พิษรักแรงหึง (Othello Syndrome) คืออาการป่วย!

พิษรักแรงหึง (Othello Syndrome) คืออาการป่วย!

โดย :

Loading

พี่หมอโอ๊ต-นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ ชวนแฟนๆ อ่านเอามาอัปเดทสุขภาพ ผ่านเรื่องใกล้ตัวและไกลตัว รวมถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและกำลังเกิดขึ้นในสังคม ในคอลัมน์ Healthy Happy Hour by Dr. OAT เพราะสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี

อารมณ์หึงหวงเป็นเรื่องที่อยู่กับมนุษยชาติมาตลอด ถ้าเราดูในประวัติศาสตร์ก็จะมีการบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ให้ได้เห็น เพราะเมื่อไหร่ที่รู้สึกมีความรักก็จะมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ รู้สึกหวงซึ่งเป็นอารมณ์ปกติ เต่เรื่องที่จะเล่าครั้งนี้เป็นเรื่องอารมณ์ความหึงหวงที่ไม่ปกติ เพราะมันมากกว่าที่ควรจะเป็น ที่สำคัญคือหึงหวงแบบไม่มีมูล เราเรียกโรคนี้ว่า Othello Syndrome โดยผู้ป่วยมักมีอาการนึกไปเองว่าคนรักของเรากำลังแอบนอกใจ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น แต่เราก็ยังเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่คิดนี่แหละใช่ แล้วทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไปตรววจสอบ ไปเช็ค ไปจับผิด

Othello Syndrome มีที่มาที่ไปจากบทละครเรื่อง Othello ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ ในเรื่องนี้เล่าถึง Othello (โอเทลโล) ซึ่งเป็นแขกมัวร์ และได้แต่งงานกับหญิงสาวลูกผู้ดี สวยงาม แต่ตัวเองกลับรู้สึกด้อยค่าเพราะเป็นแขก ผิวคล้ำ ที่สำคัญเขามักรู้สึกว่าภรรยาไม่รักเขาและต้องไปมีคนอื่น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วภรรยารักเขาและไม่ได้มีใคร แต่โอเทลโลเองก็ยังคิดอย่างนั้น จนวันหนึ่งเขาเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็เลยไปฆ่าภรรยาและฆ่าตัวตาย ซึ่งพอพูดถึงเรื่องความหึงหวงที่เป็นจินตนาการขึ้นมาเองว่าคนรักไปมีคนอื่น ก็เลยเรียกโรคนี้ว่า Othello Syndrome

พฤติกรรมแบบไหนที่สงสัยว่าเป็น Othello Syndrome

ถ้าในกรณีที่มีมูลจนเกิดเป็นโศกนาฎกรรมความรัก หรือการหึงหวงจนมีปากเสียงกันเพราะจับได้ว่าคนรักมีคนอื่นจะไม่ได้เรียกว่า Othello Syndrome แต่จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง และสำหรับคนที่เป็น Othello Syndrome ก็มักมีอาการต่างๆ ที่สังเกตได้ดังนี้ ๑)มักจะชอบกล่าวหาว่าคนรักนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง เมื่อเห็นคนรักไปพูดคุยกับคนอื่นก็จะระแวงขึ้นมาทันที ๒)มักรุกล้ำความเป็นส่วนตัว แอบสะกดรอยตาม ไม่ว่าจะตามไปเองหรือไปตามที่โซเชียล ส่องไอจี เฟซบุ๊ก คอยแอบเช็คโทรศัพท์ว่าเขาคุยกับใครบ้าง ๓)มีพฤติกรรมหึงหวงที่รุนแรงและชัดเจน เช่น ห้ามไม่ให้คุยกับใครเลย โดยเฉพาะคนต่างเพศ เลิกงานต้องกลับบ้านให้ตรงเวลา ห้ามไปพบเพื่อน ๔)ขาดการควบคุมตนเอง เช่น คิดระแวงก็พูดออกมาทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายเลยโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่เราจินตนาการขึ้นมาเอง ๕) พยายามหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าคนรักนอกใจแม้ว่าไม่มีหลักฐานใดๆ เลย

ปกติแล้วคนที่มีอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีแค่ข้อเดียว แต่มักมีอยู่สองสามข้อปะปนกันไป และจนถึงปัจจุบันในตำราทางการแพทย์เองก็ยังหาสาเหตุของการเป็นโรคนี้อย่างชัดเจนไม่ได้ แต่ก็สังเกตว่าคนที่มีอาการหึงหวงผิดปกตินั้นมักจะมีสาเหตุมากจาก ๑)คนคนนั้นมีบาดแผลทางใจในวัยเด็ก เช่น คนที่เลี้ยงดูเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายซึ่งส่งผลให้เด็กมีความไม่มั่นคงทางอารมณ์ ๒)ตอนเด็กๆ เคยถูกทำร้ายทำให้เกิดความฝังใจ แล้วอาจกลัวที่จะเกิดอะไรแบบนี้อีกเลยทำให้ระแวงหรือหึงหวงเอาไว้ก่อน ๓) มีความสัมพันธ์กับยาเสพติด เช่น มีการใช้สารเสพติดบางอย่างจนทำให้เกิดความหลอน การทำงานของสมอง ตรรกะอะไรต่างๆ ผิดไป เหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจทำให้เกิด Othello Syndrome ได้ทั้งสิ้น

