ฮอทดอกของฉัน..วันชาติของเธอ

ฮอทดอกของฉัน..วันชาติของเธอ

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

เดือนนี้นับเป็นเดือนสำคัญของมวลมหาอเมริกัน เพราะเป็นวันชาติ นั่นหมายความว่าจะได้หยุดงาน ไปเที่ยว หรือทำบาร์บีคิวปิ้งย่างในสนามหลังบ้านให้บันเทิง ทุกช่องฉายหนังเกี่ยวกับความเป็นมาของอเมริกา แต่จะเป็นวีรกรรมหรือวีรเวรนั้นขึ้นอยู่กับการจำกัดความแต่ละฝ่าย บางเรื่องเป็นการต่อสู้กับอินเดียนแดง เจ้าของแผ่นดินดั้งเดิม บางเรื่องเป็นหนังสงครามตอนกัดกับอังกฤษ เพื่อตั้งตนเป็นอิสระจากประเทศแม่ จะว่าไปแล้วประเทศนี้สร้างประเทศด้วยปืนอย่างแท้ทรู

สมัยโน้นอังกฤษไม่ได้ดูดำดูดีอะไรอเมริกามากนัก ดูถูกว่าเป็นอาณานิคมกระจอกง่อกง่อย กดขี่ข่มเหงทุกทาง มีกฎบังคับว่าหากทหารอังกฤษอยากพักนอนบ้านใคร เจ้าของบ้านต้องเปิดบ้านรับ ห้ามขัดขืน พร้อมซักผ้าผ่อน ทำอาหารให้กินอีกต่างหาก

พออเมริการบชนะอังกฤษก็ประกาศอิสรภาพ นายพลจอร์จ วอชิงตัน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรก โดยเลือกวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นวันชาติอเมริกา คือวันเดียวกับที่มีการประกาศ Declaration of Independence ในปี ค.ศ. 1776 จากนั้นก็ฉลองวันชาติเรื่อยมาทุกวันที่ 4 กรกฎาคม

นึกๆ แล้วน่าน้อยใจ บรรพบุรุษอเมริกันเสี่ยงชีวิตแทบเป็นแทบตาย รบกับทหารอังกฤษทั้งที่ไม่ได้มีความพร้อมเลย เสื้อเก่าๆ กางเกงขาดๆ ก็มาร่วมกองทัพ บางครั้งกองกำลังมีน้อยนิด แต่กองทัพอังกฤษยกพลมาเพียบ

พลเรือนอเมริกันผู้รักชาติไม่รู้จะทำไง อาวุธอะไรก็ไม่ได้ครบมือ เลยหลอกทหารอังกฤษด้วยการมัดต้นข้าวโพดให้ดูคล้ายปืน มายืนแบกหลอกตาทหารอังกฤษ เวลานั้นทุกคนอยากขับไล่อังกฤษไปพ้นแผ่นดิน เพราะแค้นแน่นอกนั่นเอง ถูกทหารอังกฤษข่มขี่จนสุดทน แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าลูกหลานอเมริกันจะลืมสิ้น จนจัดวันชาติได้อย่างน่าผิดหวังมาก

เชื่อว่าตอนจัดงานวันชาติครั้งแรก พลเมืองอเมริกันเต็มไปความปลื้มปีติฮึกเหิมที่ปลดแอกสำเร็จ คงเฉลิมฉลองใหญ่โต โดยยกย่องวีรกรรมของนายพลจอร์จต่างๆ นานา พอนานไปๆ ลูกหลานดันแข่งกินฮ็อตด็อกกันอย่างเป็นทางการในวันชาติ หลงลืมสิ้นว่าประวัติศาสตร์เป็นมาอย่างไร เพราะโดนฮ็อตด็อกกลบหมด

