รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน

รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

หนึ่งปีผ่านไป หลังจากวันที่สรวิชญ์และรินรดาตกลงคบกันเป็นแฟน จนรินรดาขึ้นชั้นปีที่สาม ส่วนสรวิชญ์ขึ้นชั้นปีที่สี่ ทั้งสองคบกันเป็นแฟนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สรวิชญ์จะรบเร้าให้หญิงสาวย้ายมาอยู่กับตัวเองที่คอนโดฯ

หากหญิงสาวก็ทำเพียงมานอนที่คอนโดฯ ของเขาบ้างเป็นครั้งคราว โดยอ้างเหตุผลง่ายๆ ว่าข้าวของของเธอเยอะทำให้ไม่อยากขนของย้ายหอ อีกอย่างเวลาที่เธอต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือเตรียมสอน เธอต้องใช้สมาธิไม่ชอบให้ใครกวน ด้วยเหตุนี้ สรวิชญ์จึงต้องสลับมานอนที่หอของเธอบ้างในบางครั้ง

สิ่งที่ผิดคาดสำหรับสรวิชญ์คือ ในตอนแรกเขาคิดเพียงว่าจะจีบรินรดาเพื่อเอาชนะ แต่หลังจากที่เขาจีบเธอติด เขากลับเริ่มรู้สึกชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะคบเป็นแฟนไม่นาน พอเบื่อก็ขอเลิกเหมือนคนอื่นๆ แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขากลับคบเธอนานกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา

 แต่สำหรับรินรดา สรวิชญ์คือผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเธอ ที่เธอรู้สึกว่า เธอจะรักและซื่อสัตย์กับเขาตลอดไป

 

กลางดึกคืนหนึ่ง ณ คอนโดฯ ของสรวิชญ์ รินรดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อไม่เห็นชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงข้างเธออย่างที่ควรจะเป็น หญิงสาวก็นึกแปลกใจ เธอลุกขึ้นเดินไปตามหาเขา แต่เมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนออกมา เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังแว่วมาจากด้านนอกโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต

แม้เสียงไม่ได้ดังมาก หากก็ดังพอที่เธอจะจับใจความได้ รินรดาพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เมื่อแอบเห็นกริยาเคร่งเครียดของอีกฝ่าย

“อะไรนะ! ท้องเนี่ยนะกีต้าร์” รินรดาชะงักกึก “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว จะท้องได้ยังไง เราไม่เชื่อเด็ดขาด”

คำว่า ‘ท้อง’ ที่หลุดจากปากของคนรัก ทำเอาคนแอบฟังหลังประตูห้องนอนเข่าอ่อนจนทรุดไปกองอยู่ที่พื้น รินรดาไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่บนพื้นนานเท่าไร จนกระทั่งสรวิชญ์วางสายโทรศัพท์ไปก่อนจะขว้างโทรศัพท์ในมือไปที่พื้นแตกกระจายด้วยความหงุดหงิด

‘นี่มันหมายความว่าอะไรกัน’

หญิงสาวสูดหายใจเฮือกใหญ่พยายามรวบรวมสติ เธอได้แต่บอกตัวเองให้เข้มแข็งกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เธออาจจะหูฝาดไปก็เป็นได้ ก่อนจะฝืนตัวเองเปิดประตูไปหาคนรักที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่บนโซฟาด้วยความกลัดกลุ้ม โดยมีเศษเครื่องโทรศัพท์มือถือกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางอยู่ไม่ห่างมากนัก

รินรดาเดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับก้มเก็บเศษโทรศัพท์มาประกอบไว้ดังเดิม แต่ดูเหมือนว่า โทรศัพท์ของเขาเครื่องนี้จะเปิดไม่ติดอีกแล้ว

“พี่ต้น โทรศัพท์น่าจะพังแล้วค่ะ”

แทนที่เขาจะพูดสนทนาอะไรต่อ เขากลับถามเธออย่างคนรู้ทัน

“ระรินได้ยินพี่คุยโทรศัพท์หมดแล้วใช่ไหม”