ผู้ป่วย Othello Syndrome มักไม่รู้ตัวเองว่าได้แสดงออกมากเกินปกติและมองว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาทำได้ ซึ่งถ้าใครคิดว่าตัวเองเข้าข่ายที่จะเป็นโรคนี้และได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะได้กอบกู้ตัวเอง ยังเป็นการกอบกู้ความสัมพันธ์ได้อีกด้วย เพราะถ้าเรามีบุคลิกลักษณะแบบนี้อยู่ในความสัมพันธ์สุดท้ายจะลงเอยอย่างไม่ค่อยดี เพราะอีกฝ่ายจะรับมือไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ผิดปกติ ไม่คิดว่าต้องไปรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ตรงนี้แนะนำว่าคงต้องมีการพูดคุย เชิญชวนให้เขาไปปรึกษากับจิตแพทย์ ซึ่งในขั้นต้น Othello Syndrome ก็มีแบบทดสอบเหมือนกัน อาจลองเสิร์จในกูเกิลก่อน แล้วลองเช็คดูว่าเรานั้นมีคะแนนอยู่ในระดับไหน

ทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่ใกล้คนเป็น Othello Syndrome

สิ่งที่อยากจะแนะนำคนที่ต้องอยู่กับคนที่เป็นโรค Othello Syndrome คือความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งที่แรกที่ต้องคำนึงถึง  ถ้าคนรักเริ่มลงมือทำร้ายเรา หรือเห็นว่าซื้ออาวุธมา เช่น เชือก มีด ปืน ให้รีบพาตัวเองออกมาก่อน แต่ถ้าเขาอยู่ในช่วงภาวะอารมณ์ดี สามารถคุยกันได้ ลองดูซิว่าสามารถพูดคุยกันได้ไหม เช่น เรื่องของการเช็คมือถือ เช็คโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วให้เรารู้ไว้ว่าเขาป่วย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น อีกทั้งถ้าเราไม่ได้มีใครก็คุยกับเขาตรงๆ ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงก็จะทำให้อีกฝ่ายสบายใจได้ระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายถ้ายังเป็นเยอะอยู่อาจต้องชวนกันไปคุยกับจิตแพทย์ และน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างกันได้

ประโยคต้องห้ามกับผู้ป่วย Othello Syndrome

คนป่วยเป็นโรคนี้มีความระแวงอยู่แล้ว และถ้าไปท้าทายหรือพูดออกไปว่า ‘หาว่าชั้นนอกใจใช่ไหม เดี๋ยวจะนอกใจให้ดูจริงๆ เลย’  หรือ ‘จะเช็คมือถือชั้นใช่ไหม ชั้นไม่ยอมหรอก’ ฯลฯ เหล่านี้ก็จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยแย่ลงและอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นถ้าเริ่มมีปากเสียงกัน เราผู้ไม่ป่วยควรมีสติมั่นๆ หลีกเลี่ยงคำพูดเหล่านี้และหาทางไปสู่การแก้ไขที่ถูกต้อง เพราะวิธีรักษาโรคนี้มีหลายวิธีและสามารถรักษาให้หายขาดได้ ตั้งแต่ใช้ยาช่วยควบคุมความคิดฟุ้งซ่าน ช่วยควบคุมอารมณ์ที่สวิงไปมา ลดอาการหลงผิด ลดอาการหวาดระแวงลง รวมถึงการรักษาทางด้านจิตบำบัด

ในขณะเดียวกันคนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันด้วยเพื่อที่คนไข้จะได้มีความมั่นใจและมั่นคงขึ้น นอกจากนี้บางที่ก็มีกลุ่มบำบัด คือพาคนที่มีลักษณะคล้ายกันมานั่งเป็นกลุ่มคุยกัน ผู้ป่วยก็จะรู้สึกไม่โดดเดี่ยว เขาไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียวแต่ยังมีคนอื่นที่มีปัญหาแล้วก็มาแชร์กันว่าแก้ไขยังไงซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี…

 

ถอดความและสรุปจากรายการ อาการน่าเป็นห่วง #HealthyHappyHourbyDrOAT #Anhour

 

Don`t copy text!