พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.1 : นยาลาลัม

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.1 : นยาลาลัม

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

เยชิปลุกทุกคนให้ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง โซนัมและภรรยาของเขาเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ ให้ทุกคน จากนั้นคณะเดินทางก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางของวันนี้อยู่ที่ชายป่าฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นเขตของแคว้นชูคา

มีสถานีป่าไม้อยู่ที่นั่น เยชิวางแผนให้ทุกคนนอนพักอีกหนึ่งคืน จากนั้นจะต้องเปลี่ยนพาหนะเป็นม้า ข้ามเขาไปอีกครึ่งวันก็จะถึงสถานีป่าไม้แห่งที่สาม นอนพักที่นั่นอีกหนึ่งคืน คนของเยชิจะเตรียมรถไว้ให้สองคัน เพื่อจะขับต่อจากสถานีที่สาม และมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของแคว้นซัมเซ

สรุปว่า ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกเพียงแค่สองคืนเท่านั้น คณะของลิ่วลมก็จะเดินทางถึงซัมเซตามที่ต้องการ

ลิ่วลมไม่เห็นลูกน้องของเยชิมากินข้าวด้วยกัน คินซาช่วยอธิบายว่าลูกหาบตื่นตั้งแต่ตีสี่แล้ว และทุกคนกำลังความเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในช่วงถัดไป ตอนที่ลิ่วลมรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย และออกไปที่รถ ลูกหาบทั้งสี่ประจำอยู่ในรถคันแรกเรียบร้อยแล้ว

“อาจารย์ว่าลูกน้องของเยชิ…ดูแปลกๆ ไหมครับ” ลิ่วลมหันไปกระซิบกับอัญญาวีร์ “ดูหลบหน้าหลบตาชอบกล”

“นั่นสิ” อัญญาวีร์รู้สึกเช่นนั้นตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแล้ว ลูกหาบทั้งสี่ดูพยายามจะหลบหน้าพวกเธอ โดยเฉพาะคนที่ชื่อนัมเก เชริง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้า” นารีญากลับไม่คิดเช่นนั้น “เราไม่คุ้นกับเขา เขาไม่คุ้นกับเรา จะให้มาคุยมาเล่นกันได้อย่างไร”

“พร้อมกันแล้วใช่ไหมคะ” ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อถึงเรื่องนี้ คินซาก็เดินมาถามเสียก่อน ไกด์ชาวภูฏานกำชับว่า “ถ้าพร้อมแล้ว เรารีบไปกันเถอะค่ะ วันนี้จะต้องผ่านป่าทึบเสียด้วย”

“นยาลาลัมสินะ” อัญญาวีร์พึมพำ

“ค่ะ” คินซาพยักหน้า “เยชิอยากให้เราเดินทางพ้นจากนยาลาลัมก่อนตะวันตกดิน”

คินซาไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม หากทว่าทุกคนพอจะเดาได้ ดังนั้น คณะชาวไทยทั้งสาม จึงเดินไปขึ้นประจำที่ที่รถโฟร์วีลขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตของเยชิ โดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

การเดินทางในช่วงแรกว่าลำบากแล้ว การเดินทางในช่วงถัดมายิ่งลำบากกว่าหลายเท่า

ไม่มีถนนให้เห็นเป็นแนวให้เห็นชัดเจนเหมือนตอนแรกแล้ว เยชิและลูกน้องเก่าของเขาจะต้องใช้ความชำนาญขับรถลัดเลาะไปตามหมู่ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นกันแน่นจนทึบทะมึน

คราวนี้นารีญายอมกินยาแก้เมารถแต่โดยดี ตลอดทางหญิงสาวแนบหน้ากับกระจก มองทิวทัศน์ที่รถแล่นผ่านไป

ทั้งที่เป็นเวลาสาย ทว่าอากาศกลับยะเยือกเย็นลงทุกขณะ เพราะแสงแดดส่องลงมาแทบไม่ถึง สองข้างทางที่รถผ่านไปมีละไอหมอกสีขาวลอยอยู่โดยรอบ บางช่วงที่ใบไม้เบาบาง แสงแดดส่องผ่านลงมาได้ สายหมอกจึงค่อยสลายหายไป ครั้นพอรถแล่นเขาสู่ป่าทึบ หมอกสีขาวขุ่นก็กลับหนาตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ป่านี้ดูน่ากลัวนะคะ” นารีญาอดพึมพำมิได้