“ค่ะพี่ต้น เมื่อกี้มันเรื่องอะไรกันคะ”

“พี่ขอโทษนะระริน”

แทนที่สรวิชญ์จะตอบคำถามเธอ เขากลับพร่ำขอโทษขณะที่น้ำตาไหลรินออกมา ไม่หลงเหลือภาพพจน์ผู้ชายหล่อเหลาดีกรีเดือนมหาลัยอย่างที่เคยเป็นมา รินรดาได้แต่มองภาพคนรักตรงหน้าก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆ รินไหลด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เธอไม่คิดเลยค่ำคืนนี้เธอจะต้องตื่นขึ้นมาได้ยินเรื่องไม่คาดฝัน

สุดท้ายเธอก็เดินตามรอยที่แม่เคยเตือนไว้

“พี่ต้น พี่ต้นอย่าเอาแต่ร้องไห้สิคะ พี่ต้นมีอะไรเล่าให้ระรินฟังได้ พี่ก็รู้ระรินรับได้ทุกอย่าง”

“จริง เหรอครับ หนูรับได้ทุกอย่างจริงๆ เหรอครับ”

“ค่ะ ขอแค่พี่พูดความจริง ไม่โกหกกัน”

รินรดาฝืนยิ้มเย็นเฉียบ ทำเอาสรวิชญ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง ตลอดระยะเวลาที่เขาคบกับรินรดาเป็นแฟน เธอทำให้เขาอยากกลับมาเป็นคนดี รักเดียวใจเดียว เป็นแฟนที่ดีให้สมกับที่หญิงสาวรักและดูแลเขามาตลอด

แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจ เมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นจนได้ และเขาไม่คิดว่าผลของการพลาดเพราะเมาเพียงแค่ครั้งเดียว มันจะมาตามหลอกหลอนเขาในวันนี้

“เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอคะ”

“เมื่อกี้กีต้าร์โทรมา บอกว่าท้องได้สองเดือนแล้ว ท้องกับพี่…”

สรวิชญ์อยากจะโกหกหรือหาข้ออ้างไม่พูดความจริง แต่การที่เธอแอบฟังเขา ทำให้เขาตระหนักได้ว่าไม่สามารถแถได้อย่างที่ควรจะเป็น เขาจำต้องพูดความจริงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่รินรดาพอได้ฟังก็นิ่งงันไปพักใหญ่ เธอภาวนาให้เรื่องที่เขากำลังเล่าเป็นเรื่องโกหก หากสีหน้าของเขาดูจริงจังเป็นการตอกย้ำว่า สิ่งที่พูดมาเป็นความจริงทุกประการ

“ท้องกับพี่ต้น ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงแหบพร่าแผ่วเบา ราวกับจะกลืนหายไปในลำคอ ก่อนที่หยาดน้ำตาอุ่นๆ จะเริ่มไหลรินออกมา

“เทอมที่แล้ว หลังสอบเสร็จวันสุดท้าย วันนั้นพี่ไปเที่ยวกลางคืนกับไอ้เอก ส่วนหนูนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ พี่กินเหล้าเมาหนักมากพอรู้สึกตัวอีกที พี่ก็ตื่นมาบนเตียงในห้องนอนของกีต้าร์แล้ว แต่หนูต้องเชื่อพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่แค่พลาดไปเพราะเมาแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่พี่คบกับหนูเป็นแฟน พี่ก็ไม่เคยนอกกายนอกใจหนูเลย จริงอยู่ พี่อาจจะนอกกายหนูไปบ้าง แต่ก็แค่ครั้งเดียวนี่ละ พี่ไม่เคยคิดที่จะมีผู้หญิงคนอื่นเลย”

“แค่ครั้งเดียว นอกกายแค่ครั้งเดียว พี่ต้นทำได้ยังไงกันคะ”

“คืนนั้นพี่เมา พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ก็ไม่ได้ยุ่งกับกีต้าร์อีกเลย”

“พี่เขาท้องได้กี่เดือนแล้วคะ”

“สองเดือน”

