
วันที่แม่น้ำกลายเป็นสีเขียว
โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง
ถนนสายนั้นเป็นเพียงถนนสายธรรมดาที่เห็นดาดดื่นตามเมืองเล็กๆ ในอเมริกา แต่วันนี้เสียงปี่ไอริชกังวานทั่วทุกอณูสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ถนนสายนี้มีชีวิตชีวา ดึงดูดทุกผู้คนให้ลุกขึ้นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเขียวหรือประดับประดาด้วยเครื่องประดับสีเขียวมุ่งหน้ามารวมกันที่นี่
เสียงปี่ไอริชและกลองระริกระรัว ย้อมใจทุกคนมึนเมามนตราแห่งเทศกาลเฉลิมฉลอง เพราะนี่คือวาระการฉลองที่เรียกว่า St. Patrick’s Day เป็นวันซึ่งทุกคนในเมืองพร้อมใจออกจากบ้าน ออกมาทักทายสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิแรก หลังจากทนอุดอู้อยู่ในบ้านตลอดฤดูหนาวอันยาวนาน ต่างยินดีที่จะได้เปลื้องเสื้อผ้าฤดูหนาวมาสวมใส่อาภรณ์เขียวเริงรำต้อนรับดอกไม้แย้มบานต้นฤดูใบไม้ผลิ
St. Patrick’s Day เป็นเทศกาลงานฉลองของชาวไอริช ฉลองในวันที่ 17 มีนาคมของทุกปี ทั้งชาวไอริชและไม่ใช่ไอริชจะแต่งกายด้วยชุดสีเขียว ซึ่งเป็นสีหนึ่งในสามสีหลักของธงชาติไอร์แลนด์ สีเขียว ขาว และส้ม มาร่วมงาน เทศกาลนี้ถือเป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนานบันเทิง ทั้งๆ ที่เป็นเทศกาลแห่งการระลึกถึงเซนต์แพทริก นักบุญคนสำคัญแห่งไอร์แลนด์
St.Patrick เกิดในปี ค.ศ. 385 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 461 ชาวไอริชถือเอาวันนี้จัดเทศกาลเฉลิมฉลอง St. Patrick’s Day เพื่อแสดงความระลึกถึงนักบุญแพทริก เชื่อกันว่าเซนต์แพทริกสามารถชุบคนตายฟื้นคืนชีวิตและขับไล่งูทุกประเภทออกไปจากแผ่นดินไอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่แผ่นดินนี้หางูทำยายากอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นเฒ่าหัวงูทั้งสิ้น แต่ก็นั่นแหละความเชื่อคือความเชื่อ ทุกความเชื่อล้วนอาศัยศรัทธาเป็นที่ตั้ง และทุกคนมีสิทธิ์ที่เลือกจะเชื่อในวิถีที่ตนศรัทธา
เทศกาลนี้จัดขึ้นช่วงที่เรียกว่า ช่วง Lent ของคริสต์เตียน คือเป็นช่วงระหว่าง Mardi Gras และ Easter เป็นช่วงที่ชาวคริสต์จะลด ละ เลิก นิสัยหรือความชอบบางอย่างของตนในช่วงนั้น เทียบให้เห็นง่ายๆ กับสังคมชาวพุทธอย่างเราๆ คงเหมือน ‘เลิกเหล้าเข้าพรรษา’ ประมาณนั้น

ในวันนี้ ชาวไอริชจะกินอาหารจานที่เรียกว่า Corned beef and cabbage นอกจากอาหารจานหลักในวัน St. Patrick’s Day แล้ว ยังมีเจ้าแชมร็อก (shamrock) นี่แหละที่เป็นพระเอกของงาน
แชมร็อกเป็นใบไม้เล็กๆ สามแฉก ชาวไอริชเลือกแชมร็อกมาใช้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของ St.Patrick’s Day เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ด แชมร็อกกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติไอร์แลนด์ที่เป็นความภาคภูมิใจของไอริชมาจนถึงปัจจุบัน

องค์ประกอบของงานฉลองอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือแลปปริคอน (The Leprechaun) คนไอริชเรียกเจ้าตัวซุกซนแต่ขี้เมานี้ว่า ‘Lobaircin’ หรือรู้จักกันในนาม The Leprechaun มีที่มาจากนิทานพื้นบ้าน เจ้าแลปปริคอนเป็นคนตัวเล็กๆ สีเขียว มีเวทมนตร์ ใส่หมวกทรงสูงทำหน้าที่เฝ้าหม้อบรรจุทองคำ และเป็นสุดยอดของขี้เมาทั้งปวง เชื่อว่าหากจับแลปปริคอนได้ จะสามารถบังคับให้เจ้าตัวเขียวนี่พาเราไปเอาหม้อบรรจุทองคำ คิดๆ แล้ว อยากเอาเหล้าล่อมันมาติดบ่วงจริงๆ เผื่อจะได้รวยกับเขาบ้าง
เจ้านี่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในเมืองนี้ด้วย พอดีเมืองอันเป็นเหมือนบ้านที่สองของฉันมีมหาวิทยาลัยท็อปเท็นของอเมริกา คือ Notre Dame University ตั้งอยู่ ซึ่งผู้ก่อตั้งคือบาทหลวงชาวไอริช ดังนั้น ตัวมาสคอตที่ออกมาแรดทุกทริปการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลคือเจ้าแลปปริคอนนี่แหละ ส่วนชาวบ้านบางนี้และจากบางอื่นทั่วโลกจะแห่ไปเชียร์ GO IRISH GO ให้ลั่นสนาม ทุกนัดที่ทีมนี้ลงสนาม เคยเห็นหน้าตาตัวการ์ตูน Fighting Irish ไหม หน้าตาเปรี้ยวมาก แบบอย่ามาแหยมนะว้อย ประมาณขี้เมาสู้ตาย
ชาวไอริชในอเมริกาไปโบสถ์ช่วงเช้าและเฉลิมฉลองตอนบ่าย ส่วนมากจับกลุ่มกันเมามากกว่าจะทำอย่างอื่น เพราะขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องความเป็นปีศาจสุราและความเป็นคนเลือดร้อนชอบทะเลาะวิวาท จะว่าไปเรื่องนี้เหมือนเป็น Stereotype ขึ้นชื่อว่าคนแล้วไม่ว่าชาติไหนมีดีมีชั่วเหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่คนสกอตและไอริชนี่ขึ้นชื่อกว่าเพื่อน โทษฐานผลิตของเมากินเองได้ดีเยี่ยมแล้วไม่หนำยังมอมเหล้าชาติอื่นไปทั่วโลก เบียร์ยี่ห้อดังของไอร์แลนด์ที่รู้จักกันดีคือ Guinness หรือที่คนไทยเรียกอย่างบ้านๆ ว่า เบียร์ตราหมาดำนั่นไง
ช่วงงานฉลองตอนบ่ายนี่แหละ ชาวไอริชจะกินดื่มและเต้นระบำที่เรียกว่า ‘Irish Dance’ ที่หลายคนคงเคยเห็นในภาพยนตร์ สาวๆ จะเริงระบำรำฟ้อนกระโดดขึ้นลงด้วยปลายเท้าเหมือนบัลเลต์ แต่ไวกว่ามาก แถมสลับขาได้อย่างสง่างามในกระบวนท่าเดียวกัน ดูไกลๆ เหมือนตุ๊กตาเริงระบำ เพราะเวลาเต้นจะต้องเชิดหน้า ตามองตรง ผมเป็นลอนสลวยงดงามตามจังหวะการกระโดดขึ้นลง สาวๆ เหล่านี้ เน้นว่าต้องสาวจริงๆ แบบที่เรียกว่าอายุไม่เกินยี่สิบ ไม่มีกระเพื่อมหรือกระฉอกเลยแม้แต่นิดเดียวในยามเต้นรำ ล้วนแต่เอวบางร่างน้อยทั้งสิ้น
