
น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 2 : ฟิเล วิหารที่รอดจากใต้น้ำ
โดย : พิมพ์อักษรา
คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง
เมื่อพูดถึงอียิปต์ หลายคนอาจนึกถึงทะเลทรายและความแห้งแล้ง หากอันที่จริงเมื่อพิจารณาภูมิประเทศที่ตั้งของประเทศอียิปต์แล้ว แม้จะอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่ก็อยู่ตอนเหนือของทวีป มีทิศเหนือติดทะเลเมดิเตอเรเนียน ทิศตะวันออกติดทะเลแดง นอกจากนั้นยังมีแม่น้ำไนล์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายที่เก่าแก่และยาวเป็นอันดับสองของโลกไหลผ่าน และแม่น้ำไนล์อันเลื่องชื่อสายนี้เองได้เป็นจุดกำเนิดอารยธรรมเก่าแก่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อย่างอารยธรรมอียิปต์ขึ้น เพราะเมื่อไรที่มีแม่น้ำ ก็หมายถึงมีชีวิต เมื่อมีชีวิตก็เกิดการคิดค้น เกิดวิวัฒนาการด้านต่างๆ ขึ้น เนื่องจากเกิดการตั้งรกรากอาศัย รวมตัวกันกลายเป็นชุมชน เกิดการเพาะปลูกทำเกษตรกรรมตามพื้นที่อุดมสมบูรณ์ริมน้ำ เริ่มเลี้ยงสัตว์ เกิดระบบสังคมย่อยๆ ขึ้น พัฒนาจนกลายเป็นระบบการปกครองที่ซับซ้อนขึ้นอย่างเมือง นคร อาณาจักร ตามลำดับ
ดังนั้น แม้อียิปต์จะมีภูมิประเทศอยู่กลางทะเลทราย แต่ฉันอยากชวนให้เริ่มต้นนึกถึงแม่น้ำไนล์ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของกำเนิดอารยธรรมอียิปต์ บริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ต่ำที่น้ำท่วมได้ แต่หลังจากน้ำลดไปก็ทิ้งดินตะกอนที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก จึงเรียกได้ว่าอียิปต์ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่มีส่วนที่มีทะเลทราย และส่วนที่ติดทะเลมีเมืองท่าสำคัญมากมาย และติดแม่น้ำไนล์อันเป็นแหล่งก่อกำเนิดและหล่อเลี้ยงชีวิต
ที่ฉันพูดเรื่องแม่น้ำไนล์มาเสียยืดยาวก็เพราะอยากเกริ่นให้เห็นภาพบทบาทสำคัญของแม่น้ำเก่าแก่สายนี้ และในมุมกลับกัน แม้น้ำท่วมจะพาดินตะกอนดีๆ เหมาะแก่การเพาะปลูกก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเมื่อไม่ถึงร้อยปีมานี้ ในอียิปต์ก็เริ่มมีการสร้างเขื่อนในเมืองอัสวาน (Aswan) ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและปรับระบบชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เริ่มจากการสร้างเขื่อนอัสวาน โลว์แดม (Aswan Low Dam) ในปี 1902 และเขื่อนอัสวาน ฮายแดม (Aswan High Dam) ในปี 1960 เป็นเขื่อนหินกั้นแม่น้ำไนล์เพื่อควบคุมไม่ให้น้ำท่วม เพิ่มการกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทานที่ดีขึ้นและทำให้สามารถสร้างไฟฟ้าพลังน้ำได้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวใจหลักของการวางแผนอุตสาหกรรมอียิปต์เลย
แต่การสร้างเขื่อนนี่เองก็มีผลต่อสถาปัตยกรรมโบราณหลายพันปีเช่นกัน เพราะทำให้วิหารโบราณหลายแห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำไปด้วย รวมถึงวิหารฟิเลแห่งอัสวานที่เรากำลังมาเยี่ยมชมนี้ด้วย
