ศรีนาง ตอนที่ 12 : หลานสะใภ้

ศรีนาง ตอนที่ 12 : หลานสะใภ้

โดย : เมษาริน

Loading

ศรีนาง โดย เมษาริน นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับชะตาชีวิตของ ศรีนาง สาวชาวบ้านผู้อาภัพเพราะบิดามารดาจากไปด้วยโรคร้าย และนั่นเป็นแรงผลักดันให้เธออยากเป็นหมอ แต่เธอขาดก็คือโอกาสดีๆ นั้น กระทั่งโชคชะตาชักนำให้เธอช่วยชีวิตนายทหารหนุ่มชาวกรุง ผู้ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หลังรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชา สารินถูกส่งตัวไปตัดผมจนสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ ชายหนุ่มใช้เวลาครึ่งค่อนวันในห้องพิจารณาความผิดของนายทหารชั้นสัญญาบัตร เขารายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ยกเว้นภารกิจลับของบิดา

‘ก่อนกลับ ผมแวะสระแก้วครับ เป็นสระที่มีน้ำผุดขึ้นมา ตอนนั้นยังเช้ามาก ฝนตกหนัก ผมไม่ทันระวัง ไม่ได้สังเกต โดนงูเห่ากัด’

ความผิดของบุตรชายเสนาธิการไม่ถือว่าร้ายแรงและมีเหตุผลรองรับ แต่อย่างไรก็ตามเบื้องบนมีคำสั่งลงมาแล้ว

‘คนที่ช่วยผมไว้เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นผมอาการค่อนข้างหนัก’ แม้จะผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วแต่สารินประหลาดใจไม่หายที่รอดมาได้ ‘รักษากับหมอบ้านครับ ไม่ได้สติเจ็ดวัน หลังฟื้นก็เป็นไข้ เท้าบวม อักเสบ จนถึงตอนนี้ยังมีรอยเขี้ยวบนหลังเท้าครับ’

หลังจากนั้นชายหนุ่มต้องตอบอีกหลายคำถาม ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปอีกอาคาร ที่ใหม่ไม่ใช่คุกเพราะฉะนั้นจะเรียกว่าถูกขังไม่ได้ แต่สารินรู้ดีว่าบิดาลงโทษเขาอย่างไร…

กักบริเวณ

“หมวดริน”

สารินหันไปมองตามเสียงเรียก คนพูดเป็นชายหนุ่มยศร้อยเอก สวมแว่นสายตากรอบเหลี่ยม ในมือถือล่วมยาเดินเข้ามาในห้องแคบๆ

“ผู้กอง” จากนั่ง สารินลุกยืนแล้วทำความเคารพอีกฝ่าย

“รายงานเขียนว่านายโดนงูกัด”

“ครับผู้กอง”

“เฮ้ๆ ไม่ต้องมากพิธี ในนี้มีแค่เราสองคน” คนมาใหม่วางล่วมยาบนโต๊ะริมประตู ดวงตาหลังแว่นหรี่มองสารินอย่างพินิจพิจารณา “พี่เคยอบรมที่สถานเสาวภา พ่อนายจำใจส่งพี่มาตรวจ” ร้อยเอกวิภูยักคิ้วให้สารินอย่างคนอารมณ์ดีเป็นนิตย์ แพทย์ทหารพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ด้วยทั้งคู่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจากโรงเรียนประถมและมัธยมต้น วิภูเรียนที่เดิมจนจบมัธยมปลายแล้วสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ส่วนสารินสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารตามความต้องการของพ่อ “ขอพี่ดูแผลนายหน่อย”

สารินถอดรองเท้า ถุงเท้า เลิกขากางเกงขึ้นเล็กน้อย นายแพทย์หนุ่มย่อกายแล้วสำรวจรอยจางๆ บนหลังเท้ารุ่นน้อง ก่อนเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“รอยเขี้ยวห่างแล้วก็ลึก แสดงว่าเป็นงูตัวใหญ่ เขี้ยวจมขนาดนี้คงปล่อยพิษออกมามาก หัวใจนายหยุดเต้นภายในหนึ่งชั่วโมงได้เลยนะริน โคตรโชคดีที่รอดมาได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเซรุ่ม”