วันที่ 17 มีนาคมทุกปี แทบทุกเมืองในอเมริกาที่มีชุมชนชาวไอริชมาก่อร่างสร้างตัวอยู่จะจัดงาน St. Patrick’s Day เมืองเล็กๆ ของฉันก็เช่นกัน ทุกคนในเมืองแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเขียว ไปดูขบวนพาเหรดกลางเมือง ที่สนุกคือหลังจากขบวนแห่ นายกเทศมนตรีของเมืองจะย้อมแม่น้ำเป็นสีเขียวให้เข้ากับเทศกาลที่มีโทนสีเขียวเป็นหลัก ตอนบ่ายเป็นช่วง ‘รักเมา’ อย่างแท้จริง ผับทุกแห่งเนืองแน่นไปด้วยพลพรรคเสื้อเขียวตั้งแต่บ่ายยันดึก โดยเฉพาะผับไอริชที่ฉันและผองเพื่อนแวะไปกรึ่มเบียร์กันมา ที่พิเศษคือทุกร้านจะย้อมสีเบียร์เป็นสีเขียว แต่ยิ่งดื่ม แบงก์ดอลลาร์สีเขียวละลายไปกับเบียร์เขียวเสียนี่ สุดท้ายคนที่ยิ้มรับเงินสีเขียวๆ คือเจ้าของร้านเหล้า ขืนฉันดื่มมากกว่านี้ รับรองยังไม่ทันสิ้นเดือนต้องออกไปล่าเจ้าแลปปริคอนแน่ๆ
แท้จริงแล้ว เรื่องขบวนแห่ St. Patrick’s Day เริ่มต้นขึ้นในอเมริกานี่เอง เป็นการแตกยอดมาจากประเพณีในไอร์แลนด์ เริ่มมีขบวนพาเหรดครั้งแรกในบอสตัน ปี 1737 ปีนั้นถือเป็นการฉลองเทศกาล St. Patrick’s Day ครั้งแรกในอเมริกา จากนั้นเป็นต้นมาถือเป็นประเพณีที่ทำสืบเนื่องกันมาทุกปีในเมืองใหญ่ๆ ที่มีชุมชนไอริชอาศัยอยู่ เช่น บอสตัน นิวยอร์ก ชิคาโก และฟิลาเดลเฟีย โดยเฉพาะที่ชิคาโก ถือเป็นอีกไฮไลต์หนึ่งของการเฉลิมฉลองเลยทีเดียว เพราะมีการย้อมแม่น้ำชิคาโกทั้งสายให้กลายเป็นสีเขียว น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
พอตกดึกของ St. Patrick’s Day พลพรรคเสื้อเขียวรวมตัวกันออกร่อนอีกรอบ ผับไอริชทุกแห่งในเมืองแน่นเอี้ยด พอดีเจอผับไอริชที่คนไม่เยอะนักเลยพุ่งเข้าใส่ นั่งฟังดนตรีไอริชไป จิบอะไรเย็นๆ ไปเพลินๆ พอหน้าเริ่มตึง แต่กระเป๋าเงินเริ่มหย่อน พลพรรคเสื้อเขียวก็ออกเดินรอบๆ ใจกลางเมือง สวนกับขี้เมาก๊กอื่นที่พากันเดินแอ่นไปแอ่นมา รับลมเย็นๆ รอสร่าง
เราเดินทอดน่องไปตามถนนที่อึงอลด้วยเสียงแห่งเทศกาลงานฉลอง ยิ่งดึกยิ่งอึงคะนึงไปทั่วย่าน เสียงปี่ไอริชและขลุ่ยดังแว่วมาจากผับไอริชที่ไหนสักแห่ง เรายิ้มหัวร่าเริงให้กัน พลางขยับเท้าก้าวตามเสียงจังหวะดนตรี อย่างช้าๆ ในตอนแรก เร่งจังหวะเร็วขึ้นๆ ระเรื่อยไปบนถนนสายนั้น สายลมแรกแห่งใบไม้ผลิพัดมาปะทะผิวหน้า ทำให้เรารู้สึกว่ากำลังลอยขึ้นสู่สวรรค์
- READ อย่าลืมทัดดอกไม้ก่อนหอน
- READ วันที่แม่น้ำกลายเป็นสีเขียว
- READ เทศกาลคลำไข่
- READ ประธานาธิบดีแสนรักและแสนชัง
- READ เรื่องของเฮียดำลง (ที่ไม่ใช่พุตตาล)
- READ พลาดท่าเสียของดี
- READ เมื่ออเมริกันฝันหาคุก
- READ บ้านหลอกผีที่ไม่มีวันสร้างเสร็จ
- READ กำแพงขาวดำในเมืองสนธยา
- READ ขี้หมาพารวย
- READ อาหารสันหลังยาว
- READ โลกนี้ยังมีมนุษย์ถ้ำ
- READ ฮาร์ดไซเดอร์..หอมผลไม้ในฟองเบียร์
- READ อาณานิคมล่องหน
- READ ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์
- READ ฤดูหนาวอันยาวนานในเทศกาลแห่งความสุข
- READ อุรังอุตังเฒ่า..เราจะคิดถึงเธอ
- READ มลรัฐวูล์ฟเวอรีน
- READ ประโยชน์ของเบียร์ที่เมียไม่รู้
- READ โลกทับซ้อนของคนสองแผ่นดิน
- READ เมียบังเกิดเกล้า
- READ จับงูบูชาพระเจ้า
- READ ภาษามหาระทวย
- READ อินเดียนแดงที่โลกลืม