เรายังคงอยู่ในเมืองอัสวาน อย่างที่ได้เกริ่นไปในบทก่อนหน้านี้ (ที่พาไปชม Unfinished Obelisk) ว่าเราลงที่เมืองไคโรก็จริง แต่มาเริ่มต้นเที่ยวกันที่เมืองอัสวานก่อนเพื่อให้เห็นภาพรวมของอียิปต์เบื้องต้นก่อน จากนั้นจึงจะค่อยๆ ไต่ไปสู่ความเป็นอียิปต์โบราณทีละนิดๆ ในวันถัดๆ ไป
เมื่อวานฉันได้ไปชมเขื่อนอัสวานฮายแดมมาแล้ว วันนี้ก็เลยยังอยู่ในละแวกเขื่อนและทะเลสาบนาสเซอร์หน้าเขื่อนอัสวานโลว์แดม เริ่มต้นรุ่งเช้าด้วยคำบอกเล่าของหัวหน้าทัวร์ว่าเราจะไปชมวิหารเทพีไอซิสกัน เป็นวิหารกลางน้ำ ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องนั่งเรือไปเกาะกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มวิหารฟิเล
เช้านี้อากาศเย็นสบาย แดดแรงพอประมาณ แต่มีลมเย็นพัดตลอดทำให้ไม่ร้อนมากนัก แต่ฉันก็ไม่ประมาท เพราะรู้ว่าอากาศแบบนี้ทำให้ชะล่าใจท้าแดดเดี๋ยวจะดำเอาได้ ก็เลยโบกกันแดดมาเต็มที่ มีทั้งหมวกและแว่นตากันแดดพร้อมสรรพ เสียแต่พอขึ้นเรือลมแรงหมวกทำท่าจะปลิวหลายที ฉันก็เลยเปลี่ยนเอาผ้าพันคอมาโพกศีรษะแบบชาวอียิปต์แทน เป็นการเก็บทรงผมไม่ให้กระเซอะกระเซิงไปตามลมด้วย
พอก้าวเท้าลงจากเรือขึ้นฝั่ง ใจก็เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ภาพที่เห็นตรงหน้าสำแดงความเป็นอียิปต์อย่างที่คิดว่าจะได้เห็นแบบ ‘เบื้องต้น’ คือเสาสูงชะลูดใหญ่และกลุ่มวิหารอลังการอยู่เบื้องหลัง
คุณวิวอธิบายหลักสังเกตวิหารอียิปต์โบราณเบื้องต้นก่อนว่า สิ่งแรกที่เราจะเห็นเป็นอันดับแรกก่อนตัววิหารก็คือไพลอน (Pylon) หรือประตูหน้าวิหาร ผ่านเข้าไปจึงจะเป็นโถงกลางเหมือนลานกว้าง ด้านในอีกชั้นถึงจะเป็นส่วนวิหารซึ่งจะมีกี่ชั้นลึกไปข้างในนั้นก็แล้วแต่โครงสร้างวิหารแต่ละแห่ง
และแล้วฉันก็ได้เห็นไพลอนของวิหารฟิเล (Philae Temple) ที่สองด้านสลักเรื่องราวของเทพเจ้าโอซิริส (Osiris) ไอซิส (Isis) และฮอรัส (Horus) เมื่อผ่านประตูทางเข้านี้เราก็เข้าสู่โถงกลาง ทอดยาวต่อไปยังวิหารชั้นใน จนไปถึงวิหารแห่งเทพีไอซิสด้านในสุด
ระหว่างที่เดินเข้าไปและกำลังดื่มด่ำกับลวดลายสลักละเอียดลออรอบด้าน ฉันและเพื่อนๆ ก็พลันสะดุดตาเข้ากับสิ่งมีชีวิตหนึ่งเข้าเสียก่อน
แมวค่ะ… แมว แมวสีดำอมเทาขนฟูสวยเชียว เจ้าเหมียวมันหมอบท่าทางสบายเสมือนเป็นเจ้าของที่ สายตาเชิดเล็กน้อยแต่ก็มีแววใจดีเป็นมิตรอยู่หน่อยๆ ไกด์แอบกระซิบว่าเขาเชื่อกันว่าเจ้าแมวตัวนี้เป็นแมวเจ้าที่ เฝ้าวิหารแห่งนี้อยู่… อืม ดูแล้วก็น่าจะอย่างนั้น มันวางท่าเป็นเจ้าของบ้านมากๆ ดูชิลอยู่ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เดินเข้าเดินออกแบบไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ
แล้วฉันก็เกิดสงสัย มีแมวตั้งหลายตัว เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นตัวนี้ไม่ใช่ตัวอื่นที่เป็นเจ้าที่ ไกด์ท้องถิ่นก็บอกว่าตัวนี้แหละ สืบทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว… โห เอาอย่างนั้นเลยหรือนี่