“สองเดือน…ที่พี่โกหก สองเดือนที่พี่ปิดบังความจริงนี้ไว้ นี่ถ้าคืนนี้หนูไม่บังเอิญมาได้ยินพี่คุยโทรศัพท์ พี่คิดจะเล่าเรื่องจริงให้ฟังไหม”

“พี่ไม่ได้โกหกนะ พี่ก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อกี้เหมือนกันว่ากีต้าร์ท้องกับพี่ พี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษจริงๆ หนูยกโทษให้พี่ได้ไหม ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

“มันจะไม่มีครั้งต่อไปแล้วค่ะพี่ต้น เพราะระรินจะไปจากที่นี่” สรวิชญ์ใจหายวาบ รีบคว้าแขนเธอไว้อย่างตกใจ

“หนูอย่าไปเลยนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหนู ไหนหนูบอกว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรหนูก็รับได้หมดทุกเรื่อง แค่พี่พลาดไปครั้งเดียวเอง หนูจะให้อภัยพี่ไม่ได้เชียวเหรอ”

“ไม่ได้ค่ะ หนูเคยบอกพี่แล้วนะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทำผิดแค่ไหน หนูให้อภัยได้ รับได้หมด แต่หนูขอแค่เรื่องเดียว เรื่องเจ้าชู้นอกใจ เรื่องเดียวแค่นี้พี่ต้นให้หนูไม่ได้เหรอคะ แล้วคำว่ารักที่ออกจากปากพี่ หนูจะเชื่อพี่ได้แค่ไหน คำไหนบ้างที่หนูเชื่อพี่ได้ หรือว่าทั้งหมดที่พี่พูดมาล้วนเป็นคำหลอกลวง ไม่เคยมีคำจริงเลย”

รินรดาต่อว่าทั้งน้ำตา จนสรวิชญ์พูดไม่ออก ต้องรีบเข้ามาโอบกอดร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยแรงสะอื้นไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่หญิงสาวจะสะบัดตัวหลุดออกมาจากวงแขน

“ระริน พี่ไม่เคยโกหกหนูเลย เราคบกันมาปีกว่าแล้วนะ ถ้าพี่ไม่รักหนูจริงๆ เราจะอยู่ด้วยกันมาได้ขนาดนี้เหรอ”

“แต่พี่ต้นก็ไม่ได้มีแค่หนูคนเดียว กับพี่กีต้าร์ พี่คบกันมานานหรือยังคะ หรือว่า…พี่คบพร้อมกันทั้งสองคน”

“ระรินก็รู้ดี ตั้งแต่พี่คบหนูเป็นแฟน พี่ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ส่วนกีต้าร์ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน มีแค่คืนนั้นคืนเดียว ที่บังเอิญไปเจอกันในร้านเหล้า รู้อย่างนี้…พี่ไม่น่าไปกินเหล้ากับไอ้เอกเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้”

“พี่ต้น เรื่องใหญ่แบบนี้ หนูคงให้อภัยพี่ไม่ได้”

“แต่พี่รักหนูนะ พี่รักหนูคนเดียว”

“ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน หนูขอแนะนำให้พี่ต้นกลับไปรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น และกลับไปดูแลลูกในฐานะพ่อเถอะค่ะ ส่วนเรื่องของเรา คงต้องจบกันแค่นี้”

“หนูจะเลิกกับพี่เหรอ ไม่เอา พี่ไม่อยากเลิกกับหนู พี่อยากอยู่กับหนู พี่ไม่ได้อยากไปอยู่กับคนอื่น”

“แต่คนอื่นที่พี่พูดถึง คือผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่ของลูกพี่นะคะ อีกอย่างหลังจากคืนที่พี่นอกกาย มันก็เหมือนพี่ทรยศกับความรักของระริน เรื่องของเรา ให้มันจบเสียแต่วันนี้เถอะนะคะ”

สรวิชญ์เข้ากอดรั้งร่างบางพยายามยื้อยุดไม่ให้เธอเดินหนีไป แต่รินรดารวบรวมแรงทั้งหมดที่มีสลัดจนหลุดจากวงแขนได้ก็รีบวิ่งออกไปนอกห้องทั้งชุดนอน

