สาปแสงรัก บทที่ 14 : ทำไมต้องลืม

สาปแสงรัก บทที่ 14 : ทำไมต้องลืม

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“จะตรวจอะไรกันอีกคะคุณหมอ คุณหมอตรวจหลานฉันหลายรอบแล้ว เจาะเลือดจนแขนจะพรุนหมดแล้ว” อาจารีกล่าวกับหัวหน้าทีมแพทย์เจ้าของไข้ของอานุภาพ

หลายวันมานี้ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำกลางกรุงวนเวียนกันเข้าออก เพื่อมาตรวจร่างกายคนไข้ที่ดูภายนอกก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ตรวจภายในทั้งระบบหายใจ ระบบสมองก็ไม่พบอะไรผิดปกติ แต่จะครบสองสัปดาห์แล้วคนไข้ก็ยังไม่ฟื้น

“ทางทีมแพทย์ประชุมกันอีกครั้งแล้วอยากจะขอตรวจซ้ำอีกเพราะร่างกายของคนไข้อาจจะเปลี่ยนไป เราจะขอตรวจเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นครับ”

“ไม่ต้องแล้วละค่ะคุณหมอ ดิฉันจะย้ายโรงพยาบาล”

“แม่คะ…” อนุชที่อยู่ในห้องคนไข้ด้วยพยายามจะห้ามแม่

“เราไม่ต้องพูดเลย” อาจารีหันมาดุลูกสาว แล้วหันไปพูดกับหัวหน้าแพทย์ “คุณหมอช่วยจัดการเรื่องส่งต่อคนไข้ให้ด้วยนะคะ”

“เอ่อ…” หัวหน้าทีมแพทย์อึกอัก

อนุชรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะเธอเชื่อว่าสาเหตุความเจ็บป่วยของอานุภาพนั้นเป็นเพราะเวรกรรม การแพทย์แผนปัจจุบันไม่อาจรักษาได้ เธอคิดว่าถึงแม้แม่จะย้ายพี่ชายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นก็ไม่มีประโยชน์ และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาจจะทำให้พี่ชายของเธออาการทรุดหนักก็เป็นได้ เธอพยายามจะห้ามแม่ แต่แค่อ้าปากก็โดนดุเสียแล้ว

ขณะที่ลูกสาวกำลังหาทางออก ประณตก็เปิดประตูห้องคนไข้เข้ามาพร้อมกับจรินทร์ อนุชรู้สึกว่าพ่อเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอแล้ว

“พ่อคะ แม่จะย้ายโรงพยาบาล” อนุชรีบรายงานทันที

“ไม่ต้องย้ายหรอกคุณ จะย้ายทำไมกัน” ประณตบอกภรรยา”

“แต่หมอให้คำตอบอะไรไม่ได้เลยนะคุณ”

“เรื่องอย่างนี้มันต้องใช้เวลา ย้ายไปย้ายมาอาจจะอันตรายกับหลานก็ได้นะคุณ”

เมื่อสามีบอกแบบนี้อาจารีก็ลังเล

“ทางทีมแพทย์อยากจะขอตรวจร่างกายคุณอานุภาพอีกรอบหนึ่งครับ” หัวหน้าทีมแพทย์กล่าวกับประณต

ประณตปฏิเสธอย่างสุภาพว่าขอเวลาให้เขาได้ใช้เวลาปรึกษากันภายในครอบครัวก่อน หัวหน้าทีมแพทย์จึงขอตัวออกไป เมื่ออยู่กันเฉพาะสมาชิกในครอบครัวแล้วประณตก็รีบเข้าไปลูบเนื้อลูบตัวดูอาการหลานชาย

“มา ริน เอามาเลย”

จรินทร์หยิบขวดแก้วเล็กๆ บรรจุน้ำมันสีเหลืองใสออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขายกขวดนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะก่อนจะส่งให้เจ้านาย