นอกจากเจ้าเหมียวตัวนี้ ก็มีบรรดาลูกแมวจิ๋วอีกหลายตัวป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น มันไม่กลัวคนเท่าไหร่ ทาสแมวอย่างเราก็อดไม่ได้จะย่อตัวเข้าไปเล่นไปถ่ายรูปเหมียวๆ ทั้งหลายอยู่พักใหญ่ กว่าจะค่อยๆ เบียดเสียดคนเข้าไปชมตัววิหารเทพีไอซิสด้านใน ด้วยความที่คนเยอะ ก็เลยไม่ค่อยได้ยินคำอธิบายภาพในผนังเท่าไหร่ หรือบางทีได้ยินแล้วก็ลืมบ้าง ผสมปนเปกับเรื่องอื่นบ้าง ต้องมาอาศัยย้อนดูรูป ย้อนอ่านเองทีหลังเหมือนกัน
วิหารในฟิเลที่เก่าแก่ที่สุด คือ วิหารของไอซิสซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของ Nectanebo ที่ 1 ในช่วง 380-362 ปีก่อนคริสตกาล และมีการสร้างเพิ่มเติมมาหลายยุคสมัย แม้จะมีการสร้างให้กับเทพและเทพีหลายองค์ แต่ที่ถือว่ามีความสำคัญมาก ได้แก่ วิหารที่สร้างอุทิศให้กับไอซิส โอซิริส และฮอรัส บนกำแพงมีฉากจากตำนานเรื่องไอซิสที่ทำให้โอซิริสฟื้นคืนชีพ การให้กำเนิดฮอรัส และทำการมัมมี่ให้โอซิริสหลังจากการตายของเขา
ตำนานเล่าว่าเทพีไอซิสเป็นเทพีแห่งความรัก การรักษา และเวทมนตร์ พระนางอยากให้เทพโอซิริสได้ขึ้นครองบัลลังก์อียิปต์ จึงใช้สติปัญญาของตนล่อลวงเทพราผู้เป็นพ่อ ทำให้นางนั้นเกิดมีอิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่และมอบฤทธิ์ให้แก่เทพโอซิริสจนได้ขึ้นเป็นเทพราชา จากนั้นจึงจัดพิธีอภิเษกสมรสกัน แต่งตั้งให้ไอซิสเป็นราชินีเคียงคู่พระองค์ เหล่าราษฎรทั้งหลายต่างเคารพนับถือในเทพและเทพีทั้งสองเป็นอย่างมาก ทำให้เทพเซตผู้มีความอิจฉาริษยาเทพรามาตลอด และคิดจะขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาให้ได้สังหารเทพโอซิริส แล้วใส่โลงลอยตามแม่น้ำไนล์ไป เทพีไอซิสที่กำลังตั้งครรภ์อยู่จึงเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก พระนางจึงออกตามหาพระศพของเทพโอซิริสไปทั่ว และคลอดพระโอรสที่ให้ชื่อว่าเทพฮอรัสระหว่างทาง ดังนั้นพระนางจึงมอบโอรสให้เทพีบูโตช่วยดูแล แล้วออกตามหาพระศพของโอซิริสต่อไป สุดท้ายแม้เทพีไอซิสพบพระศพของเทพโอซิรีส แต่เทพเซตผู้ชั่วร้ายก็สามารถตามหาพระศพเจอเช่นกันและได้ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโยนทิ้งไปทั่วอียิปต์ทำให้พระนางต้องออกตามหาพระศพของเทพโอซิริสอีกครั้ง
หลังจากที่ติดตามหาชิ้นส่วนของเทพโอซิริสมาตลอดหลายปี ไอซิสก็สามารถตามหาชิ้นส่วนได้จนครบ และนำชิ้นส่วนกลับมาประกอบพิธีศพได้อีกครั้ง โดยมีเทพอานูบิส เทพแห่งความตาย โอรสที่เกิดจากเทพีเนฟธิส เป็นผู้ทำพิธีศพให้ มีการพันผ้ารอบพระศพและลงน้ำยา จนก่อให้เกิดเป็นมัมมี่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเทพโอซิริสก็สามารถไปถึงดินแดนแห่งความตายได้ และเป็นราชาแห่งโลกของคนตาย
แต่ความน่าทึ่งของกลุ่มวิหารฟิเลสำหรับฉัน กลับเป็นเรื่องที่ฟิเล ‘รอดพ้นจากความตาย’ มาได้จริงๆ มากกว่า เอาละ ก็ฉันเกริ่นเรื่องเขื่อนกับน้ำท่วมอะไรไว้ตั้งเยอะแยะตอนต้นก็ตั้งใจจะโยงเข้าเรื่องนี้นี่ละ