“ครับพี่ ผมโชคดี” ทั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่สารินรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ โชคดีที่เจอศรีนาง

“รักษากับหมอบ้านหรือ”

“ใช่ฮะ พี่วี”

นายแพทย์หนุ่มพยักหน้า แม้จะร่ำเรียนการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ไม่เคยดูถูกภูมิปัญญาหมอบ้าน วิภูคิดเสมอถ้ามีโอกาสเขาอยากศึกษาเรื่องสมุนไพรไทยเพิ่มเติม “พี่จะเขียนยืนยันในรายงานตามนี้ พ่อนายนี่โหดสมคำร่ำลือแฮะ เป็นพี่ทำโทษไม่ลงว่ะ รอดมาได้ถือว่าบุญรักษาจริงๆ”

“คุณพ่อคงไม่อยากให้ใครครหา คิดว่าเข้าข้างลำเอียง ผมทำผิดต้องรับโทษครับ” สารินรู้ดีว่าที่โดนกักบริเวณไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องอื่น

“โหดชะมัด” รุ่นพี่บ่นพึมพำ จากนั้นจึงจัดยาให้รุ่นน้อง “หน้านายไปโดนอะไรมาวะ” หมอชี้ที่มุมปากและใบหน้าซีกหนึ่ง ผิวขาวของสารินทำให้เห็นรอยนิ้วมือชัด

“ไม่มีอะไรครับ เกิดขึ้นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ยังไงก็ขอบคุณพี่วีอีกครั้ง”

“อืม ไม่เป็นไร ถ้ามีไข้ก็ให้ใครไปตามที่โรงพยาบาลได้ตลอด” เมื่อรุ่นน้องไม่พูด นายแพทย์หนุ่มก็ไม่เซ้าซี้ เพียงถอนหายใจหนักๆ ระหว่างจัดยาแก้ฟกช้ำและยาแก้ปวด

“พี่วี” แววตาสารินวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ผมรบกวนพี่สักอย่างได้ไหมฮะ”

“อะไรหรือริน” นายแพทย์วิภูเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ผมรบกวนฝากจดหมายให้คุณน้าของผม คุณชายฉัตรชลธร” สารินสบตารุ่นพี่ “ความลับนะพี่วี”

“เพราะแบบนี้ละมั้ง พ่อนายถึงไม่อยากให้พี่มาตรวจ” วิภูมองรอบกาย สารินทำผิดกฎด้วยเหตุจำเป็นเรื่องสุขภาพ อันที่จริงควรปล่อยตัวด้วยซ้ำ วิภูไม่รู้ว่าทำไมรุ่นน้องจึงโดนพ่อตัวเองสั่งกักบริเวณ ทว่าความเป็นลูกชายเสนาธิการอีกเช่นกัน ทำให้ทหารยามด้านนอกไม่ได้เข้มงวดเท่าไรนัก “ได้สิ”

“ขอบคุณครับ” สารินพนมมือไหว้วิภู ซาบซึ้งในความเอื้อเฟื้อของอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรริน เรื่องเล็กน้อย หวังว่าพี่จะไม่โดนพ่อนายสั่งขังอีกคนนะ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยพลางหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี

 

หลังเก็บตัวอยู่ในห้องนอนตลอดช่วงเช้า สายๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ศรีนางลังเล ชีวิตที่ไม่มีสารินอยู่ข้างๆ เคว้งคว้างจนไม่อาจอธิบาย แต่เธอไม่ใช่คนหนีปัญหา รู้ว่าอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับคนบ้านนี้ เพราะได้ชื่อว่าเป็นเมียสาริน ฐานะของศรีนางตอนนี้คือสะใภ้ ไม่ว่าพ่อกับแม่เลี้ยงของเขาจะยินดีต้อนรับหรือไม่ก็ตาม