ไส้กรอกที่ขึ้นชื่อลือชาว่าอร่อยนักอร่อยหนามาจากแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งเป็นไส้กรอกรมควันแน่นๆ โค้งเว้าสะสวยเหมือนหมาดัชชุน คำว่า “แฟรงก์” เลยกลายมาเป็นคำเรียกไส้กรอกที่นำมาทำฮ็อตด็อก ฮิตมายาวนานจนทุกวันนี้ มวลมหาอเมริกกันกินได้กินดีทุกวี่วันพอกับแฮมเบอร์เกอร์ แต่ส่วนใหญ่ฮ็อตด็อกเป็นอาหารแดกด่วนประจำสนามเบสบอล เพราะกินสะดวกดี

ไม่แน่ใจว่าแต่เดิมเรียกอาหารชนิดนี้ว่าอะไร แต่ที่เรียกว่า ‘ฮ็อตด็อก’ เพราะในปี ค.ศ. 1906 นักวาดการ์ตูนรายหนึ่งชื่อ โทมัส ดอร์แกน เห็นไส้กรอกโค้งงอก็นึกขำ คือจะขำอะไรนักหนา ไส้กรอกมันก็ต้องโค้งสิ จะให้เป็นรูปหัวใจเหรอ พอเห็นปุ๊บ ดันนึกถึงหมาดัชชุน แล้วโยงกับเสียงตะโกนเรียกลูกค้าว่าเหมือนเสียงเห่า           นี่ถ้าพ่อคุณมาอยู่เมืองไทยอาจได้ลาภเป็นสัตว์สองตีนหรือไม่ก็โดนตบปากฉีก อยู่ๆ ไปกล่าวหาว่าพ่อค้าเห่าเรียกลูกค้า

คาดว่าว่างจัด แกเลยวาดรูปหมาดัชชุนราดมัสตาร์ดประกบขนมปัง จากนั้นเขียนบรรยายว่า “ซื้อหมาร้อนๆ แม่เอ๊ย” ไอ้คำว่าแม่เอ๊ยไม่มีในภาษาอังกฤษหรอก ฉันเติมเอาเอง ให้ฟังครื้มอกครื้มใจเล่น แต่ไม่รู้ว่าร่ำเรียนจากไหน พ่อคุณถึงสะกดคำว่า ‘ดัชชุน’ ไม่ถูก จึงใช้คำว่า ‘หมา’ แทน เลยกลายเป็นคำฮิตติดปากมาจนวันนี้ และทำให้ชาวโลกรู้จักอาหารชนิดนี้ไปด้วย

เห็นไหมล่ะว่าไอ้ไส้กรอกและฮ็อตด็อกนี่ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการประกาศอิสรภาพหรือวันชาติอเมริกาเลย       มั่นใจว่าตอนประกาศอิสรภาพกันนั้น คงไม่ได้กินฮ็อตด็อกฉลองแน่ เพราะยังไม่รู้จัก แต่อย่างไรก็ตาม การกินฮ็อตด็อกกลายเป็นประเพณีไปแล้ว พอวันชาติปุ๊บ นอกจากขบวนพาเหรดกลางวัน พลุในตอนกลางคืน ก็มีการแข่งขันกินไส้กรอกนี่แหละที่กลายเป็นสัญลักษณ์วันชาติของอเมริกายุคปัจจุบัน

เชื่อว่าถ้านายพลจอร์จ วอชิงตัน มาเห็นอาจจะร้องไห้โฮ ไอรบแทบตาย ไอ้พวกลูกหลานดันมาแข่งกินฮ็อตด็อกฉลองซะนี่ มันน่าแค้นไม่หยอก แถมมีการแข่งขันทุกปี จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้วด้วย หลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องแข่งกินฮ็อตด็อกในวันชาติด้วยล่ะ ดูแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไรเลยนี่หว่า

ไม่ต้องแปลกใจหรอก ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ สถานที่จัดการแข่งขันกินฮ็อตด็อกที่โด่งดังที่สุดคือเกาะโคนีย์ เขตบรูกลิน นครนิวยอร์ก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Nathan’s Hotdog Eating Contest หรือการแข่งขันกินฮ็อตด็อกของนาธาน