ยิ่งแล่นลึกเข้าไปเพียงใด ต้นไม้สูงใหญ่ที่รายอยู่โดยรอบก็เริ่มมีรูปร่างที่แปลกตาไป กิ่งก้านที่ชูตระหง่านเหมือนกรงเล็บของปีศาจที่กาง ในลักษณาการเตรียมพร้อมจะตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ ยิ่งลำต้นบิดเบี้ยวมากเพียงใด รูปเงาก็น่าเกลียดน่ากลัวมากเพียงนั้น ยามสายลมพัดกระโชกแรง เงาต้นไม้ส่ายไหว พาให้จินตนาการของทุกคนทำงานมากขึ้นทุกขณะ

รถทั้งสองคันยังคงแล่นลึกไปข้างหน้าโดยไม่หยุดยั้ง ใจกลางป่าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ หากลิ่วลม อัญญาวีร์และนารีญา รู้สึกเหมือนหนทางข้างหน้ายาวไกลไม่สิ้นสุด

จู่ๆ ลิ่วลมก็ได้ยินเสียงดังครืนใหญ่ ก่อนที่รถคันหน้าจะหยุดลงโดยกะทันหัน

เยชิเหยียบเบรกรวดเร็ว แล้วรถคันที่สองก็หยุดลงห่างจากรถคันแรกเพียงนิดเดียว

“รออยู่ในรถกันก่อนนะครับ” น้ำเสียงของเยชิเป็นกังวล เขาหันมาบอกกับทุกคน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเปิดประตูลงไปดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลิ่วลมพยายามชะโงกดูจนหน้าติดกระจก เห็นต้นไม้ใหญ่ล้มขวางทางอยู่ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้รถแล่นต่อไปไม่ได้

“มีคนพยายามขัดขวางทางเราครับ”

เยชิเดินกลับมาด้วยสีหน้ากังวล

“หมายความว่าอย่างไรคะ” อัญญาวีร์นิ่วหน้า

“ต้นไม้ที่ล้มขวางทาง ไม่ได้ล้มเองตามธรรมชาติ แต่มีรอยตัดที่ลำต้นชัดเจน พวกนั้นลงมือก่อนเรามาถึงไม่นาน ตอนนี้นัมเกและวังโมกำลังไล่ตามรอยคนร้ายไป” เสียงของเยชิเต็มไปด้วยความหนักใจ “โชคดีที่ไม่ได้ล้มลงมาทับรถคันหน้า แต่ขวางแบบนี้เรายังไปต่อไม่ได้”

“ช่วยกันยกออกดีไหมคะ” นารีญาเสนอ เธอเปิดประตูและกระโดดลงรถตามทุกคนลงไปดูเหตุการณ์ “โอ…ต้นใหญ่ขนาดนี้ ยกไม่ไหวหรอก”

พูดเองแล้วก็ตอบเอง ลิ่วลมเห็นด้วยกับนารีญา ต้นไม้ที่ล้มลงมาขวางทางมีขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่าสี่หรือห้าคนโอบ การจะยกออกให้พ้นทางไม่ใช่เรื่องง่าย

“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อครับ” ชายหนุ่มชาวไทยถามไกด์ของเขา

“คงต้องพยายามเลื่อยต้นไม้ออกเป็นท่อน แล้วเคลื่อนย้ายออกไปจากทาง” เยชิส่ายหน้า “ตอนนี้เราอยู่จุดสูงที่สุดของยอดเขาแล้ว ไม่สามารถจะอ้อมไปทางไหนได้เลย”

“คนร้ายคือใครกันนะ ทำแบบนี้ทำไม” ลิ่วลมพึมพำ

“ครูว่า…” อัญญาวีร์วิเคราะห์ “น่าจะเป็นฝรั่งพวกที่จะไปตามหาดอกอุทุมพรนั่นละ พวกเขาน่าจะรู้ว่าพวกเราก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็เลยพยายามชะลอการเดินทางของเราไว้”

“เข้าใจเลือกเสียด้วย” คินซาส่ายหน้า “จงใจให้พวกเราติดแหง็กอยู่ใจกลางนยาลาลัมพอดี”

“คืนนี้เราคงต้องพักแรมกันที่นี่แล้วละครับ” เยชิยกนาฬิกาขึ้นดู เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มสลัวรางลงทุกขณะด้วยสายตากังวล “ผมกับลูกน้องจะหาที่ปลอดภัยสำหรับกางเต็นท์พักแรม…พวกคุณรออยู่ที่รถนะครับ ห้ามเดินออกไปจากบริเวณนี้โดยเด็ดขาด ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติก็อย่าไปสนใจ เห็นใครที่ไม่ใช่พวกเราก็อย่าเข้าใกล้…ให้เกาะกลุ่มกันเอาไว้ เข้าใจไหมครับ”



Don`t copy text!