รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน…ทุกข์นั้นถึงตัว

รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน…ทุกข์นั้นถึงตัว

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

เที่ยงวันหนึ่งขณะที่รินรดารีบกลับมาที่บ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญสำหรับงานประชุมในช่วงบ่าย จังหวะที่ขับรถมาถึงบ้าน เธอก็พลันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอกำลังเกาะรั้วบ้านของเธอมองลอดเข้าไปด้านใน

รินรดาเพ่งมองเขาด้วยความแปลกใจปนหวาดระแวง ก่อนจะลงรถไปถาม

“คุณมาหาใครเหรอคะ” เสียงทักของเธอทำให้เขาชะงักหันมาพร้อมกับถลาเข้ามาใกล้ ทำให้หญิงสาวรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ

“ระริน นี่พี่เอง พี่ต้นไง ระรินจำพี่ไม่ได้เหรอ”

ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวโชยหึ่งเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ทำให้รินรดาต้องเขม่นมองด้วยความแปลกใจ

“นี่พี่ต้นจริงๆ เหรอคะ”

“ใช่ นี่พี่เอง”

เขาใช้มือปัดผมบังหน้าออกก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ หากสำหรับรินรดา หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่จึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นสรวิชญ์ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูแสยะยิ้มมากกว่าจะหวานพิมพ์ใจเหมือนเมื่อก่อน เธอรีบถอยห่างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเขาอีกในสภาพเช่นนี้

“พี่ต้น…มาทำไมคะ”

“พี่มาขอโทษหนู ระริน…พี่คิดถึงหนูมาก พี่ผิดไปแล้วให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ขอโทษจริงๆ อีนังนั่นมันทำร้ายพี่ ทำให้พี่ต้องถูกไล่ออกจากงาน ทำให้พี่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้ว พี่ขอโทษ ให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ไม่น่าทิ้งหนูไปอยู่กับผู้หญิงเลวๆ อย่างยี่หวาเลย”

คำโกหกหน้าตายของเขา ทำให้รินรดาฉุนกึกพลางนึกถึงคำพูดและใบหน้าของกวินนาถที่เศร้าโศกขึ้นมาทันที

“ใครเลวนะคะพี่ต้น”

“อีนังยี่หวานั่นไง มันติดการพนัน นอกจากพี่จะต้องตกงาน แม้แต่คอนโดกับรถที่เคยมีก็ถูกยึดไป พี่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะมัน อียี่หวาคนเดียว น้องระริน…พี่ผิดไปแล้ว พี่ขอโทษ ให้อภัยพี่ด้วยเถอะนะ ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่รักและหวังดีกับพี่เท่าน้องระรินอีกแล้ว ขอโอกาสให้พี่อีกสักครั้งได้ไหม พี่รับรองว่า ถ้าน้องระรินให้โอกาสพี่อีกครั้ง พี่จะไม่ทำให้น้องผิดหวัง พี่จะทำตัวเป็นสามีที่ดี และพ่อที่ดีของลูก นะครับน้องระริน ให้โอกาสพี่อีกครั้งเถอะนะครับ”

สรวิชญ์ขยับจะเข้าไปกอดขาของรินรดาเพื่ออ้อนวอน หากอีกฝ่ายกลับถอยหลังโดยเร็ว พลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะอ่านออก

“ฉันเคยให้โอกาสไปครั้งหนึ่งแล้ว จำไม่ได้เหรอคะ โอกาสมีให้ได้แค่ครั้งเดียว หากมีครั้งที่สองคือความจงใจ ไม่ใช่ความผิดพลาด อีกอย่างเวลาผ่านมาเป็นปี มาขอโทษตอนนี้ไม่สายไปเหรอคะ คุณกลับไปเสียเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณอีกแล้ว อยู่ตรงนี้ต่อไปก็เปล่าประโยชน์”

“ระรินให้อภัยพี่อีกครั้งเถอะนะ พี่ทำผิดไปแล้วจริงๆ จะให้พี่กราบก็ได้ ขอเพียงแค่ระรินยอมให้อภัยพี่” ขาดขำสรวิชญ์ก็พนมมือก้มกราบลงที่ปลายเท้าของรินรดา หากอีกฝ่ายกลับชักเท้าออกแล้วเดินถอยไปอีกทาง