“คุณจะทำอะไรคะ” อาจารีถามสามี

“ผมให้รินไปขอน้ำมันขวดนี้มาจากครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือ ขอบารมีครูบาอาจารย์ช่วยให้อ้ายหลุดพ้นจากบ่วงกรรม ทุกคนเงียบนะ” ประณตบอกแล้วยกขวดแก้วขึ้นจบ ก่อนจะเปิดฝาขวด หยดน้ำมันลงบนหน้าผากของอานุภาพ แล้วใช้นิ้วมือเขียนยันต์ จากนั้นก็สวดมนต์อยู่อีกครู่หนึ่ง

“ขอให้อ้ายหลุดพ้นจากบ่วงกรรมและความทุกข์ทรมานนะลูกนะ” อาจารีพนมมืออธิษฐานเมื่อสามีทำพิธีเสร็จสิ้น

“จะได้ผลหรือไม่ก็สุดแท้แต่บุญวาสนาของอ้ายเอง” ประณตบอก

“ขอให้พี่อ้ายหลุดพ้นกรรมทีเถอะ” อนุชยกมือท่วมหัว

 

สามวันต่อมาอานุภาพก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น เขาดูไม่เหมือนคนป่วย ร่างกายไม่ซูบซีด ดูเหมือนคนนอนหลับเท่านั้น ถึงกระนั้นอนุชก็ยังมาเฝ้าพี่ชายทุกวันเมื่อว่างจากงานบริษัท ส่วนอาจารีนั้นแทบจะมากินมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลเลยทีเดียว

“อ้ายจะหลับไปถึงเมื่อไหร่นะ ตื่นมาซะทีเถอะนะลูก” อาจารีลูบแขนหลานชาย ปากก็พร่ำพรรณนา

“พ่อบอกว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลานะคะแม่” อนุชพยายามปลอบใจมารดา

“เราน่ะไม่ต้องพูดเลย แม่ให้ไปช่วยห้าม กลับไปส่งเสริมพี่เขา”

“นุชห้ามได้ที่ไหนล่ะคะ แม่ก็รู้ว่าพี่อ้าย…” อนุชยังพูดไม่จบเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอกดรับสาย สักครู่ก็ตอบกลับไป “พี่อ้ายยังไม่ฟื้นเลยค่ะพี่ชล” อนุชลุกขึ้นจะเลี่ยงไปพูดโทรศัพท์ที่อื่น

“มีความลับอะไรถึงคุยต่อหน้าแม่ไม่ได้” อาจารีว่า

อนุชอยากให้แม่รู้ว่าเธอไม่มีลับลมคมในอะไรจึงเปิดลำโพงโทรศัพท์มือถือให้แม่ฟังเธอพูดคุยกับชลธี

“ว่ามาเลยค่ะพี่ชล” อนุชกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

“ผมจะโทรมาถามตั้งหลายวันแล้ว แต่ผมเกรงใจ ทางนี้ก็ยุ่งหลายเรื่อง คุณนวลเป็นห่วง แต่เธอไม่กล้าโทรไปหรอกครับ” เสียงชลธีบอกมา

“พี่นวลขอให้พี่ชลโทรมาเหรอคะ” อนุชถาม ท้ายเสียงเผลอตวัดห้วน

“เปล่านะครับ ผมโทรมาเอง ผมก็เป็นห่วง” เสียงปลายสายฟังดูร้อนรน

“แล้วพี่นวลเป็นไงบ้างคะ” เสียงถามของอนุชผ่อนคลายลง

“ก็ซึมๆ ไปครับ”

แล้วก็มีเสียงเล็กๆ แทรกเข้ามาในโทรศัพท์ “พ่อ ขอชเลพูดมั่ง พ่อ…”

“ยุ่งจริง เอ้า” เสียงพ่อบ่นลูกชายห่างจากโทรศัพท์ อนุชเดาได้ว่าโทรศัพท์ถูกส่งถึงมือเด็กชาย

“พี่นุช พี่นุชครับ ชเลคิดถึงจัง” เสียงใสกรอกมาในโทรศัพท์

“พี่นุชก็คิดถึงชเลครับ” หญิงสาวตอบ

“เมื่อไหร่พี่นุชจะกลับมาล่ะครับ” เด็กชายทำเสียงงอแง

อนุชนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “เอ่อ…ต้องรอให้พี่อ้ายหายก่อนนะครับ ชเลอย่าดื้อกับพ่อนะครับ”

