พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 28.2 : สงครามอากาศ

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 28.2 : สงครามอากาศ

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

สัญชาตญาณของล่องเมฆบอกว่าเขาไม่ได้อยู่โดยลำพัง

ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนไปทางไหน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีสายตาของใครหรืออะไรบางอย่างกำลังจ้องมองอย่างเฝ้าสังเกต

สลัดศีรษะเบาๆ ก่อนจะเดินทุ่งหน้าไปยังหน้าผาด้านหน้า

เขาพบว่ามันไม่ได้ยุบดิ่งลงไปเหมือนกับหน้าผาอื่นๆ แต่ค่อยๆ ลาดลงไปเป็นช่วงๆ คล้ายกับขั้นบันได ในหุบเขาที่ลาดต่ำลงไปนั้น ล่องเมฆเห็นเลือดมังกรขึ้นเป็นทุ่งขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา และในทุ่งสมุนไพรแห่งนั้นก็มีก้อนหินน้อยใหญ่กระจายตัวอยู่เต็มไปหมด

เขาค่อยๆ ไต่ลงไปด้วยความระมัดระวัง

จะต้องมีอุทุมพรอยู่ที่ใดที่หนึ่งในทุ่งข้างหน้าแน่ๆ ล่องเมฆมั่นใจเช่นนั้น

แต่แล้วก่อนที่เท้าของล่องเมฆจะทันได้เหยียบผืนดินเบื้องล่าง จู่ๆ ก็เกิดพายุงวงช้างพัดรุนแรง หวิววนเป็นเกลียว เคลื่อนที่ลงมาจากท้องฟ้า พุ่งใส่เขาโดยตรง

‘โอ๊ะ…’

ล่องเมฆร้องเสียงดังเพราะตกใจ ไม่คิดว่าอากาศจะแปรปรวนขึ้นมาโดยกะทันหัน พายุงวงช้างขนาดใหญ่พัดจนเขาเสียหลักล้มกลิ้งไป ครั้นพอตั้งหลักได้ พายุงวงช้างลูกที่สองก็พัดตามมาติดๆ

…เป็นไปได้อย่างไร…

ล่องเมฆนิ่วหน้า พายุงวงช้างไม่ควรเกิดขึ้นที่นี่

จะต้องมีใครอยู่เบื้องหลังพายุนี้อย่างแน่นอน

วื้ดดดดดด

วื้ดดดดดดดดด

เสียงพายุหมุนหวิววนรุนแรง สมุนไพรเลือดมังกรบริเวณที่พายุผ่านไป ถูกแรงลมพัดขุดรากถอนโคน ปลิวกระจุยกระจาย

ล่องเมฆทิ้งตัวหลบพายุงวงช้างลูกที่สองไปได้อย่างหวุดหวิด ลุกขึ้นมายังไม่ทันตั้งหลัก พายุงวงช้างลูกที่สามและสี่ก็พัดตามกันมา มีจุดมุ่งหมายโจมตีตัวของเขาโดยเฉพาะ

ล่องเมฆนิ่วหน้า บอกกับตัวเองว่าไม่ได้การ เขากำลังเป็นเป้านิ่ง ขืนวิ่งหลบไปหลบมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะหนีพายุไปได้อีกกี่ลูก เพราะดูเหมือนกับ ‘ใคร’ บางคนที่ส่งพายุมาโจมตี ย่อมไม่ปล่อยให้เขารอดไปได้ง่ายๆ เป็นแน่

น้องชายของลิ่วลมหลับตานิ่ง รวบรวมสมาธิ ยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปาก ก่อนจะเป่าลมพรวดออกไป ทำท่าเหมือนคนกำลังผิวปาก หากลมที่ชายหนุ่มพ่นออกมานั้นหาใช่ลมจากการผิวปากธรรมดาไม่ แต่กลับหมุนวนเป็นเกลียววงกลม กลุ่มลมขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และทวีกำลังจนกลายเป็นพายุขนาดย่อม พุ่งเข้าใส่พายุงวงช้างสองลูกที่หมุนตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

ลมปะทะลม

พายุปะทะพายุ

แรงพายุที่ล่องเมฆเป่าออกไปนั้น ทรงพลังมากพอจะทำให้พายุงวงช้างทั้งสองลูกแตกกระจาย สลายไปอย่างรวดเร็ว

ล่องเมฆจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาวิเคราะห์ เขาอ้าปากหายใจหอบเหนื่อย เพราะใช้พลังไปมาก…

ใช่…

เขาสร้างพายุได้

นอกจากสร้างพายุแล้ว เขายังสร้างลม สร้างฝนได้อีกด้วย

ล่องเมฆไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขามีความสามารถควบคุมลมฟ้าอากาศ และสร้างลม สร้างเมฆ สร้างฝนได้

ครอบครัวของเขาออกจะพิเศษ ไม่เหมือนครอบครัวอื่น

รินดารา พี่สาวของเขาสื่อสารกับสัตว์ได้ ลิ่วลมพี่ชายฝาแฝดของเขามองเห็นอนาคต จะมีเพียงเริงตะวันและเรืองนภา พี่คนที่สองและสามของเขาเท่านั้นที่ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติอะไร

เขารู้พลังของตัวเองตอนที่หมู่บ้านเกิดฝนแล้ง แล้วพ่อกับแม่ปรึกษากันด้วยความหนักใจ เพราะพืชผลที่ปลูกในไร่กำลังจะตาย ชาวบ้านเตรียมทำพิธีแห่นางแมวตามความเชื่อของท้องถิ่น วันนั้นล่องเมฆบอกกับแม่ว่าตอนค่ำ เขาจะทำให้ฝนตก ตอนนั้นพ่อกับแม่ได้แต่หัวเราะด้วยความขบขัน เพราะนึกว่าล่องเมฆพูดเล่น

ครั้นพอตกค่ำ ฝนก็ตกลงมาที่หมู่บ้านจริงๆ

แม่ถามเขาว่าทำได้อย่างไร

ล่องเมฆตอบแม่ไปซื่อๆ ว่า เขาแค่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หลับตาแล้วจินตนาการว่ามีเมฆฝน และเม็ดฝนที่ค่อยๆ โรยตัวลงมา

แน่นอน…แม่ไม่เชื่อในทันที

ล่องเมฆจึงพิสูจน์ให้แม่เห็นด้วยการสร้างลมหมุนขนาดเล็กให้ดู

เขาแค่หลับตา และนึกถึงลมหมุน…

แล้วมันก็เกิดขึ้น

ล่องเมฆเห็นแม่หันไปมองหน้ากับพ่อ ทั้งสองพูดอะไรบางอย่างกันอยู่นาน สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ในที่สุด พ่อและแม่ก็หันมายิ้มให้กับล่องเมฆ เอ่ยชมว่าเขาเก่งมากที่ทำแบบนี้ได้ แต่ทั้งพ่อและแม่สั่งห้ามไม่ให้ล่องเมฆบอกใครๆ เรื่องที่เขาควบคุมลมฟ้าอากาศได้ ห้ามคนนอกครอบครัวรู้เรื่องนี้เด็ดขาด เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา

ล่องเมฆเชื่อฟังพ่อแม่เป็นอย่างดี เขาจึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าเขามีความสามารถอะไร เช่นเดียวกับรินดาราและลิ่วลม…สองคนนั้นก็ไม่เคยบอกคนอื่นเช่นกัน

แม้ไม่เคยบอกให้ใครรู้ แต่ล่องเมฆก็ไม่ได้ละเลยความสามารถของตัวเอง เขาคอยฝึกฝนมันอยู่เสมอ และเมื่อเติบใหญ่ขึ้นล่องเมฆก็พบว่าเขาควบคุมอากาศด้วยความชำนาญมากขึ้นตามวัย

และวันนี้ เขาก็ได้ใช้มันต่อสู่กับ ‘ใคร’ บางคน ที่ส่งฝนและพายุงวงช้างมาทำร้ายเขาก่อน

ใครคนนั้นพยายามจะหยุดยั้งเขา ไม่ให้ก้าวลงไปในหุบเหวตรงหน้า

เขากวาดสายตามองไปรอบๆ พยายามหาว่าเป็น ‘ใคร’ ทว่าหาไม่พบ

ล่องเมฆคิดว่าการที่ใครคนนั้นพยายามจะหยุดยั้งเขา น่าจะมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือไม่อยากให้เขาพบดอกอุทุมพร

ดังนั้น ถ้าเขายังพยายามค้นหาดอกอุทุมพร ศัตรูในเงามืดจะต้องเปิดเผยตัวเองออกมาอย่างแน่นอน

ตัดสินใจดังนั้น ล่องเมฆก็ไม่สนใจอะไรอีก เขายังก้มๆ เงยๆ ตามโขดหินขนาดใหญ่ เพื่อหาว่ามีดอกไม้ทิพย์เจริญเติบโตขึ้นหรือไม่

ล่องเมฆยังคงเดินหน้าไปเรื่อยๆ และเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง เมื่อแดดที่ทอแสงแรงกล้ากลับหรุบหาย กลายเป็นเงามืดเกิดขึ้นโดยกะทันหัน

เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เงามืดนั้นปรากฏอยู่เฉพาะแค่บริเวณที่เขายืนอยู่ เหมือนมีใครกางร่มขนาดยักษ์บังแดดอยู่เหนือศีรษะของเขา

ครั้นเมื่อล่องเมฆเงยหน้าขึ้นมอง…เขาก็ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…

ได้เห็นว่า ‘ใคร’ คนนั้น คือ ‘ใคร’

ดวงตาของเขาจ้องมองดวงตาสีเขียวเข้มของผู้ที่อยู่เหนือศีรษะของเขาแน่วนิ่ง

เนื้อตัวของล่องเมฆชาวาบ เพราะไม่คิดว่าในชีวิต…จะได้เห็นสิ่งนี้มาก่อน…

อูดุมบารา หรือดอกอุทุมพร ดอกไม้ทิพย์…ก็ว่ามหัศจรรย์แล้ว

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าในตอนนั้น…มหัศจรรย์กว่าอะไรทั้งหมด!

 



Don`t copy text!