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่าวิหารฟิเลนี้ก็อยู่ในเมืองอัสวาน เป็นวิหารบนเกาะกลางน้ำสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีไอซิส ในอดีตวิหารนี้ไม่ได้อยู่บนเกาะอาจิลเคีย (Agilkia) (บางที่เรียกอากิลเกีย) อย่างทุกวันนี้หรอก หากแต่สร้างขึ้นบนเกาะฟิเลกลางแม่น้ำไนล์ แต่เมื่อเขื่อนอัสวานโลว์แดมสร้างเสร็จก็ทำให้เกิดน้ำท่วม วิหารทั้งวิหารจึงจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้บางส่วนถูกกัดเซาะจึงต้องมีการกู้กลุ่มวิหารเหล่านี้ขึ้นมาและย้ายไปอยู่ที่ใหม่ โดยการกู้และเคลื่อนย้ายนี้ทำโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรีย เวียนนา (OREA) ใช้เทคโนโลยีโฟโตแกรมเมทรี ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้สามารถสร้างบล็อกดั้งเดิมของสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณได้อย่างแม่นยำ จากนั้นต้องสูบน้ำบางส่วนโดยรอบออกก่อนแล้วค่อยแยกชิ้นส่วนอาคารสิ่งก่อสร้างทุกหลังออกเป็นประมาณ 40,000 ยูนิต แล้วเคลื่อนย้ายมาประกอบใหม่บนเกาะอาจิลเคียที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำ 20 เมตร ใช้เวลาเคลื่อนย้ายและประกอบสร้างใหม่ถึง 8 ปี ทำให้วิหารฟิเลได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979
เรียกได้ว่าวิหารฟิเลที่อยู่ต่อหน้าฉันนี้เป็นวิหารที่เคยจมน้ำ และถูกกู้ขึ้นมาแล้วย้ายมาอยู่ที่ใหม่โดยคงสภาพเหมือนเดิมไว้ทุกประการอย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับฉัน ไม่ต่างอะไรกับการฟื้นคืนชีพเลย
- READ น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 4 : วิหารแห่งเทพจระเข้
- READ น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 3 : อาบูซิมเบล - อนุสรณ์แห่งรามเสสที่ 2
- READ น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 2 : ฟิเล วิหารที่รอดจากใต้น้ำ
- READ น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 1 : โอเบลิสก์ที่โลกลืม
- READ เล่าเรื่องบอลข่าน "มอนเตเนโกร เมืองในปราการขุนเขาสีดำ"
- READ เล่าเรื่องบอลข่าน "จักรพรรดิดิโอคลิเชียนผู้โหดร้าย"
- READ แสงสุดท้ายที่ตาพรหม "ปราสาทรากไม้ลึกลับกลางพงไพร"
- READ "See Ankor Wat and Die" แก๊งนางอัปสรในนครวัด
- READ "Sbeitla" หลงทางยังหาเจอ หลงเธอสิเหลือทน
- READ Siberia – Frozen Baikal ความลับของทะเลสาบเยือกแข็ง
- READ ฤดูร้อนกลางทะเลทรายสีขาว : มุยเน่
- READ ดินแดนแห่งอามาริเทสึ เทพีแห่งแสงอาทิตย์ และ หุบเขาทาคาชิโฮะ อุทยานแห่งทวยเทพ [Amano Iwato & Takachiho Gorge]
- READ Peles Castle ปราสาทน้อยกลางป่าสน งดงามแบบไม่ตะโกน
- READ ปราสาทแดรกคูล่ากับวลาดจอมเสียบ
- READ Unseen Italy : Matera เมืองที่เหลืองเหมือนกระดาษเก่า
- READ เมืองลึกลับในเงื้อมเขา
- READ เพราะเชียงตุงไม่ใช่ดอยตุง
- READ เร้นลับหลังคาโลก