ไม่ใช่จัดแค่ในนิวยอร์กเท่านั้น การแข่งขันกินฮ็อตด็อกยังกระจายตัวไปทั่วประเทศ แต่ถ้าจะเอาสนามหลักก็ต้องที่เกาะโคนีย์นั่นแหละ นาธาน เฮนเวอร์เกอร์ เป็นคนโปแลนด์เชื้อสายยิว ย้ายมาอยู่เกาะโคนีย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 จะว่าไปคงต้องเรียกทวดนาธาน ตามประสายิวที่สมองตรองแต่เรื่องเงิน ทวดนาธานเลยทำฮ็อตด็อกขาย บังเอิญขายดิบขายดีเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นชื่อทวดนาธานก็กลายเป็นตำนานของเกาะโคนีย์ไปโดยปริยาย

แล้วยังไงอีท่าไหน ฮ็อตด็อกของทวดนาธานถึงกลายเป็นการแข่งขันกินฮ็อตด็อกโด่งดังไปทั้งโลกจั่งซี้เรื่องนี้มีที่มานะจ๊ะยูว์ นอกจากรวยแล้วยังดวงดีเป็นบ้า ทวดนาธานเพลิดเพลินกับการขายฮอตดอทได้ไม่กี่ปีก็มีเหตุทะเลาะวิวาทว่าใครรักชาติมากกว่ากัน

ไอ้คนที่ท้าดวลนี่คือคนที่อพยพมาจากประเทศอื่นทั้งสิ้น เรียกว่าเว้าอังกฤษด้วยสำเนียงประจำชาติเดิมตนกันทั้งนั้น ไม่รู้คิดยังไงเลยเกิดการท้าดวลด้วยการแข่งกินฮ็อตด็อก ใครกินได้เยอะที่สุด ถือว่ารักชาติสุดหัวใจ เออ… คิดแบบนี้ก็ดีเนอะ จะได้ไม่ต้องเกิดม็อบชนม็อบ แต่อร่อยได้ทั้งคนแพ้และคนชนะ

กระทาชายสี่คนตกลงไม่ได้ว่าใครรักชาติมากกว่ากัน ลงท้ายด้วยการแข่งกินฮ็อตด็อกของนาธาน แอ่น…แอ๊นนนนน ผลปรากฎว่าไอ้หนุ่มอเมริกัน-ไอริชชนะขาดลอย ด้วยการฟาดฮ็อตด็อก 13 อันเกลี้ยงฉาดภายใน 12 นาที เล่นเอาคนอื่นๆ ครางอู้ โบกธงขาวขอยอมแพ้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแข่งขันกินฮ็อตด็อกเลยกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำการฉลองวันชาติอเมริกา หลายคนวิเคราะห์และวิแคะว่า นี่คือการให้ความสำคัญกับคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา คนเหล่านี้หลอมรวมเป็นชาวอเมริกันและเป็นชาติอเมริกาในเวลาต่อมา ร้านเล็กๆ หรือเรียกว่าเพิงขายฮ็อตด็อกอย่างนาธานจึงกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการฉลองวันชาติ

กติกาการแข่งกินฮ็อตด็อกไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย แค่ใครกินได้มากสุดในเวลา 10 นาที ถือเป็นผู้ชนะ ผู้แข่งขันแต่ละคนต่างมีเทคนิคเฉพาะตัว บางคนกินไปเต้นไปให้ฮ็อตด็อกลงพุงไวที่สุด เงินรางวัลที่มอบให้ผู้ชนะก็หลายหมื่นบาทอยู่ หากเทียบเป็นเงินไทย จะว่าไปก็น่าสนุกดี แข่งกินฮ็อตด็อกเพื่อแสดงออกว่ารักชาติ ดีกว่าก่อม็อบเป็นไหนๆ

Don`t copy text!