“หนู อย่าไป อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ พี่รักหนูจริงๆ ระริน พี่ขอโทษ อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ”

เป็นครั้งแรกที่สรวิชญ์ร่ำไห้เสียใจจนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือด ความอัดอั้นตันใจที่คนรักเดินจากไป ชายหนุ่มรู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนหัวใจของเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับว่า ความพยายามที่ผ่านมาของเขาจะเปล่าประโยชน์ เพราะเขาต้องเลิกกับรินรดาด้วยการกระทำของตัวเอง

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่เขาประมาทเลินเล่อจนปล่อยให้อารมณ์และความเมาครอบงำได้สำเร็จ

“ระรินอย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ”

ชายหนุ่มพร่ำเพ้ออยู่ในห้องอย่างทุกข์ทรมาน ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะโดนผู้หญิงทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ คาสโนวาอย่างเขาผู้ไม่เคยปักใจกับผู้หญิงคนไหน กลับถูกถอดเขี้ยวเล็บหมดสภาพโดยผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อรินรดา หญิงสาวที่เขาดูถูกเธอตั้งแต่แรกเริ่มว่าเล่นตัว แล้วเขาต้องการจีบเพื่อเอาชนะ แล้วยังไงล่ะ…

ผู้หญิงที่เล่นตัวคนนั้น กลับทิ้งเขาจนหมดรูปในวันนี้

สรวิชญ์เพิ่งรู้หัวใจของตัวเองเดี๋ยวนี้เองว่า เขารักรินรดาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

เพราะในวินาทีที่เธอทิ้งเขาไป ยิ่งเขาเห็นน้ำตาและความเจ็บช้ำน้ำใจจากคนรัก เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด จนอยากโอบกอดเธอเหมือนอย่างที่ผ่านมา

ผ่านไปพักใหญ่ สรวิชญ์จึงตั้งสติได้ เมื่อนึกขึ้นว่า เมื่อครู่รินรดาวิ่งผลุนผลันออกไปจากห้องในชุดนอนโดยไม่มีแม้แต่รองเท้าใส่ออกไป หรือแม้แต่กระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือ เขารู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวจับใจ รีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะคว้ากุญแจรถได้ก็รีบออกไปตามหาเธอทันที

“ระรินพี่ขอโทษ กลับมาหาพี่เถอะนะ”

สรวิชญ์พร่ำพูดขณะที่ขับรถตามหาหญิงสาวไปบนท้องถนน ขณะที่สายตาก็คอยสอดส่องมองหาร่างบางด้วยหวังลึกๆ ในใจว่าเขาจะหาเธอเจอและขอคืนดีได้ในที่สุด

ทางด้านรินรดาที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งทั้งชุดนอนกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวโดยไม่สวมรองเท้า เธอก้าวไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายทั้งน้ำตานองหน้า รินรดาไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหน เธอรู้แต่เพียงว่า เธอต้องรีบไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากคอนโดฯ แห่งนี้

ไปให้พ้นจากคนโกหกหลอกลวง

ไปให้พ้นจากคนหลายใจ

ไปให้พ้นจากคนใจร้ายเช่นเขา

หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทั้งน้ำตาที่บดบังทุกสิ่งให้พร่าเลือน จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อย จึงทรุดนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ โดยไม่สนใจความเจ็บปวดจากฝ่าเท้าที่เริ่มเป็นแผลแตก

‘พี่ต้น ทำไมพี่ต้นทำแบบนี้ พี่ต้นไม่รักระรินแล้วใช่ไหม’

แม้หญิงสาวจะรักเขามากสักเพียงใด แต่การกระทำของสรวิชญ์ในครั้งนี้ ทำให้บาดแผลเก่าในใจเรื่องพ่อแม่ของรินรดากลับมาหลอกหลอนหญิงสาวอีกครั้ง…

เธอรักเขา ไม่อยากเลิกกับเขา อยากให้อภัยเขา หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วกลับไปคบกับเขาเหมือนเดิม

