว่าเห็นหน้างง นางจึงเฉลยว่า นี่คือ “ขนมดู” จ้า
ขนมดู เป็นขนมพื้นเมืองของจังหวัดทางภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนจะนิยมกินกันมาก เพราะขนมชนิดนี้ใครๆ ก็กินได้ ไม่ว่าจะชาวพุทธ มุสลิม และว่ากันว่ายิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลกินเจ ขนมดูจะยิ่งขายดีมาก เนื่องจากไม่มีส่วนผสมใดทำจากเนื้องสัตว์เลย
สำหรับอารมณ์ตอนที่กิน โดยส่วนตัวคือเหมือนกินขนมไดฟูกุที่แป้งนุ่มๆ หยุ่นๆ แต่ลิ้นรับรสสัมผัสได้ถึงมะพร้าวอ่อนๆ นั่นทำให้สันนิษฐานว่า ต้องมีมะพร้าวอยู่ในเนื้อแป้งแน่ๆ
ชิมไปได้หนึ่งลูก นางเปิดกระเป๋าเป้อีกครั้ง หยิบมาอีกถุง ครั้งนี้เป็นก้อนเหมือนกัน ต่างกันที่แต่ละก้อนคลุกด้วยงาขาวเต็มไปหมด รสสัมผัสคล้ายๆ กัน แต่พอได้เคี้ยวงาขาวที่คลุกไปด้วย ความหอมก็เพิ่มขึ้นอีกหลายขั้นเลยทีเดียว นางคงเห็นว่าเพื่อนกินเสร็จแล้ว จึงเริ่มบรรยายความให้รู้ ตามสไตล์นักวิชาการเลือดใต้เข้มข้นว่า
ขนมดูที่กินเข้าไปทั้งสองชิ้นมีวิธีทำไม่ต่างกัน ดูเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริงต้องใจเย็นพอตัว เพราะเขาจะทำกันตั้งแต่บดแป้งจากเมล็ดข้าวเหนียวกันเลยทีเดียว
เริ่มต้นจากการเอาข้าวสารเหนียวหรือที่บางคนเรียกว่าข้าวสารข้าวเหนียวที่ล้างน้ำเรียบร้อยมาคั่วคนได้สีเหลืองเข้มๆ จากนั้นใส่ที่บด ซึ่งชาวใต้ยังใช้โม่หินกันอยู่หลายบ้าน ทำหน้าที่บดข้าวสารเหนียวที่คั่วแล้วนี้ให้กลายเป็นผงแป้งละเอียด
จากนั้น ตั้งกระทะใบใหญ่ เติมน้ำลงไปหน่อย ใส่น้ำตาลโตนดลงไปละลาย เติมน้ำผึ้งนิดๆ เพื่อเพิ่มความหอม ซึ่งตรงนี้บางคนก็ไม่ใส่ เพราะมั่นใจในความหอมของน้ำตาลโตนดแบบเดิมๆ ก็ไม่ผิด
เคี่ยวน้ำตาลโตนดจนละลายเข้ากับน้ำ ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมไม่เคี่ยวน้ำตาลโตนดเพียวๆ นางอธิบายว่า ขนมดูไม่ได้ต้องการน้ำตาลที่เหนียวหนืดขนาดนั้น เพราะจะทำให้แป้งเกาะตัวกันมากเกินไป แทนที่จะนุ่ม จะกลายเป็นแข็งซะเปล่าๆ
ทีนี้พอน้ำตาลละลายแล้ว ก็เติมเกลือป่นตัดรสชาติหวานโดดสักนิด จึงค่อยๆ เติมมะพร้าวขูดลงไปคลุก ซึ่งมะพร้าวขูดที่ใช้ก็ไม่ได้เป็นมะพร้าวขูดแบบเนื้อแก่จัด แต่เรียกว่าเกือบๆ จะมากกว่า จะได้ยังคงความละมุ่นอยู่บ้าง พอมะพร้าวลงไปคลุกได้ที่ ก็เติมแป้งข้าวเหนียวที่บดลงไป แต่ตรงจุดนี้ ไม่เติมแป้งแบบเทพรวด ต้องค่อยๆ เติม ค่อยๆ ผัดให้ผสมกัน และที่สำคัญคือ ไม่เทหมด แต่กั๊กไว้ตอนจบเพื่อเอามาคลุกกับเนื้อขนม
เมื่อผัดทุกอย่างในกระทะจนแป้งสุก ได้เนื้อขนมเหนียวๆ หยุ่นๆ ก็ยกลง แล้วพอคลายร้อนนิดๆ ก็ปั้นเป็นลูกกลมๆ โยนลงในผงแป้งข้าวเหนียวที่กั๊กไว้ หรือถ้าจะคลุกงาขาวก็แค่เอาเนื้อขนมที่ปั้นเป็นลูกไปคลุกงา เพียงเท่านั้น ขนมดูแสนอร่อยซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นที่น่าอนุรักษ์ก็ทำเสร็จเรียบร้อย พร้อมให้กินแล้วล่ะ
นางทิ้งท้ายก่อยอย่างภาคภูมิว่า ขนมดูขนานแท้ที่ว่านี้ อยู่เมืองไทยถ้าอยากกินต้องบินลงใต้ อยู่เมืองนอกไม่ต้องพูดถึงต้องทำเองเท่านั้น คิดดูสิว่า เป็นของที่ทรงคุณค่าขนาดไหน อร่อยและไม่ได้ทำกันง่ายๆ
เอาเป็นว่า ได้วิธีแล้วลองทำกันดูนะคะ สาวใต้บอกมาว่า ไม่ยาก แต่ต้องใจเย็นเท่านั้นจร้า
- READ ดูไม๊ ดู๊...ว่าด้วยเรื่อง “ขนมดู”
- READ ถึงเวลา “เติมปุ๋ยให้ชีวิต” ณ บ้านท้องนา สนามบินสุโขทัย
- READ 1 day trip กรุงรัตนโกสินทร์ : เที่ยววัด ไหว้พระ ยลวัง ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน
- READ โกทูสุราษฎร์ฯ กับภารกิจมู 3 วัดดัง
- READ ทำไมต้องเรียกว่า??
- READ หมากพลู ปูนแดง ยาเส้นและคุณยาย
- READ ลงตัวที่ชามเดียว ‘เตี๋ยวไก่’ จกสูตร
- READ ครั้งแรกของย่ากับขนมไข่ฝรั่งเศส “Madeleine”