“คุณรินวานให้ป้าเอามื้อเช้ามาให้” ป้าแอ๊ดถือถาดใส่ชามข้าวต้มกับน้ำหนึ่งแก้ว สายตาผู้สูงวัยพินิจพิจารณาหญิงสาวที่สารินพาเข้าบ้านตั้งแต่หัวจดเท้า “ได้ยินว่าเป็นคนใต้”

“ค่ะป้า” ศรีนางรับถาดมาจากแม่บ้าน “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ค่อยเหมือน…” แม่บ้านยังวิจารณ์ เมื่อกวาดตามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนพบว่านอกจากดวงตาคมแล้ว เครื่องหน้าอย่างอื่นมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสาวใต้ ไม่ว่าจะเป็น จมูก ปาก แม้แต่สีผิวก็แตกต่าง “สำเนียงก็ไม่เหมือน”

ศรีนางไม่ตอบแต่ถามกลับ “พี่รินเป็นยังไงบ้าง ป้ารู้ไหมคะ”

“ไม่รู้หรอก เรื่องของพ่อลูก รีบๆ กิน คุณนายรออยู่”

ศรีนางพยักหน้า ทวนคำสั่งในใจ คุณนายรออยู่

ระหว่างที่สาวน้อยจัดการมื้อเช้า แม่บ้านสาวใหญ่ไม่ได้ไปไหน นางถือวิสาสะยืนรอศรีนางกินข้าวต้มอยู่หน้าประตู เพราะได้รับคำสั่งให้เฝ้าสาวชาวบ้านแปลกหน้าทุกฝีก้าว ไม่ให้คลาดสายตา

ฝ่ายศรีนางไม่ได้ชักช้าร่ำไร หลังกินเสร็จ เธอเดินตามแม่บ้านพลางสำรวจบ้านหลังใหญ่ของนายทหารยศพันเอกอย่างชื่นชม เครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงของประดับตกแต่งล้วนเป็นของดีมีราคา หญิงสาวสังเกตว่าบ้านที่มีผู้อาศัยหลายคนค่อนข้างเงียบ กระทั่งป้าแอ๊ดเดินมาส่งถึงห้องรับแขกกรุกระจก ภายในมีชุดโซฟาลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋ม นายหญิงของบ้านกำลังอ่านนิตยสารพลางจิบชา เมื่อเห็นเธออีกฝ่ายจ้องมองตรงๆ ตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างไม่เกรงใจ ก่อนสายตาคู่นั้นจะหยุดที่กลางลำตัว

“ท้องหรือเปล่า”

“คะ”

“ฉันถามว่าหล่อนตั้งใจท้องเพื่อจับรินหรือเปล่า” คุณนายลออลุกจากโซฟา หญิงเจ้าของบ้านแต่งกายสวยงาม เสื้อชีฟองสีน้ำเงินกับกางเกงขากว้างสีขาวเข้าชุดกัน ใบหน้าตกแต่งไว้สวยเนี้ยบ ผมสั้นดัดหยิกเป็นลอน ด้านหน้าตีกระบังต่ำๆ มีหน้าม้าบางๆ อย่างสมัยนิยม “หล่อนอายุเท่าไหร่”

ศรีนางยังไม่ทันตอบคำถามแรกก็เจอคำถามที่สอง “สิบแปดค่ะ”

“แหม พอใช้งานได้ หล่อนก็ใช้ทันที”

“ใช้งาน…งานอะไรหรือคะ” ความคิดของศรีนางบริสุทธิ์ จึงไม่เข้าใจคำถามกระแนะกระแหนส่อเสียด

คุณนายลออใช้สายตาแทนคำพูด คนที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งยังเป็นผู้หญิงเลื่อนสายตามองอก มองเอว และส่วนที่ต่ำกว่านั้นด้วยสายตาดูแคลน

ศรีนางหน้าร้อนผ่าว เมื่อเข้าใจคำถาม เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน

“ไม่น่าเชื่อว่ารินเอาหล่อนทำเมีย ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู ฉันคงไม่เชื่อ” อันที่จริงลออไม่ได้ยินดียินร้ายว่าสารินจะตกต่ำหรือสำเร็จ แต่ลูกติดสามียังมีประโยชน์ อย่างน้อยถ้าสารินได้เป็นลูกเขยนายพล ย่อมดีกว่าได้สาวชาวบ้านเป็นเมีย “รินมีคู่หมายอยู่แล้ว เธอรู้หรือเปล่ายายนุ้ย”

