รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง

รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

หนึ่งปีผ่านไป รินรดาใช้เงินสิบล้านที่ได้มาจากการหย่ากับสรวิชญ์ ส่วนหนึ่งจ่ายค่าบ้านและรถจนหมดหนี้สิน แล้วยังเหลือเงินจำนวนหนึ่ง เธอแบ่งเงินออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับค่าเล่าเรียนของน้ำฟ้าในอนาคต อีกส่วนหนึ่งสำหรับร่วมลงทุนในสถาบันกนกรดา และอีกก้อนหนึ่งสำหรับเงินเก็บสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน

หญิงสาวตั้งใจทำงานเพื่อลูก โดยมีน้าสาวคอยอยู่ช่วยดูแลน้ำฟ้าอีกแรง ขณะที่เจตต์คอยช่วยเป็นกำลังใจ และเข้ามาร่วมหุ้นลงทุนกิจการสอนพิเศษจนสามารถขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัดได้เป็นผลสำเร็จ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของเจตต์และรินรดางอกงามขึ้นเรื่อยๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันระหว่างกัน แม้แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

เสียงออดหน้าประตูรั้วดังขึ้นในคืนหนึ่ง ก่อนที่พรพรรณจะไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเห็นเจตต์ เธอขยับจะทักขึ้นด้วยความดีใจ หากอีกฝ่ายกลับทำมือจุปากแล้วพูดกระซิบขึ้น

“น้าอ้อยอย่าเพิ่งเรียกครับ ผมอยากเซอร์ไพรส์” พรพรรณอมยิ้มพยักหน้าก่อนจะปิดประตูรั้ว เมื่อชายหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเดินเข้ามาในรั้วบ้าน

“น้าอ้อยใครมาเหรอคะ” เสียงหวานของรินรดาตะโกนถามมาจากในบ้าน ก่อนที่เด็กน้อยจะโผล่หน้าออกมาจากประตู ทันทีที่น้ำฟ้าเห็นเจตต์ เธอก็ตะโกนพร้อมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

“ลุงเจตต์มาแล้ว เย้! ลุงเจตต์กลับมาแล้ว”

“เป็นยังไงบ้างนางฟ้าของลุง ตอนลุงไม่อยู่หนูเป็นเด็กดีไหมคะ” เขาถามพลางเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนจะวางข้าวของในมือลง แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นในวงแขน

“หนูเป็นเด็กดีค่ะ หนูทำตามที่ลุงเจตต์สอนทุกอย่าง ไหนล่ะคะ ของฝากของหนู” เด็กหญิงทวงของฝากหน้าตาเฉยทำให้รินรดาที่เพิ่งเดินออกมาเห็น อดยิ้มตามให้กับภาพความอบอุ่นระหว่างคนทั้งสองไม่ได้ ก่อนจะเห็นเจตต์วางหนูน้อยลงบนพื้นแล้วกระโดดโลดเต้นรอบๆ ตัวเขาระหว่างที่รอเจตต์แกะของฝาก

“พี่เจตต์กลับมาถึงเมื่อไหร่คะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง”

“ลงเครื่องเสร็จพี่ก็รีบตรงมานี่เลย อยากเอาของฝากมาให้ยัยหนูน่ะสิ ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน พี่ขอฝากท้องที่นี่สักมื้อได้ไหมครับ”

“ได้สิคะ พี่เจตต์อยากกินอะไรดีคะ”

“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่น้องระรินจะเมตตา”

“งั้นไข่เจียวดีไหมคะ ง่ายๆ ไวดีด้วย” รินรดาแกล้งถามยิ้มๆ

“เจตต์กลับมาเหนื่อยๆ จะกินแค่ไข่เจียวได้ยังไงกันล่ะ ระรินนี่ เดี๋ยวน้าไปช่วยทำกับข้าวให้ละกัน เล่นกับหลานไปก่อนนะ น้ำฟ้าหนูอย่าแกล้งคุณลุงนะลูก”

“ค่ะคุณยาย”