แต่ว่า…เธอไม่อาจทำใจยอมรับกับความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้ เธอจะเห็นแก่ตัวยื้อแย่งเขามาได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นกำลังมีลูกกับเขา ส่วนเธอก็เป็นแค่แฟน ไม่ได้มีพันธะผูกพันอะไร

หากเธอยึดเขาไว้เหมือนคนเห็นแก่ตัว เด็กที่อยู่ในท้องก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้าเหมือนอย่างที่เธอเคยเป็น หญิงสาวไม่ต้องการให้เด็กบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมารับกรรมเพราะผลของการกระทำจากผู้ใหญ่

เรื่องระหว่างคนสามคน แค่เธอตัดสินใจเดินออกมา มีเธอเสียใจคนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องเกิดมาไม่มีพ่อ เด็กคนนั้นควรจะได้มีโอกาสเติบโตพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก…

ทว่าความคิดของรินรดาก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อจู่ๆ อาการปวดท้องหน่วงหนักก็ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเอามือทั้งสองกุมหน้าท้องเอาไว้พยายามข่มความเจ็บปวด จังหวะนั้นเอง รถเก๋งแปลกตาก็แล่นมาจอดอยู่เบื้องหน้า พร้อมเจตต์ที่เดินลงมาจากรถมองเธอด้วยความแปลกใจ

“อ้าว! ระรินเองเหรอ ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว มันอันตรายมากเลยนะ แล้วทำไมอยู่ในชุดนอนไม่ใส่รองเท้าแบบนี้ล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เจตต์ เดี๋ยวระรินก็กลับแล้ว แล้วพี่เจตต์ไปไหนมาเหรอคะ”

“อ๋อ พอดีที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย นี่พี่กำลังจะกลับไปนอนที่คอนโด ว่าแต่…น้องระรินยังไม่ตอบพี่เลย ทำไมถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้”

หญิงสาวพยายามหันหน้าหนีหลบสายตาอีกฝ่าย ก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ทว่าก็ไม่ทันเมื่อสายตาคมของเขามองเห็นรอยน้ำตาได้ทันก่อนจะเหือดแห้งไป

“โอเค ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร งั้นเอาอย่างนี้ ระรินจะไปไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง ไม่ต้องห่วงหรอก คืนนี้พี่มีคนขับรถให้ พี่ไม่ทำอันตรายหรอก”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ ขอบคุณนะคะ ระรินกลับเองได้” พูดจบรินรดาก็ผุดลุกขึ้น ทว่าจู่ๆ อาการปวดท้องของเธอก็หนักเกินกว่าจะทานทน หญิงสาวทรุดฮวบหมดสติไปทันที

โชคดีที่ร่างบางถูกวงแขนแข็งแกร่งของเจตต์รับไว้ได้ทันท่วงที ใบหน้าซีดเผือดพร้อมเลือดที่เปื้อนไหลมาจากบริเวณกลางลำตัวและบาดแผลที่ฝ่าเท้า ทำให้ชายหนุ่มตกใจ รีบอุ้มรินรดาขึ้นก่อนจะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

“ลุงโชค รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเลยครับ”

“ครับ คุณหนู”

สิ้นคำสั่งของผู้เป็นนาย โชคก็ขับรถพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าทันที

“ระริน พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ระรินต้องไม่เป็นไรนะ เข้าใจไหม” เขาพยายามปลุกเธอให้ฟื้นขึ้นมาด้วยหัวใจร้อนรุ่ม หากคนในอ้อมกอดของเขากลับไม่รู้สึกตัว

แม้ระยะทางไปโรงพยาบาลจะกินเวลาไม่นาน แต่สำหรับเจตต์แล้ว กลับนานจนเหมือนใช้เวลาเป็นชาติ…

 

เช้าวันรุ่งขึ้น รินรดารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบห้องเมื่อเห็นสถานที่ไม่คุ้นเคยก็นึกสงสัย ก่อนสายตาจะสะดุดเข้ากับขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่ไม่ไกลและใครสักคนที่กำลังฟุบหลับอยู่ข้างเตียง