“ครับ…พี่นุชต้องมานะครับ”

“พอแล้วๆ” เสียงชลธีบอกลูกแล้วเขาก็พูดกับอนุชต่อไปว่า “ช่วงนี้งอแงฮะ เพราะงานที่โรงงานเยอะ ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน พอกลับมาก็อ้อนเป็นเด็กเลย นี่เดี๋ยวผมก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว คุณนุชดูแลตัวเองด้วยนะ แค่นี้ก่อนนะฮะ”

ชลธีวางสายไปแล้ว อนุชก็ยังถือโทรศัพท์มือถือค้างอยู่ในท่าเดิม เผลอเหม่อลอยไปจนผู้เป็นแม่ถามขึ้น

“นุชชอบเขาหรือ”

“เอ่อ…นุช นุชยังไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะแม่”

“ให้มันจริงเถอะ จะรักจะชอบใครก็คิดให้ดี เขามีลูกมีเต้า เราจะไป…”

“แม่คะ…” อนุชร้องขึ้น

อาจารีคิดว่าลูกจะปฏิเสธว่าไม่ได้รักชลธี จึงพูดต่อไป “นุชอย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะ…”

“แม่คะ พี่อ้าย…” อนุชร้องบอกอย่างตื่นเต้นพลางดึงมือแม่ให้หันมาดูเพราะเธอเห็นอานุภาพค่อยๆ ลืมตาขึ้น

อาจารีหันมามอง เมื่อเห็นว่าหลานชายรู้สึกตัวแล้วเธอก็ถลันไปที่เตียงคนไข้ทันที “อ้าย เป็นยังไงบ้างลูก”

“อาจ๋า นุช ที่นี่ที่ไหนฮะ โรงพยาบาลเหรอฮะ อ้ายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ก็ตอนอยู่ที่เกาะเดือนดับ พี่อ้ายสลบไป พี่อ้ายหลับไปตั้งเป็นอาทิตย์เลยนะคะ” อนุชอธิบายให้พี่ชายฟัง

“เกาะเดือนดับ” อานุภาพทวนคำ “เกาะนี้มันอยู่ที่ไหน แล้วพี่ไปทำอะไรที่นั่นล่ะ” อานุภาพที่ท่าทางยังมึนงงอยู่ถาม

“พี่อ้ายก็ไปบูรณะงานปูนปั้นที่วัดบนเกาะไงคะ”

“พี่เคยไปที่นั่นเหรอ”

“เดี๋ยวๆ นี่อ้ายจำอะไรเกี่ยวกับเกาะนั้นไม่ได้เลยหรือลูก” อาจารีถาม

“อ้ายรู้สึกคุ้นๆ ชื่อเกาะนะครับ แต่จำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย…พี่โดนใครตีหัวหรือเปล่านะนุช”

อนุชงงงันที่พี่ชายจำอะไรไม่ได้ทั้งที่รักนวลดารามากมายขนาดนั้น เธอกำลังคิดว่าจะตอบพี่ชายอย่างไรดี แม่ของเธอก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“อ้ายกับนุชไปที่เกาะเดือนดับเพราะอ้ายคิดว่าจะไปรับงานบูรณะงานปูนปั้นในวัด แต่พอไปแล้วก็ตกลงรายละเอียดกันไม่ได้ ก็เลยไม่ได้รับทำ แล้วตอนจะกลับบ้านอ้ายก็ถูกโจรปล้นแล้วตีหัวเอาน่ะลูก…”

“แม่…” อนุชร้องเสียงหลง

“นุชไม่ต้องพูดเลย เรื่องมันจบแบบนี้ก็ดีแล้ว แม่ไม่ให้พี่อ้ายกลับไปทำงานที่เกาะนั่นแล้ว…เดี๋ยวแม่จะไปบอกคุณพ่อ…เราอย่าทำเสียเรื่องนะ” ประโยคสุดท้ายอาจารีลดเสียงเป็นกระซิบแล้วเลี่ยงออกจากห้องไป