“ต่อให้พี่ต้นกราบอีกสักกี่ครั้ง มันก็ไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอกค่ะ พี่ต้นกลับไปเถอะนะคะ ฉันรีบ” รินรดาพยายามจะเปิดประตูเข้าไปในรั้วบ้าน หากอีกฝ่ายกลับฉุดแขนเธอไว้แน่น

“พี่ยอมทำขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ยอมให้อภัย ทำไม…”

รินรดาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม และผลักเขาโดยแรงทำให้อีกฝ่ายเซถลาหงายหลังไปกองที่พื้น

“ให้อภัยเหรอคะ แค่พี่ต้นจะขอโทษยังไม่เห็นถึงความจริงใจเลยด้วยซ้ำ แล้วมีหน้ามาขอให้ยกโทษให้ ทำไมถึงไม่กลับไปหาพ่อแม่ของตัวเองล่ะคะ มาหาฉันทำไม”

“ถ้าพ่อแม่พี่ยังอยู่ พี่ก็คงไปหาท่านแล้ว แต่นี่พ่อแม่พี่ตายหมดแล้ว พี่ไม่มีที่ไป พี่ไม่รู้จะไปไหน ระรินให้อภัยพี่ ให้พี่กลับมาอยู่ด้วยกันเถอะนะ พี่คิดถึงหนู พี่อยากดูแลลูก”

สรวิชญ์บีบน้ำตาคร่ำครวญออกมาอย่างน่าสงสาร ขณะที่รินรดามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาปนสมเพช

“เลิกแสดงละครเถอะค่ะ เก็บน้ำตาพวกนี้เอาไปไว้หลอกผู้หญิงคนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่เชื่อคุณอีกแล้ว อีกอย่างน้ำตาของคุณใช้กับฉันไม่ได้หรอก อ้อ…เผื่อคุณยังไม่รู้ คุณยี่หวาเล่าความจริงให้ฉันฟังหมดแล้วว่าเธอไปโดนอะไรมาบ้าง ฉันโคตรโชคดีมากเลยนะคะที่คุณออกไปจากชีวิต ทำให้ฉันไม่ต้องมีชะตาชีวิตเลวร้ายแบบคุณยี่หวา แต่คุณ…ก็มีข้อดีอยู่เรื่องหนึ่งคือ คุณทำให้ฉันได้มีน้ำฟ้า ลูกสาวที่ฉันรักสุดหัวใจ”

สรวิชญ์ชะงักไปเมื่อแผนที่เขาเคยใช้กับรินรดาได้ผล บัดนี้นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว เรื่องราวที่เขาเคยทำไม่ดีไว้กับกวินนาถก็ถูกเจ้าตัวเล่าให้ฟังจนหมด คิดแล้วก็ให้เจ็บใจ แต่เพื่อทางรอดเดียวของตัวเอง ชายหนุ่มจึงข่มความโกรธเอาไว้ พยายามงอนง้ออ้อนวอนจนถึงที่สุด

“น้ำฟ้า! ลูกพี่ ลูกอยู่ที่ไหน พี่อยากเจอหน้าลูก ระรินขอพี่เจอหน้าลูกสักครั้งได้ไหม”

“คุณเป็นพ่อของลูกก็จริง แต่คุณอย่าเจอหน้าลูกเลยค่ะ อย่าให้แกต้องมาเห็นพ่อในสภาพทุเรศๆ แบบนี้เลย ให้ลูกยังเหลือความทรงจำดีๆ ระหว่างพ่อของแกบ้างเถอะนะคะ”

“อะไรวะอีนี่ พูดดีก็แล้ว อ้อนวอนก็แล้ว เอะอะก็จะไม่ให้ มึงเป็นเหี้ยอะไรนักหนา”

“แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาแล้วสินะ ฉันจะให้เงินคุณเป็นครั้งสุดท้าย พอได้เงินแล้วคุณก็ไปเสีย แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

รินรดาควักธนบัตรใบละพันออกมาใบหนึ่งส่งให้สรวิชญ์ ทันทีที่เขาได้รับเงิน แทนที่เขาจะพอใจและยอมกลับไป เขากลับยิ้มเยาะขยำเงินนั่นแล้วขว้างใส่หน้าหญิงสาว

“เงินแค่นี้กูไม่พอใช้หรอก มึงได้เงินไปตั้งสิบล้าน มึงเอามาแบ่งกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาส่วนแบ่งจากเงินนั่น”