ศรีนางตอบด้วยการพยักหน้า เธอไม่อยากพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ให้เปลืองน้ำลาย

“ไม่มีมารยาท แต่เอาเถอะ ฉันไม่คาดหวังมารยาทจากหล่อนหรอก” ลออสำรวจใบหน้าเรียวเล็กแล้วพูดต่อ “หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ถึงว่า…รินรักรินหลง ถึงขนาดพาเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อเขาไม่ชอบ ไม่ยอมรับ รู้ทั้งรู้ว่ามีเรื่องแน่ๆ ยังกล้าขัดใจคุณเดี่ยว เธอนี่ไม่ธรรมดา”

“คุณนาย มีคนมาค่ะ” แม่บ้านกระซิบเมื่อเห็นรถเก๋งคันใหญ่จอดหน้ารั้ว

“ใคร ไปดูสิ”

ครู่เดียวแอ๊ดก็กลับมาแจ้งเจ้านาย “คุณชายมาค่ะ”

ลออตวัดสายตามองศรีนาง เชื่อว่าก่อนเข้ารายงานตัว สารินคงโทรศัพท์ไปแจ้งน้าชาย ดีเหมือนกัน ฝ่ายนั้นสืบเชื้อสายเจ้านาย คงไม่ยอมรับสาวชาวบ้านลูกตาสีตาสามาเป็นสะใภ้ออกหน้าออกตา

“ไปเชิญคุณชายเข้ามา”

คนมาใหม่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมสูทสากลสีเข้มตัดเย็บอย่างดี ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีส่วนคล้ายหลานชายไม่น้อย ศรีนางจึงมั่นใจว่าคนที่ใครๆ เรียกว่า ‘คุณชาย’ เป็นน้าของสาริน

“ดิฉันไม่ทราบว่าคุณชายจะมา ไม่ได้เตรียมต้อนรับ ต้องขออภัยค่ะ”

“ทำตัวตามสบายเถอะครับคุณลออ” ฉัตรชลธรละสายตาจากแม่เลี้ยงสารินมาที่หญิงสาวร่างเล็กซึ่งนั่งตัวลีบอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวที่ไกลที่สุด ชายหนุ่มเดินอย่างมั่นใจ ก่อนย่อกายเพื่อมองหน้าหลานสะใภ้ชัดๆ

“อุ๊ย คุณชายนั่งต่ำกว่านัง…นั่งต่ำกว่าแม่นุ้ยได้อย่างไรคะ”

“ผมไม่ถือ คุณลออก็วางบ้างนะครับ” ฉัตรชลธรส่งรอยยิ้มประดิษฐ์ให้ลออที่ยืนหน้าม้านอยู่ด้านหลัง เขาเลิกสนใจคนอื่น เอียงศีรษะซ้ายทีขวาที พิจารณาใบหน้าเรียวเล็กของสาวน้อยหน้าสวยแปลกตา “ฉันเป็นน้าของริน”

“สวัสดีค่ะคุณน้า” ศรีนางพนมมือทำความเคารพสวยงาม

“เหาจะขึ้นหัว ขี้กลากจะขึ้นตัว หล่อนต้องเรียกคุณชายว่าคุณชายย่ะ” ลออแว้ดใส่ศรีนางเสียงเขียว

“ไม่เป็นไรครับคุณลออ อันที่จริงก็ถูกต้องแล้ว รินเป็นลูกพี่สาวผม เมียรินเรียกผมว่าน้าก็ถูกแล้ว” เป็นอีกครั้งที่ฉัตรชลธรส่งสายตาตำหนิเจ้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจ เชื่อว่าถ้ายังอยู่ในห้องนั่งเล่น คุณนายลออคงแทรกแซงการสนทนาไม่หยุด “ออกไปคุยข้างนอกดีกว่า ในนี้ร้อนแฮะ”