เสียงเจื้อยแจ้วรับคำ ก่อนช่วยหยิบจับจนของฝากต่างๆ วางเกลื่อนพื้น ทำให้เจตต์ต้องคอยตามเก็บรวบรวมนำมาวางไว้ให้เป็นระเบียบ

ขณะที่พรพรรณกับรินรดาไปช่วยกันทำกับข้าวในครัว ปล่อยให้เจตต์แกะของฝากจากอังกฤษเป็นขนมหลากหลายชิ้นสำหรับเด็กน้อย พอน้ำฟ้าเห็นก็คว้าเอาไปกินน่าตาเฉย ทำให้เจตต์ต้องรีบกระซิบเตือนทันที

“น้ำฟ้าครับ ลุงให้กินช็อกโกแลตแค่อันเดียวก่อนนะครับ แล้วค่อยไปแปรงฟันนะครับ เดี๋ยวฟันจะผุเอา ถ้าเกิดคุณแม่รู้เข้า ลุงต้องโดนแม่ของหนูดุแน่ๆ เลย พรุ่งนี้ค่อยกินใหม่นะครับ”

“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าชิ้นเดียวมันน้อยเกินไป หนูขออีกชิ้นได้ไหมคะ”

“อีกชิ้นเดียวพอนะครับ”

“ค่ะ”

ดวงตากลมโตออดอ้อนทำให้เจตต์ใจอ่อนยวบต้องยอมแพ้ส่งช็อกโกแลตให้อีกชิ้น เด็กน้อยกินช็อกโกแลตด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนจะวิ่งตื๋อไปหาแม่ในครัว

“คุณแม่ขา ขนมอร่อยมากเลยค่ะ”

“กินขนมตอนนี้ต้องแปรงฟันนะลูก นี่ก็สองทุ่มแล้ว ถึงเวลาเด็กดีต้องเข้านอนนะคะลูก”

“ระรินดูแลเจตต์เถอะลูก เดี๋ยวน้าพายัยหนูเข้านอนเอง ไปน้ำฟ้า วันนี้เข้านอนกับยายนะคะ”

“ว้า หนูยังไม่ง่วงเลย ยังไม่ได้เล่นกับลุงเจตต์เลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยเล่นกันก็ได้”

“จริงๆ นะคะ”

“ครับ”

“แปรงฟันให้สะอาดด้วยนะลูก” รินรดาไม่วายตะโกนสำทับไปอีกครั้ง

“ค่าคุณแม่”

“คุณยายขา คุณยายเล่านิทานให้หนูฟังด้วยนะคะ”

“จ้า เดี๋ยวยายเล่าให้ฟังนะ”

พรพรรณจูงมือน้ำฟ้าเดินขึ้นบันไดก่อนที่เสียงเจื้อยแจ้วจะค่อยๆ จางหายไป

ไม่นานนักกับข้าวง่ายๆ ก็ทำเสร็จโดยฝีมือของรินรดา เธอยกจานไข่เจียวง่ายๆ กับต้มจืดผักกาดขาว เต้าหู้หมูสับ ออกมาตั้งบนโต๊ะอาหาร

“อื้อหือ ไปอังกฤษสองอาทิตย์ คิดถึงอาหารฝีมือน้องระรินมากเลยครับ”

“แหม นานๆ ระรินถึงจะทำกับข้าวค่ะ ส่วนใหญ่ที่บ้านตอนนี้เป็นน้าอ้อยทำกับข้าวให้กินค่ะ ถ้าพี่เจตต์อยากกินฝีมือระริน คงจะได้แค่ไข่เจียวหรือไข่ดาวอาหารง่ายๆ ในตอนนี้ ส่วนต้มจืดนี่ น้าอ้อยช่วยทำเมื่อกี้ รีบกันแทบแย่ กลัวคนรอจะหิวจนท้องร้อง”