อาการขยับตัวของเธอเพียงนิด ปลุกคนที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทันทีที่เขาเห็นเธอลืมตาฟื้นขึ้นมาเจตต์ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“น้องระรินฟื้นแล้วเหรอ”

“พี่เจตต์ ทำไมระรินมาอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นคะ”

“เมื่อคืนพี่เห็นระรินนั่งอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมล์ พี่เลยลงไปหา แต่ระรินก็เป็นลมแล้วก็มีเลือดออกมา พี่ก็เลยรีบพามาโรงพยาบาลนี่แหละ”

“โรงพยาบาลเหรอคะ” หญิงสาวพึมพำ “ขอบคุณมากนะคะพี่เจตต์”

“ด้วยความยินดีครับ”

เขาส่งยิ้มอบอุ่นปลอบโยนหัวใจให้กับรินรดา ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นและถูกเปิดออก โดยมีพรพรรณและกนกอรเดินเข้ามา

“ระริน เป็นยังไงบ้างลูก นี่พอน้ารู้ข่าวก็รีบมาเลย”

“ดีนะ ฉันโทรหาแกแต่พี่เจตต์เป็นคนรับสาย ฉันถึงรู้เรื่อง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมแกอยู่ในสภาพนี้ แล้วพี่ต้นล่ะ พี่ต้นรู้เรื่องหรือยัง”

ชื่อของสรวิชญ์สะกิดใจทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง จนรินรดาน้ำตารื้นออกมาก่อนจะรีบปาดทิ้ง แล้วแข็งใจบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อย่าพูดถึงเขาอีกเลย เราเลิกกับพี่ต้นแล้วละ”

“อะไรนะ!”

กนกอรอุทานด้วยความตกใจ ขณะที่เจตต์ถึงกับเงียบงัน ส่วนพรพรรณรีบตรงเข้าไปโอบกอดหลานสาวไว้แนบอกด้วยความเข้าใจ

ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของพรพรรณ มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่นของน้าสาวที่ปลอบโยนเธอในยามนี้ ทำให้รินรดาที่พยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งต้องปล่อยโฮออกมาอย่างแพ้พ่าย ทำให้เจตต์และกนกอรต่างพากันไปนั่งเงียบบนโซฟาด้วยสีหน้านิ่งงัน โดยเฉพาะเจตต์ เขาเฝ้ามองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลึกซึ้ง

เวลาผ่านไปพักใหญ่ รินรดาก็ค่อยๆ คลายสะอื้น และกลับมาสงบลงเหมือนเดิม

“น้าอ้อย ระรินไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

“ไม่เป็นไรนะระริน เป็นเรื่องธรรมดา เป็นแฟนกันได้ก็เลิกกันได้ แต่ไม่ว่ายังไง น้าก็ยังอยู่ตรงนี้กับระรินนะ หนูไม่ได้ตัวคนเดียวรู้ไหมลูก”

“ขอบคุณค่ะน้าอ้อย”

“ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเลิกกันได้ เมื่อวานแกกับพี่ต้นยังคุยกันดีๆ อยู่เลยนี่นา”

“เมื่อคืน ฉันเพิ่งรู้เรื่อง มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตั้งท้องลูกของพี่ต้น”

“อะไรนะ” กนกอรอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่พรพรรณลูบศีรษะหลานสาวอย่างเข้าใจ

“หนูกับเขาก็เลยเลิกกันใช่ไหมลูก”

“ค่ะน้าอ้อย หนูไม่อยากทำให้เด็กบริสุทธิ์ต้องกำพร้าพ่อเหมือนอย่างที่หนูเคยเป็น”

“ไม่เป็นไรนะระริน ไม่ว่าหนูจะเลือกทางไหน น้าเชื่อว่า หนูได้คิดและตัดสินใจดีแล้วนะลูก”

“ขอบคุณนะคะน้าอ้อย” รินรดามองน้าสาวยิ้มให้ทั้งน้ำตา

หัวใจของเธอตอนนี้บอบช้ำยิ่งกว่าร่างกายหลายเท่า แต่ที่ยิ้มได้ก็เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างเป็นห่วงเท่านั้น

 



Don`t copy text!