“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้”

สรวิชญ์ถลาเข้ามากระชากกระเป๋าถือในมือของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายพยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมแพ้ ก่อนที่กระเป๋าจะหลุดจากมือกระเด็นไปอีกทาง สรวิชญ์รีบพุ่งตัวไปยังกระเป๋าของรินรดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถึง ร่างสูงของสรวิชญ์ก็ถูกถีบโดยแรงก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นถนน และเจตต์ก็ก้มเก็บกระเป๋าส่งคืนให้กับรินรดา

“น้องระรินเป็นยังไงบ้างครับ”

เจตต์รีบเข้ามาโอบประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจปนโกรธจัด

“ระรินไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ นั่นพี่ต้นค่ะ”

เจตต์หันไปมองร่างสกปรกที่พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล เขาเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะสรวิชญ์ในตอนนี้ไม่หลงเหลือภาพความหล่อสมัยเป็นเดือนมหา’ลัยเหมือนในอดีตเลยสักนิด

“นี่มึงจริงๆ เหรอวะไอ้ต้น”

“เออ เป็นกูแล้วยังไง มึงคงจะนึกสมเพชกูมากสินะที่มาเจอกูในสภาพแบบนี้”

“ตอนแรกกูรู้ข่าวมึงกูก็ยังนึกสงสาร แต่พอเห็นมึงมาทำแบบนี้กับน้องระริน กูบอกตรงๆ กูสงสารมึงไม่ลงว่ะ”

“กูก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามึงจะชอบกินของเหลือเดนจากกู อีระรินกูได้มันมาเป็นเมียรู้เห็นไปถึงไหนต่อไหน แต่มึงไม่มีปัญญาหาผู้หญิงโสดและดีกว่านี้หรือยังไงวะ ถึงได้ชอบกินของเหลือเดนเน่าๆ แบบอีนังนี่ ถุย น่าสมเพช”

เจตต์ถลาเข้าไปใกล้แล้วกระชากคอเสื้อ อีกมือหนึ่งง้างหมัดเตรียมจะต่อย

“มึงถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าน้องระรินแบบนี้”

“ทำไมกูจะพูดไม่ได้ ก็มึงมันชอบกินของเหลือเดนจากกูจริงๆ นี่ไอ้เจตต์”

คำพูดสรวิชญ์ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเจตต์ขาดสะบั้น เขาต่อยหน้าสรวิชญ์จนเซถลาไปที่รั้วบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปซ้ำอีกครั้ง ก็เป็นจังหวะที่สรวิชญ์ตั้งตัวได้ เขาก็สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

ทั้งสองสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนรินรดาเห็นจังหวะไม่ดี เมื่อเจตต์พลาดท่าล้มไปนอนกองที่พื้น ก่อนที่สรวิชญ์จะเข้าไปคร่อมหมายจะต่อยซ้ำ หญิงสาวเห็นถังขยะสีดำวางอยู่บนข้างทาง เธอจึงยกถังขยะคว่ำใส่หัวของสรวิชญ์ จนขยะหล่นมาใส่ตัวเขาหล่นเกลื่อนพื้น

“โอ๊ย อะไรวะเนี่ย เหม็น”

เจตต์อาศัยทีเผลอถีบไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย จนสรวิชญ์หงายหลังไปพร้อมกับถังขยะก่อนจะหลุดออกจากศีรษะ ขณะที่ตัวเองรีบลุกมาหารินรดา

พอสรวิชญ์ลุกขึ้นได้ ยังไม่ทันที่จะตั้งหลักดี น้ำจากสายยางก็ถูกฉีดมาที่หน้าเขาโดยแรงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว ทำให้เนื้อตัวของสรวิชญ์เปียกโชกไปหมด ขณะที่ปากก็พยายามจะด่า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร แรงน้ำที่ฉีดมาก็ทำได้แค่พยายามปัดป้อง ไม่อาจจะพูดได้ถนัด

“ไอ้ต้น มึงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นกูจะแจ้งตำรวจ ว่าเจอคนร้ายหนีคดี”

“ไอ้เจตต์ มึง…”

แต่ยังไม่ทันที่สรวิชญ์จะด่ากลับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านก็ขับมอเตอร์ไซค์มาพอดี