“พี่ต้องขอบคุณน้องระรินและน้าอ้อยด้วยนะครับ ไม่งั้นคืนนี้พี่จะต้องนอนหิวแน่ๆ แต่รู้ไหมครับ ไปอังกฤษรอบนี้ พี่คิดถึงน้องระรินมาก จนอยากพามาเที่ยวอังกฤษด้วยกัน”

“พี่เจตต์ก็รู้ว่าระรินงานยุ่งมาก ไหนจะต้องดูแลลูกอีก คงจะปลีกตัวไปไหนลำบากหน่อย”

“ไม่เห็นยากเลย ก็ลางานสักสัปดาห์ ฝากน้องอรทำงานสักอาทิตย์ ส่วนน้ำฟ้ากับน้าอ้อยก็พาไปเที่ยวด้วยกันเสียเลย แต่ถ้าจะทำแบบนั้นได้ คงต้องรอช่วงน้ำฟ้าปิดเทอมสินะ” เจตต์พูดพลางครุ่นคิดกับตัวเอง

“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่เจตต์ ไปเที่ยวเมืองนอกใช้เงินเยอะจะตาย ระรินเสียดายเงิน กว่าจะหามาได้เหนื่อยสุดๆ”

“เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่ออกให้หมดทุกอย่าง”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ยิ่งเป็นเงินของพี่เจตต์ ระรินก็ไม่เห็นด้วยกับการจะต้องจ่ายเงินเพื่อไปเที่ยวแพงขนาดนี้ ระรินว่าเที่ยวใกล้ๆ ในไทยก็พอค่ะ”

“ก็ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวห้างด้วยกันนะครับ เดี๋ยวตอนเช้าพี่ไปส่งหนูน้ำฟ้าที่โรงเรียน แล้วก็เลยไปส่งน้องระรินที่สถาบันเอง แล้วตอนเย็นพี่ค่อยไปรับหนูน้ำฟ้าและน้องระรินนะครับ พี่อยากพาไปเดินเล่นด้วยกัน หนูน้ำฟ้าจะได้ไปกินไอศกรีมที่ชอบด้วยดีไหมครับ”

“แต่พี่เจตต์จะไม่เหนื่อยเกินไปเหรอคะ จะขับรถไปส่งระรินกับลูก แล้วตอนเย็นก็จะไปรับอีก ระรินเกรงใจค่ะ อันที่จริงระรินขับรถไปเองก็ได้นะคะ”

“อย่าปฏิเสธเลยครับ พี่อยากดูแลน้องระรินกับลูก นี่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน คิดถึงจะแย่”

เจตต์เอื้อมมือมากุมมือเรียวพลางมองเธอด้วยสายตาอบอุ่นเว้าวอน ก่อนที่รินรดาจะยิ้มหวานตอบรับเขาด้วยความเต็มใจ

“ก็ได้ค่ะพี่เจตต์ พรุ่งนี้ตอนเย็นระรินไม่มีสอนพอดีค่ะ”

 

เย็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เจตต์ไปรับน้ำฟ้าที่โรงเรียนเสร็จแล้ว เขาก็ไปรับรินรดาตามที่นัดหมาย ก่อนจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า

เด็กน้อยจูงมือคนทั้งสองไปยังโซนของเล่นตามที่ตัวเองชอบโดยมีเจตต์คอยดูแลไม่ห่าง ก่อนจะเหนื่อยหอบไปนั่งกินไอศกรีมเจ้าโปรดที่หนูน้อยชอบเป็นพิเศษ เขาสั่งไอศกรีมสามถ้วยตามที่แต่ละคนต้องการ

ระหว่างที่กำลังรอไอศกรีมมาเสิร์ฟ รินรดาก็ขอตัวไปห้องน้ำ โดยฝากน้ำฟ้าไว้กับเจตต์

หลังจากที่รินรดาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าคุ้นตาสวมแว่นสีดำ อันใหญ่ แต่พอเธอขยับจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากด้านหลัง

“คุณระรินใช่ไหมคะ” เสียงเรียกทำให้รินรดาชะงักก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

“คุณคือ…”

รินรดาพยายามเพ่งมองใบหน้าซูบหมองคล้ำแต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก จนอีกฝ่ายต้องแนะนำตัว

