เมื่อลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า  2

เมื่อลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า 2

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

บางทีโชคชะตาของคนเราก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะคาดเดาจริงๆ ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าต้องมาเปิดร้านหรือทำการค้าการขายแม้แต่น้อย ไม่เคยคิดแม้กระทั่งว่าจะค้าขายในเมืองไทยอะไรกับใครเลย ยิ่งมาเป็นเจ้าของร้านที่เมืองนอกแล้วยิ่งไม่เคยคิด   เพราะมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนคงเส้นคงวาที่สุดในเรื่องความซื่อบื้อ  สอบเลขทีไรตกทีนั้น  ซ้ำร้ายภาษาเน่าสนิททั้งภาษาไทยและภาษาต่างด้าว อาศัยมั่วนิ่มๆ กระล่อนผสมโรงเนียนเวลาคุยกับฝรั่งอั้งม้อเลยเอาตัวรอดได้เรื่อยๆ

แม้ว่าฉันจะอ่อนเชิงทางด้านคณิตศาสตร์อย่างร้ายกาจ แต่ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน สมองอันเฉื่อยชาและไม่ค่อยจะได้เรื่องก็ว่องไวขึ้นมาทันตาเห็นราวลิงกังฟื้นจากยาสลบ กระปรี้กระเปร่ากระฉับกระเฉง ดวงตาเป็นประกายแวววาวในการคำนวณหาเลขเด็ด เพื่อประกอบกิจการบางประเภทที่ต้องเก็งกำไรกับรัฐบาล  อันเป็นความหวังเล็กๆ ตามประสาเซเลบ (ขบ)

ทุกเช้าฉันเปิดร้านและชงชาเขียวไว้รอต้อนรับลูกค้า อย่างที่เล่าไปนิดหน่อยแล้วว่าลูกค้าฝรั่งแต่ละรายไม่ธรรมดาเลย  บางครั้งทำตัวกิ๊บเก๋แบบตะวันออกกลางอย่าง “อีหยิบ” หรือ “อีลัก” ดังนางโจรวัยขบเผาะสองนางนี้

เคยมีเด็กฝรั่งรุ่นสาวสองคน หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เพราะยังอยู่ในวัยตีน (Teen)  ละอ่อนน้อยเข้าร้านมาทำเป็นเลือกนั่นเลือกนี่ โดยอีกคนชวนฉันคุยไปเรื่อย ส่วนอีกคนเลือกของง่วน  จากนั้นเดินยิ้มหวานออกจากร้านไปแบบแปลกๆ  ต่อมาพบว่า แหวนกับสร้อยข้อมือหายไป 5 ชิ้น เล่นเอายืนกัดกรามกรอดๆ ที่เสียรู้ละอ่อนฝรั่ง

ดูเหมือนว่าอีนางน้อยทั้งสองจะติดใจการเป็นชาว “อีหยิบ” อย่างเหลือล้น      จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา สองนางโผล่หน้าวัยใสกลับมาอีก    แต่คราวนี้ฉันยืนยิ้มรับหน้าร้านอย่างใจเย็น สองละอ่อนชะงักนิดหนึ่ง ก่อนเดินหน้าแน่วแน่ไปโจรกรรมข้าวของในร้านต่อ เพราะคิดว่าอีเจ้าของร้านหน้าจืดจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

คาดว่าเพราะความที่นางโจรวัยกระเตาะยังเด็ก เลยใช้มุขเดิมๆ ในการตบทรัพย์ พอคุยโน่นนี่ซักพัก ฉันพูดลอยๆ ว่า

“เธอรู้มั้ย  ในร้านนี้น่ะมีระบบทีวีวงจรปิดด้วยนะ แต่พวกเธอไม่เห็นหรอก เพราะซ่อนไว้มิดชิดมาก”

ว่าแล้วก็หัวเราะเหี้ยมๆ ใส่นางโจรน้อย ด้วยความที่พรรษายังไม่แก่กล้า นางโจรวัยใสถึงกับหน้าถอดสี เพราะหากถูกจับได้ว่าทำผิดกฎหมาย นั่นหมายถึงการถูกส่งตัวไปโรงเรียนดัดสันดาน  ซึ่งโรงเรียนดัดสันดานที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเอาการอยู่

สองโจรวัยรุ่นหันหน้าไปคุยกันเสียงจุ๊บจิ๊บๆ แล้วจ้ำอ้าวออกจากร้านแบบไม่มีคำร่ำลา หลังจากนางโจรวัยรุ่นออกจากร้านไปแล้ว ฉันก็เดินสำรวจความเสียหาย

บ๊ะ..ข้าวของอยู่ครบทุกชิ้นค่ะ คุณขา…

ฉันเลยเดินไปรินชาอีกถ้วยเป็นการฉลองชัย แต่ยังไม่ทันจะยกจิบ ลูกค้าอีกรายก็พุ่งพรวดเข้ามาในร้าน ฉันกวาดตาขึ้นลง สำรวจลูกค้ารายนี้แล้วหัวใจตกฮวบไปอยู่ปลายตีน !