“รอปอภอ เอาไอ้หมอนี่ออกไปจากที่นี่เลยครับ มันบุกรุก แล้วอย่าให้มันเข้ามาในหมู่บ้านนี้อีก”

รปภ.มองทั้งสองฝ่ายด้วยความละล้าละลัง แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือทำอะไร รินรดาก็เป็นฝ่ายกดโทรศัพท์มือถือโทร.หาตำรวจเสียก่อนพร้อมกับเปิดเสียงให้ทุกคนได้ยิน สรวิชญ์มองโทรศัพท์ในมือของหญิงสาวด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงออกไปจากหมู่บ้านทันที

“ฉิบหายเอ๊ย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”

พอสรวิชญ์พ้นออกมาจากเขตหมู่บ้านได้ เขาก็เตะต้นไม้ข้างถนนด้วยความโมโห ก่อนจะทรุดนั่งบนพื้นข้างทางหมดอาลัยตายอยาก ใครจะไปคิดว่า ครั้งหนึ่งที่เขาเคยฝันอยากจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่บัดนี้เขากลับกลายเป็นเพียงหนูขี้เรื้อนข้างถนนไม่มีที่ไป ชายหนุ่มได้แต่สมเพชในชะตาชีวิตของตัวเอง

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะคิดออก ทันใดนั้นเองก็มีรถตู้สีดำติดฟิล์มทึบแล่นมาจอดเบื้องหน้า ก่อนประตูรถจะเปิดออก แล้วมีชายฉกรรจ์สี่คนลงมาจากรถ ทันทีที่เห็นใบหน้าชัดๆ เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นลูกสมุนของเสี่ยอ๊อดคนปล่อยเงินกู้ในบ่อน สรวิชญ์ตกใจตาลีตาเหลือกวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะหนีได้พ้น คนทั้งสี่ก็วิ่งมาทันและกึ่งลากกึ่งจูงพาตัวเขายัดเข้าไปในรถตู้ สรวิชญ์พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้น หากเขาก็ไม่อาจสู้กับเรี่ยวแรงของเหล่าชายฉกรรจ์ได้

“ไง…ไอ้ต้น”

น้ำเสียงคุ้นหูทำให้สรวิชญ์เงยหน้าขึ้นทันที แล้วเขาก็เห็นอำนาจนั่งอยู่ในรถ เขารีบยกมือไหว้อ้อนวอน

“อำนาจ ช่วยกูด้วย กูยังไม่อยากตาย”

“ไอ้ต้น…กูเคยเตือนมึงแล้ว พอได้เงินให้หยุด แล้วเป็นยังไงล่ะตอนนี้ มึงก็ต้องกลับไปขายตัวใช้หนี้แทนเมียมึงที่ถูกตำรวจช่วยไป”

“ไม่…กูไม่ไป กูไม่อยากขายตัว อำนาจ มึงเป็นเพื่อนกู มึงต้องช่วยกูสิ”

“ไอ้ต้น ที่ผ่านมากูก็ช่วยมึงเต็มที่แล้ว ช่วยให้มึงมีบ้านมีรถมีเงิน แต่มึงดันโลภไม่รู้จักพอเอง คราวนี้กูคงช่วยอะไรมึงไม่ได้ เพราะนั่นก็เจ้านายกู กูต้องทำตามหน้าที่ มึงไม่อยากขาย มึงก็ต้องขาย หมดหนี้หมดสินเมื่อไหร่ มึงถึงจะได้เป็นอิสระ”

“ไอ้อำนาจ ไอ้เพื่อนชั่ว มึงปล่อยกู ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ กูไม่อยากไป กูไม่อยากขายตัว”

“มัดปากมันไว้ กูรำคาญ”

สรวิชญ์เคยคิดว่าเป็นมิตรภาพระหว่างเขากับอำนาจมีมากพอที่อีกฝ่ายไม่น่าจะหักหลัง แต่วันนี้ เขารู้แล้วว่า สุดท้ายเพื่อนที่คิดว่ารู้จักกันดีก็ยังแพ้อำนาจแห่งเงินตรา

 

ทางด้านรินรดา หลังจากสรวิชญ์จากไปแล้ว เจตต์ก็เก็บกวาดขยะที่เกลื่อนถนนไว้ในถังขยะตามเดิม พอหันมาเห็นรินรดากำลังยืนพิงรถของตัวเองเหนื่อยหอบ มือของเธอยังถือสายยางที่น้ำยังคงไหลรินไม่ขาดสาย เขาก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้

ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางเอื้อมมื้อไปจับสายยางก่อนจะไปปิดน้ำและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

“ระรินต้องรีบไปประชุมค่ะ”

“น้องระรินจะไปประชุมในสภาพแบบนี้เหรอครับ”

“คือ…”

“เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องอรให้นะครับ น้องอรน่าจะเข้าใจ พี่ว่าน้องระรินเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ”

เจตต์ใช้เวลาไม่นานโทร.บอกกนกอร ก่อนจะพารินรดาเข้าไปนั่งพักในบ้านของเธอ

“แล้วนี่น้าอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”

“เห็นเมื่อเช้าน้าอ้อยบอกว่าจะไปทำธุระที่ห้างน่ะค่ะ น้ำฟ้าก็ไปโรงเรียน โชคดีแล้วละค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเจอพี่ต้น ระรินอยากให้ลูกจำพ่อในแบบที่ดี ไม่ใช่แบบที่เราเห็นเมื่อกี้นี้เลยค่ะพี่เจตต์”

“พี่เข้าใจครับ”

เจตต์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ภายนอกเธอดูเข้มแข็งเสมอ หากเขากลับรู้สึกว่า ภายในจิตใจกลับอ่อนแอจนเขาอยากจะอยากเป็นที่พักพิงให้กับเธอ ชายหนุ่มเข้าไปจับมือเรียวไว้พลางพูดขึ้น

“น้องระรินครับ อยู่ต่อหน้าพี่ ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็งหรอกครับ สำหรับพี่ น้องระรินอ่อนแอได้เสมอ พี่จะเป็นคนดูแลน้องเอง” พอขาดคำรินรดาก็ปล่อยโฮสะอื้นไห้ออกมาอย่างไม่อาย

ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาจนตั้งรับไม่ทัน เธอไม่เคยคิดเลยว่า สรวิชญ์จะกลับมาหาเธอในสภาพนี้ และทุกประโยคที่เขาด่าว่าเธอเสียดแทงเข้าไปในจิตใจ แม้เธอจะคอยบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร หากลึกๆ ในใจ เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

“พี่ต้นมาขอโทษ มาขอคืนดี ขอโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ระรินไม่ให้ค่ะ พี่เขาจะขอแบ่งเงินสิบล้านค่าหย่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ระรินก็ไม่ให้อีก เขาจึงด่าว่าระรินเสียๆ หายๆ แม้กระทั่งหาว่าพี่เจตต์รับของเหลือเดนจากพี่ต้น ระรินขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เจตต์ต้องพลอยโดนว่าไปด้วย”

“น้องระรินไม่ต้องขอโทษอะไรเลยเพราะมันไม่ใช่ความผิดของน้อง พี่ชอบน้องมานานแล้วน้องก็รู้ ใครจะพูดยังไงก็ช่างเถอะนะครับ แต่พี่อยากให้น้องรู้ว่า น้องมีคุณค่ากับพี่มาก คำพูดของไอ้ต้นทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกครับ สำหรับพี่ น้องระรินคือผู้หญิงที่พี่รัก ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เพราะพี่ไม่ได้รักน้องที่เปลือกนอก แต่เป็นข้างในจิตใจต่างหาก พี่รักในความดีของน้องระริน รักที่ระรินเป็นระริน เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวเหนื่อยยากมากสักขนาดไหน น้องก็ผ่านมันมาได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว” เจตต์ระบายความในใจที่เขากักเก็บไว้มาเนิ่นนาน

“คิดดูสิ สมัยนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คน ที่รับน้าสาวมาดูแลและเลี้ยงดูเหมือนแม่แท้ๆ สมัยนี้หายากมากนะ คนที่กตัญญูแบบน้องระริน เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็แล้วแต่ ขอให้ระรินรู้ไว้แค่ว่า จะไม่มีอะไรหรือใคร มาทำให้พี่เปลี่ยนใจไปจากน้องระรินเด็ดขาด เราเคยพลัดพรากจากกันมาครั้งหนึ่งแล้ว กลับมาเจอกันรอบนี้ พี่จะไม่มีวันให้เราต้องพลัดพรากจากกันเหมือนเมื่อก่อนอย่างแน่นอน ขอให้น้องเชื่อใจในความรักของพี่นะครับ”