“ฉันยี่หวาเองค่ะ ฉันคงเปลี่ยนไปมากจนคุณจำไม่ได้สินะคะ”

พออีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออก รินรดาถึงกับชะงักไปอึดใจ

“นี่คุณ…ยี่หวาจริงๆ เหรอคะ”

“ค่ะ ยี่หวาเองค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ ได้เจอคุณระรินที่นี่ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณเยอะเลยค่ะ พอจะมีเวลาให้สักหน่อยได้ไหมคะ”

รินรดามองเวลาในมือถือด้วยความกังวล เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร หากน้ำเสียงของกวินนาถและทีท่าของเธอในตอนนี้ ดูไม่เหมือนกวินนาถผู้เย่อหยิ่งจองหองคนเดิมที่เธอเคยเจอเมื่อครั้งก่อน

“คือ…พอดีฉันมากับลูกน่ะค่ะ”

รินรดาขยับจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นแววตาหม่นเศร้าลงของอีกฝ่าย เธอจึงยอมเปลี่ยนใจ

“งั้นก็ได้ค่ะ เราไปหาที่เงียบๆ นั่งคุยกันไหมคะ เดี๋ยวฉันขอโทรศัพท์สักครู่”

“ได้ค่ะคุณระริน ขอบคุณมากนะคะ”

กวินนาถสวมแว่นกันแดดเหมือนเดิม ขณะที่รินรดาใช้เวลาครู่หนึ่งโทรศัพท์หาเจตต์บอกเล่าเรื่องที่เจอกวินนาถ ก่อนจะฝากน้ำฟ้าไว้กับเขา ระหว่างที่เธอกำลังคุยธุระอยู่กับกวินนาถ

รินรดาเลือกร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งผู้คนไม่พลุกพล่าน ก่อนจะเดินไปนั่งด้านในสุดของร้าน หลังจากทั้งสองสั่งเมนูเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อย พอกวินนาถถอดแว่นกันแดดออก รินรดาก็ยิ่งตกใจ เมื่อมาเห็นอีกฝ่ายในระยะใกล้แบบนี้ แววตาที่เคยทอประกายเชื่อมั่นหยิ่งยโส ในตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองอมทุกข์ แม้แต่รูปร่างก็ซูบผอมจนดูปราศจากราศีของลูกสาวเจ้าของบริษัท

“คุณระรินคงแปลกใจ ทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนี้ใช่ไหมคะ”

“ค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณยี่หวาในสภาพแบบนี้เลยค่ะ”

“ที่ฉันอยากคุยกับคุณระริน เพราะฉันอยากขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาค่ะ”

“คุณยี่หวา…”

“ฉันขอโทษคุณระรินจริงๆ นะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ระรินยกโทษให้นะคะ คุณยี่หวาไม่ต้องคิดมากนะคะ อีกอย่างเรื่องราวมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ชีวิตฉันมีความสุขดีค่ะ”

“คุณเป็นคนดีจริงๆ ฉันนึกว่าคุณจะไม่ให้อภัยฉันเสียอีก ฉันไม่ควรแย่งพี่ต้นไปจากคุณเลย”

เสียงเครือปนสะอื้นด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา ก็พอดีกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เจ้าตัวจึงรีบดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำตาลวกๆ

“คุณระรินรู้ไหมคะ หลังจากพี่ต้นหย่ากับคุณแล้ว ทางครอบครัวของฉันก็ตัดขาดไม่ให้เงินใช้เหมือนเดิม ฉันจึงย้ายไปอยู่กับพี่ต้นที่คอนโด เราสองคนทะเลาะกันบ่อยมาก แล้ววันหนึ่ง เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน หลังจากที่เขาหันไปเล่นการพนัน ตอนแรกได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำจนหนี้รถและคอนโดหมด แต่แทนที่เขาจะหยุด เขากลับติดเล่นการพนันจนเป็นหนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่คอนโดและรถที่มีก็ต้องขายทิ้งจนหมด เราต้องย้ายไปอยู่ห้องเช่าราคาถูกๆ ตอนนั้นเราสองคนลำบากกันมากเลยค่ะ”

