พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 24.1 : ป๊อปปี้สีทอง

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 24.1 : ป๊อปปี้สีทอง

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“ลิ่วลม…คุณลม” มือเล็กๆ ของนารีญากำลังเขย่าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย “ตื่นได้แล้ว…ลิ่วลม ละเมออะไรอยู่ได้”

“หือ…อืม” เขาค่อยๆ รู้สึกตัว และลืมตาขึ้นช้าๆ เพียงเพื่อจะพบว่าตัวเองยังอยู่ภายในโถงถ้ำที่พอจะมีแสงสว่างรำไร

ก่อนนอนหลับไป ลิ่วลมจำได้ว่าภายในถ้ำแห่งนี้มืดสนิท นั่นน่าจะเป็นเพราะภายนอกคือเวลากลางคืน ขณะนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว จึงมีแสงอาทิตย์ส่องลอดรอยแตกของหินบนเพดานลงมาในโถงถ้ำ พาให้ทุกคนมองเห็นสีหน้าของกันและกันได้ถนัด

“ที่นี่ที่ไหน” เขาพึมพำ

“จะที่ไหน ก็ในถ้ำน่ะสิ” นารีญายื่นหน้ามามองเขา ดวงหน้าของหญิงสาวมอมแมมจนลิ่วลมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกคนกำลังมุงอยู่รอบๆ ตัวเขา สายตาจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง

“เมื่อวานลมน่าจะเหนื่อยมาก เลยหลับลึก” อาจารย์อัญญาวีร์เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น “แถมยังละเมอเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่ แต่คุยอะไรบ้างก็จับใจความไม่ได้ รีญาเลยพยายามจะปลุกอยู่นี่ละ”

“นึกว่าต้องเอาน้ำมาราดเสียแล้ว” นารีญาว่า

“เมื่อกี้ผมฝัน…” เขาขยับกายลุกขึ้น และกำลังจะเล่าเรื่องความฝันให้ทุกคนฟัง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเหลือบเห็นว่าในมือของเขาถืออะไรบางอย่างอยู่

ดอกไม้ที่กลีบบอบบาง และประกายสีทองที่เรืองรองอยู่ในความสลัวราง

…ดอกป๊อปปี้สีทอง…

“ไม่” ลิ่วลมพึมพำ จ้องมองดอกไม้ในมือราวไม่เชื่อสายตา “ไม่ใช่ความฝัน”

“นั่นอะไร” นารีญาสังเกตเห็นดอกไม้ในมือของเขา

ลิ่วลมไม่ตอบ หากยื่นดอกป๊อปปี้สีทองออกไปข้างหน้า…ดอกไม้ที่เขาได้มา…

“เซริงมา”

เชวังอุทานเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น

“ป๊อปปี้ทองคำเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์”

ขณะที่เยชิ คินซา และลูกหาบอีกสามคนพากันคุกเข่าลงกับพื้น แล้วสวดมนต์พึมพำเป็นภาษาภูฏานที่ลิ่วลมฟังไม่ออก แต่สัมผัสได้ถึงความศรัทธา

“ใช่” ลิ่วลมตื่นเต้น “คนที่ให้ดอกไม้กับผมมา เธอบอกว่าเธอชื่อเซริงมา”

“พระองค์คือเทพธิดา” เชวังว่า “ท่านเสด็จมาหาคุณหรือ…ลิ่วลม”

“ผมคิดว่ายังงั้น…” ลิ่วลมพยักหน้า

รัศมีเรืองรองที่ปรากฏโดยรอบ กลิ่นหอมของดอกไม้ และความสงบงามของสตรีผู้นั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ เขาเหลือบมองดอกไม้สีทองอีกครั้ง ก่อนจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ทุกคนฟังตั้งแต่ต้น จนกระทั่งมารู้สึกตัวเมื่อนารีญาพยายามปลุกให้เขาตื่นขึ้น

“พระองค์เสด็จมาช่วยเราแล้ว” คินซายกมือขึ้นแตะหน้าอกบริเวณหัวใจ

“พระองค์คือใครกันหรือคะ” นารีญาเห็นทุกคนเต็มไปด้วยความศรัทธา จึงเอ่ยถามเพราะอยากรู้

“เทพธิดาเซริงมาเป็นเทพผู้พิทักษ์ศาสนา” เชวังเล่า “พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งศรัทธาและสติปัญญา ทั้งยังเป็นตัวแทนของอายุวัฒนะและการรักษาโรค…พระองค์มักจะสถิตอยู่ในถ้ำกลางป่าลึก คอยช่วยเหลือผู้คนที่หลงทาง”

“มิน่าล่ะ” ลิ่วลมพยักหน้า เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เซริงมาเอ่ยว่าท่านชายโฮชิ หรือโฮชิโนโอจิเป็นคนขอร้องให้พระองค์มาช่วยพวกเขาให้ทุกคนฟัง เพราะทุกคนจะต้องมีคำถามมากมายถึงเทพเจ้ากระเรียนองค์นั้น

“พระองค์บอกรหัสกับคุณว่าอย่างไรบ้างนะ” เชวังถาม ขณะที่ดวงตามองไปยังทางแยกซ้ายขวาตรงหน้า “ลองทบทวนให้พวกเราฟังอีกครั้งได้ไหม”

“ได้ครับ” ลิ่วลมพยักหน้า “เธอบอกว่า…ขวาจะร้าย ซ้ายจะดี มีกำหนด, ทางหนึ่งยศ สรรเสริญ เพลินพาหลง, ทางหนึ่งโลภ ครอบงำ นำดิ่งลง, จะรอดจง มั่นคง ในศรัทธา…”

“ได้การละ” เชวังดีดนิ้ว แสงสว่างที่ส่องลอดรอยแตกบนเพดานถ้ำเข้ามา ทำให้ลิ่วลมเห็นว่าสีหน้าดีขึ้นมาในทันที “พระองค์มาบอกทางให้เรา”

“ขวาจะร้าย ซ้ายจะดี” เยชิทวน “หมายความว่าเราควรไปทางซ้ายถูกไหมครับ”

“ฟังๆ ดูแล้ว ฉันคิดว่าไม่ว่าจะเลือกไปทางซ้ายหรือทางขวา ก็ต้องเจออะไรที่ยาก ต้องผจญภัยอยู่ดี” อัญญาวีร์ตีความ “ทางหนึ่งยศ สรรเสริญ เพลินพาหลง…ทางหนึ่งโลภ ครอบงำ นำดิ่งลง…น่ากลัวทั้งสองทางเลยละ ไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง”

“แต่เราจะรอด ถ้าเรามีศรัทธา” เชวังพยักหน้าด้วยท่าทางหนักแน่น “ประโยคสุดท้ายที่พระองค์บอกไว้ยังไงครับ…จะรอดจง มั่นคง ในศรัทธา”

“งั้นก็ไปเถอะค่ะ” อัญญาวีร์พลอยพยักหน้าไปด้วย “อยากจะทดสอบจิตใจของเราเรื่องอะไร…ลาภและสรรเสริญก็ไปทางขวา ถ้าจะทดสอบความโลภก็ไปทางซ้าย”

“ซ้ายครับ”

“ซ้ายค่ะ”

ลิ่วลมและนารีญาเอ่ยขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เยชิ คินซา และลูกหาบทั้งสามก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ซ้ายน่าจะดีกว่า” เชวังเองก็คิดเหมือนกับทุกคน “พระองค์บอกว่า…ขวาจะร้าย ซ้ายจะดีไม่ใช่หรือ…ไปกันเถอะครับ ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้งหนึ่งแล้ว”



Don`t copy text!