“ค่ะพี่เจตต์”

รินรดายิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของเจตต์ที่โอบกอดเธอไว้อย่างทะนุถนอม เขาบรรจงจุมพิตหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะสวมกอดอีกครั้งพลางสัญญากับตัวเองว่า เขาจะรักและใช้อ้อมกอดนี้ปกป้องไม่ให้ใครมารังแกเธอได้ เขาจะใช้แผงอกนี้เป็นที่ซับหยาดน้ำตายามเมื่อเธอร้องไห้เสียใจ และเขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ตลอดเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันจากวันนี้และตลอดไป

 

เวลาผ่านไปจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปิดเทอม รินรดาเคลียร์คิวว่างตามคำขอของเจตต์ที่อยากจะพาทุกคนในบ้านไปเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดกระบี่ด้วยกัน

ขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางไปที่สนามบิน รินรดาก็เปิดแท็บเล็ตดูความเคลื่อนไหวจากในโซเชียล ซึ่งไม่ว่าจะเปิดไปทางแอปพลิเคชันไหน ในช่วงนี้ก็จะมีการพูดถึงข่าวใหญ่หลายเรื่อง แต่กลับมีข่าวหนึ่งที่ฉุดรั้งความสนใจเธอไว้

นั่นคือข่าวที่ตำรวจได้ทำการวางแผนกวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ หลังจากตามรอยจากการกวาดล้างครั้งก่อน ในครั้งนี้ได้ช่วยชีวิตได้จำนวนสิบคน เป็นหญิงแปดคนและชายสองคน แล้วยังจับหัวหน้าแก๊งหรือเสี่ยอ๊อดได้พร้อมพรรคพวก จำนวนแปดคน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตจากการปะทะของฝั่งคนร้ายจำนวนสามศพ

หลังจากตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุประมาณสามสิบปี ไม่ทราบชื่ออยู่ในห้องใต้ดิน ถูกจับขังอยู่ในกรงสุนัขขนาดใหญ่ สภาพศพเสียชีวิตถูกยิงเข้ากลางหน้าผาก สันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตก่อนตำรวจเข้าจับกุมไม่นาน ผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ที่เตรียมจะถูกส่งไปขายยังต่างประเทศ

สภาพศพน่าอนาถถูกถ่ายภาพและทำการเบลอหน้าก่อนจะถูกแชร์ว่อนในโลกโซเชียล เพื่อตามหาญาติพี่น้อง โดยมีตำหนิสำคัญคือ รอยสักรูป ร.เรือ บริเวณที่หน้าอกข้างซ้าย

“พี่ต้น!”

วินาทีที่เธอเห็นรอยสักในภาพ เธอก็จำได้ดีว่านี่คือสรวิชญ์ไม่ผิดอย่างแน่นอน รอยสักที่ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกกับเธอว่า

‘พี่สลักชื่อหนูไว้กลางใจของพี่ตลอดไป หนูจะได้มั่นใจว่า พี่จะรักหนูและซื่อสัตย์กับหนูเพียงคนเดียว นี่คือของขวัญแทนคำมั่นสัญญาที่พี่อยากมอบให้ครับ’

เธอคาดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยรักมากที่สุด สุดท้ายจะมีชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนี้

ใครจะไปคิดว่า ครั้งหนึ่งที่เขาเคยบอกว่า ตัวเองจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร สุดท้ายในตอนนี้ เขากลับมีสภาพยิ่งกว่าสุนัขขี้เรื้อนที่ถูกทิ้งให้ตายคากรง

รินรดาปาดน้ำตาด้วยความสงสารปนสังเวช ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปิดแท็บเล็ตและคุยกับคนในรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หญิงสาวตัดสินใจเล่าเรื่องจุดจบของสรวิชญ์ให้เจตต์ฟังในช่วงหนึ่งพร้อมให้ดูภาพข่าวในโซเชียล ขณะที่ทุกคนกำลังไปทำธุระในห้องน้ำ

เจตต์พอได้ทราบเรื่องราวก็ได้แต่อึ้งไป ก่อนจะบอกกับรินรดาว่า

“พอเราไปถึงกระบี่ เราค่อยไปวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับไอ้ต้นกันนะ เราสองคนคงทำดีที่สุดได้เพียงแค่นี้แหละ”

 



Don`t copy text!