“แล้วทำไมคุณยี่หว่าไม่กลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ ระรินเชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนทนเห็นลูกตกระกำลำบากได้แน่ๆ”

“ยี่หวาเคยกลับไปหาแล้วค่ะ แต่คุณพ่อกับคุณแม่มีเงื่อนไข หากจะกลับไปหาท่าน ฉันต้องเลิกกับพี่ต้นก่อน ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่ยอมให้เข้าบ้าน แต่ฉันผิดเองที่ตอนนั้นทำใจเลิกกับพี่ต้นไม่ได้ ไม่รู้อะไรบังตา ทั้งที่เราสองคนอยู่ด้วยกันก็ไม่มีความสุข แต่ฉันก็ไม่กล้าเลิกกับเขา”

รินรดาส่งกระดาษทิชชูให้อีก ขณะที่อีกฝ่ายเล่าต่อพยายามกลั้นสะอื้นเต็มที่

“คุณระรินรู้ไหมคะ หากวันนั้นฉันทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ขอร้อง ชีวิตฉันก็คงไม่ตกต่ำอย่างเช่นทุกวันนี้”

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณยี่หวา”

“หลังจากวันนั้นไม่นาน พี่ต้นก็ขายฉันให้กับเสี่ยที่เขากู้เงินมาเพื่อใช้หนี้พนัน”

“ตายจริง!” รินรดาถึงกับอุทานด้วยความตกตะลึง รู้สึกสงสารกวินนาถจับใจ

“ตอนนั้นฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่ต้นวางยานอนหลับฉันในกับข้าวมื้อเย็นที่เขาลงทุนเข้าครัวทำให้ฉันกินด้วยตัวเอง ตอนแรกฉันก็นึกว่าเขาจะสำนึกผิดกลับตัวกลับใจ ที่ไหนได้กินข้าวยังไม่ทันเสร็จ ฉันก็ไม่รู้ตัวอีกเลยค่ะ พอรู้ตัวอีกที ฉันก็อยู่ในห้องนอนกับไอ้เสี่ยนั่น มันข่มขืนฉัน ทำร้ายฉัน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่หลายครั้งหลายหน”

“และไม่ใช่แค่ไอ้เสี่ยนั่นคนเดียว ยังมีผู้ชายอื่นอีกหลายคนที่มันมาข่มขืนฉัน จะหนีก็หนีไม่ได้ ฉันไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ถูกกักขังราวกับสัตว์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ชีวิตฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น”

กวินนาถร้องไห้สะอึกสะอื้นจนรินรดาต้องกุมมือผอมแห้งให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรแล้วนะคะคุณยี่หวา ว่าแต่คุณยี่หวาออกมาได้ยังไงเหรอคะ”

“ตำรวจค่ะ ตำรวจบุกทลายแก๊งค้ากามข้ามชาติที่เป็นข่าวดังเมื่อไม่นานมานี้ ยี่หวาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ถูกช่วยไว้ได้ทันก่อนจะถูกส่งไปต่างประเทศค่ะ จะว่าโชคดีก็โชคดี จะว่าโชคร้ายก็โชคร้ายนะคะ”

“โชคดีสิคะ โชคดีที่คุณยี่หวาออกมาได้ แล้วตอนนี้คุณยี่หวาพักอยู่ที่ไหนเหรอคะ”

“หลังจากเกิดเรื่อง คุณพ่อกับคุณแม่ก็ให้อภัยยอมให้กลับไปอยู่ที่บ้านแล้วละค่ะ แต่ฉันเองก็ต้องคอยเทียวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช เหตุการณ์ในช่วงนั้นมันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อยากนึกถึง แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพความเลวร้ายยังหลอกหลอนฉันอยู่ทุกวัน”

“แล้วพี่ต้นล่ะคะ”