ให้ตายเถอะ..ฝรั่งแถวนี้มันเห็นร้านฉันเป็นบ้านพักคนจรจัดไปแล้วรึไง เพราะรายที่เข้ามาใหม่หมาดนี่ทั้งหน้าตาเนื้อตัวคือคนบ้าชัดๆ แต่กระนั้นด้วยความที่เคยอ่านหนังสือ “สมบัติผู้ดี” เล่มละสามบาทของกระทรวงศึกษาธิการ เลยกลั้นใจถามไปว่า

“ไฮ!..คุณมึงจะเอาอะไรคะ”

ถามจบก็กลั้นใจ พอเดินเข้าใกล้ กลิ่นเน่าราวแร้งตายพร้อมกันห้าตัวลอยมาปะทะจมูกฉุนกึ๊ก คงไม่ต้องสงสัยล่ะมั้งเรื่องการอาบน้ำอาบท่า   วันเกิดเหตุนี่เป็นวันหนึ่งในฤดูหนาว  หิมะกำลังโปรยปรายเป็นสายอย่างสะสวย  ชายฝรั่งไม่ทราบชื่อหันหน้ามายิ้มเห็นฟันหลอ แล้วพูดเบาๆ ราวกลัวดอกเชอร์รี่จะร่วงว่า

“ไออยากจะหาของขวัญให้หลานสาวน่ะ”

หือ..หลานสาว.. นี่ขนาดลุงยังขนาดนี้แล้วหลานสาวจะขนาดไหนกันหนอ คิดบวกลบคูณหารแล้วกลั้นใจชะโงกหน้าไปถามอีก

“งั้นไอช่วยหานะ หลานอายุเท่าไหร่ล่ะ”

“สองชั่วโมง”

ว่าแล้วก็ยิ้มโชว์ฟันหลออีกรอบ  ซ้ำขี้มูกที่ยืดย้อยเหมือนงวงช้างยังหยดหมิ่นๆ อยู่ริมจมูกอีกต่างหาก เล่นเอาฉันผงะหงายแทบไม่เป็นขบวน

สองชั่วโมง..!!! หลานสาวอายุสองชั่วโมง….

ประทานโทษนะคะ หลานเป็นปลวกเหรอ ถึงนับอายุเป็นชั่วโมงๆ !

ด้วยความสงสัยสุดขีด ฉันปราดไปหน้าร้าน  เห็นรถของพ่อคนนี้จอดเก้ๆกังๆ อยู่แบบพิลึกกึกกือ  พอเห็นสภาพรถของแกเท่านั้นแหละ ลงความเห็นได้ทันที

“..ค น บ้ า นี่ ห ว่ า..”

ในรถแกมีแต่ขยะกองเต็มรถจนล้นออกมาถึงหน้าต่าง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่มีหน้าต่างด้วย แต่มีพลาสติกใสมาขึงแทนหน้าต่างเอาไว้แทนกระจกที่หายไป   อย่างไรก็ตามถึงพี่แกจะบ้าแต่คาดว่าไม่โง่    อย่างน้อยแกรู้ว่าถ้าเดินเข้ามาในร้านนี้ จะได้ชาเขียวร้อนๆ ดื่มแก้หนาว และสามารถเข้ามาเดินแกว่งไกวอวัยวะได้ไม่จำกัดเวลา  เพราะคิดว่าเจ้าของร้านเป็นคนเอเซีย ซึ่งคนเอเซียก็ขึ้นชื่อเหลือเกินในเรื่องความสุภาพอ่อนโยน สาบานได้..ฝรั่งทุกคนคิดแบบนี้จริงๆ

เมื่อพี่บ้าแกคิดดังนั้น  เลยทำเป็นเนียนเดินเข้าไปเอาไออุ่นในร้านอีนางเอเซียหน้าเบื่อโลกคนนี้  คิดว่านางคงไม่ว่าอะไรอย่างแน่นอน  เนื่องจากคนเอเซียทุกคนไม่กล้าหือคนขาวอย่างกู  แต่อยากจะบอกอะไรให้นะจ๊ะ ฝรั่งมังฆ้อง ว่าไอ้ความปากร้ายนี่มันไม่เข้าใครออกใครนะ ไม่ว่าฝรั่งหรือไทย

ฉันยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอายังไงกับพี่บ้าคนนี้ดี   และแล้วก็ “พลันคิดได้”      หลังจากจ้องพี่บ้าแกยืนขี้มูกหยาดย้อยอยู่พักใหญ่ ฉันตัดสินใจเห่าใส่หน้าพี่บ้า ตะเบ็งเห่าสุดเสียง แถมเอาตีนตะกุยพื้นประกอบ เห่าไปคำรามไป พลางทำตาขวางด้วย

พอเห็นพี่บ้าสะดุ้งโหยง   เลยได้ทีทำหน้าลิงแสมตูดแดงที่เคยเห็นผสมโรง เจอแบบนี้พี่บ้าร้องลั่นแล้วเผ่นออกจากร้านแบบไม่คิดชีวิต

เออ..ให้มันรู้ไป..ว่าใครบ้ากว่ากัน !!!

 

Don`t copy text!