อนุชรู้ว่าแม่ของเธอต้องการให้อานุภาพลืมทุกอย่างที่เกาะเดือนดับ ถ้าหากพี่ชายของเธอลืมเรื่องทั้งหมดได้เขาก็จะไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป เธอเองก็เห็นด้วยว่าวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“นุช…” อานุภาพเอ่ยขึ้นเบาๆ

“พี่อ้าย จะเอาอะไรคะ”

“พี่อยากถามอะไรหน่อย”

“อะไรเหรอคะ”

“เมื่อกี้พี่ได้ยินนุชพูดโทรศัพท์ เรียกชื่อนวล ใครเหรอ…”

“เอ่อ…เพื่อนนุชเองค่ะพี่อ้าย พี่อ้ายไม่น่าจะรู้จักหรอก”

“งั้นเหรอ” สีหน้าขณะพูดของอานุภาพทำให้อนุชรู้ว่าพี่ชายไม่เชื่อเธอเลย

อนุชแปลกใจที่เธอพูดโทรศัพท์เอ่ยชื่อทั้งชเลและชลธี แต่ชื่อนวลดารานั้นเธอจำได้ว่าเธอเอ่ยถึงเพียงไม่กี่ครั้ง น้อยกว่าสองคนนั้นมาก เหตุใดชื่อของนวลดาราจึงไปสะดุดใจอานุภาพได้

 

“อ้าวคุณ…มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า” ประณตถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นภรรยาของเขามายืนรออยู่ที่หน้าห้องคนไข้เมื่อเขามาถึง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ ฉันจะมาบอกคุณไว้ก่อนว่าฉันพูดกับอ้ายไว้ยังไงเรื่องเกาะเดือนดับจะได้พูดให้ตรงกัน” อาจารีบอกแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอสร้างขึ้นเพื่อหลอกหลานชาย

“ผมก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น” ประณตบอกภรรยาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนักก่อนจะเข้าไปเยี่ยมหลานชาย

 

ถึงแม้อานุภาพจะรู้สึกตัวแล้วและไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายอย่างไร แต่เขาก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเพราะแพทย์เจ้าของไข้อยากให้เขานอนดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักคืน อานุภาพยืนยันว่าเขาอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องให้ใครมาเฝ้าไข้ แม้น้องสาวกับอาไม่เห็นด้วยแต่อาเขยกลับเห็นด้วยเพราะเห็นว่าภรรยาและลูกสาวควรกลับไปพักผ่อนบ้าง โดยเฉพาะภรรยาของเขาที่ไม่ได้หลับเต็มตื่นเลยเพราะคอยเป็นห่วงว่าหลานชายจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน

เมื่อทุกคนในครอบครัวกลับไปแล้วอานุภาพจึงได้มีเวลาครุ่นคิดเรื่องที่ค้างคาใจเขาอยู่ตั้งแต่ตอนบ่าย มันน่าแปลกที่ชื่อนวลทำให้เขาคิดถึงใครบางคนแต่เขานึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร เมื่อหลับตานอนก็เห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร และเกี่ยวอะไรกับชื่อนวลที่ฝังติดในใจของเขาหรือเปล่า

ตลอดคืนจนเช้าผู้หญิงในความฝันก็ยังรบกวนความคิดของอานุภาพ จนเขาคิดได้ว่าเขาควรถามเรื่องนี้จากใครสักคน ภูษิตเป็นคนแรกที่เขานึกถึง อานุภาพเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงคนไข้เพื่อจะค้นหาโทรศัพท์มือถือแต่เขากลับพบสร้อยหินสีเส้นหนึ่งวางอยู่บนโทรศัพท์

อานุภาพหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาดู แล้วภาพความทรงจำเก่าก็สว่างวาบขึ้นมาในความคิด

‘พี่เก็บไว้เถิดหนา พี่ต้องเดินทางไกล จักได้เอาไว้ดูแทนตัวฉัน เมื่อเห็นสร้อยก็เหมือนเห็นฉัน’



Don`t copy text!