“มีพวกมันส่วนหนึ่งโดนจับเข้าคุก ส่วนหนึ่งถูกวิสามัญ แต่ในนั้นไม่มีพี่ต้นเลยค่ะ อาจจะหนีไปได้ทัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่คนอย่างมัน สมควรตายมากกว่ามีชีวิตอยู่นะคะ” กวินนาถเอ่ยอย่างแค้นเคืองเมื่อนึกถึงผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งชัง

รินรดาได้ฟังเรื่องราวถึงกับสะท้อนใจ เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เธอเคยรัก เขาจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เพียงเพราะเงินตัวเดียว จนเขาไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

 

หลังจากรินรดากลับมาถึงบ้าน เธอก็นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดอะไรเหมือนอย่างเคย ทำให้เจตต์ที่สังเกตเห็นต้องถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่น้ำฟ้ารีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อนำชุดใหม่ที่เจตต์ซื้อให้ไปอวดพรพรรณ

“น้องระริน คุยกันเรื่องอะไรกับคุณยี่หวาเหรอครับ หรือเขาทำอะไรให้เสียใจหรือเปล่า เห็นเอาแต่นั่งเงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเลย”

รินรดาเล่าเรื่องราวที่เธอรับรู้มาจากกวินนาถให้เจตต์ฟังจนหมด ทำให้เจตต์พอฟังจบถึงกับนั่งอึ้งไปพักใหญ่เพราะไม่คิดว่าอดีตเพื่อนรักจะมีชีวิตตกต่ำและเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปกุมมือเรียวให้กำลังใจ

“พี่เข้าใจครับว่าน้องระรินคงจะสงสาร แต่เราก็ทำได้เพียงเท่านี้ ตอนนี้ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาจะดีจะร้ายก็เพราะตัวเอง ส่วนคุณยี่หวาเขาก็ได้รับผลกรรมด้วยตัวเองแล้ว แม้แต่ไอ้ต้น”

“เสียดายก็แต่ไอ้ต้น อุตส่าห์มีเพชรงามอยู่ในมือแท้ๆ กลับปล่อยให้หลุดมือได้ แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้ต้นนะครับ ถ้ามันไม่หย่ากับน้องระริน พี่ก็คงไม่ได้มีโอกาสได้มาคบหาหรือดูแลน้องระรินกับลูกแบบนี้”

“เดี๋ยวนะคะพี่เจตต์ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะคะ”

“เหรอครับ…พี่เข้าใจว่าเรากำลังคบกันเป็นแฟนอยู่เสียอีก ดูอย่างวันนี้สิ เวลาเดินด้วยกันที่ห้าง เหมือนพ่อแม่พาลูกไปเที่ยวเลยเนอะ”

การเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย

“เอ่อ…ระรินว่า ระรินเข้าบ้านดีกว่าค่ะ”

รินรดาขยับจะลงจากรถ หากเจตต์กับรั้งข้อมือไว้ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด

“พี่อาจไม่ใช่คนหวาน ชีวิตพี่มีแต่งาน น้องระรินก็เห็น ตั้งแต่พี่ได้มาเจอน้องระรินอีกครั้ง ชีวิตพี่กลับมีชีวิตชีวา เพราะระรินกับลูกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพี่”

หญิงสาวดึงตัวเองออกมาจากอ้อมกอด ก่อนจะพูดกับเขาอย่างแผ่วเบา พลางหลบสายตาด้วยความเขินอาย

“เอ่อ…ระรินขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ ป่านนี้น้าอ้อยรอแย่แล้ว”

ไม่ทันขาดคำรินรดาก็รีบลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้เจตต์มองตามหลังอย่างนึกขันระคนเอ็นดู แม้ตอนนี้รินรดาจะเข้าสู่วัยสามสิบแล้ว แต่สำหรับเขายิ่งได้อยู่ใกล้เธอมากเท่าไร หัวใจของเขาก็กระชุ่มกระชวยเหมือนกลับไปเป็นเด็กมหาวิทยาลัยอีกครั้ง

 



Don`t copy text!