ครู่เดียวเด็กสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัดก็เดินตามร่างสูงใหญ่ผ่านสนามหญ้าสีเขียวสด คนอายุมากกว่าทรุดนั่งบนเก้าอี้เหล็กดัดริมรั้วใต้ต้นตะแบก ผายมือให้หลานสะใภ้นั่งฝั่งตรงข้าม

“ชื่อนุ้ยใช่ไหมเรา”

“ค่ะ”

“ฉันชื่อฉัตร ฉัตรชลธร” ราชนิกุลหนุ่มแนะนำตัวง่ายๆ

“อ้าว คิดว่าชื่อชาย ใครๆ ก็เรียกคุณน้าว่าคุณชาย”

ฉัตรชลธรหัวเราะ ไม่กี่นาทีที่ได้เจอเมียสารินก็รู้สึกถูกชะตา สาวน้อยตาโตคนนี้อยู่ในวัยก้ำกึ่งคือเด็กที่กำลังโตเป็นสาว ความสดใสแห่งวัยปรากฏชัดในแววตาที่อ่านออกง่ายๆ ว่าจริงใจและเฉลียวฉลาด

“ที่ใครๆ เรียกว่าคุณชายเพราะพ่อฉันเป็นหม่อมเจ้า”

“คะ?” ในหัวศรีนางคิดเร็วจี๋ ฉัตรชลธรมีพ่อเป็นหม่อมเจ้า ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคนตรงหน้าเป็นหม่อมราชวงศ์ ที่สำคัญกว่านั้นคือ แม่สารินเป็น…

“หม่อมราชวงศ์ช่อนลินี ปรียาธร คุณหญิงบัว แม่ของริน” ฉัตรชลธรชี้ที่แหวนบนนิ้วศรีนาง “แหวนวงนั้นสลักชื่อพี่สาวฉัน”

สีหน้าตะลึงของสาวน้อยทำฉัตรชลธรขำระคนเอ็นดู “รินไม่เล่าให้ฟังบ้างหรือ ว่าแม่เขาเป็นใคร”

“ไม่ค่ะ บอกแค่ว่าแม่เสียตอนพี่รินเด็กๆ”

“ไอ้นี่” ชายหนุ่มโคลงศีรษะ อ่อนใจกับสาริน

“พี่รินเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณน้า…” ศรีนางชะงัก สงสัยว่าควรเปลี่ยนคำเรียกขานหม่อมราชวงศ์ฉัตรชลธร ปรียาธรหรือเปล่า “นุ้ยต้องเรียกคุณชายเหมือนคนอื่นไหมคะ”

“เรียกว่าน้าเถอะ ฉันชอบ” ฉัตรชลธรเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเหล็กดัดระหว่างใช้ความคิด “เรื่องริน เดี๋ยวจะสืบให้ แต่ตอนนี้…หลานสะใภ้ต้องเล่าให้คุณน้าฟังอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอสองคน ที่รินหายไป ไม่ติดต่อกลับมา…เพราะรินเจอนุ้ยหรือเปล่า”

“ค่ะ”

ฉัตรชลธรสาบานว่าคิดไม่ถึง สารินคนที่ตรงเป็นไม้บรรทัด แถมยังเชื่อฟังพ่อ ไม่เถียง ไม่ถาม คนแบบนั้นกล้าขัดใจท่านเสนาธิการเพียงเพราะสาวน้อยตาโตคนนี้น่ะหรือ ชายหนุ่มเพียงพยักหน้า อมยิ้มเล็กน้อย เป็นเพราะอานุภาพแห่งรักกระมัง สำหรับหนุ่มเจ้าสำราญ รักง่ายหน่ายเร็วอย่างเขาคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนี้

“พี่รินโดนงูเห่ากัดค่ะ นุ้ยเจอพี่รินในกอไผ่ ถ้าเจอช้ากว่านั้น พี่รินคงเหลือแต่ชื่อ”

“อะ…อะไรนะ รินโดนงูกัด”

“ค่ะ ตาของนุ้ยเป็นหมองู รักษาพี่รินอยู่หลายวันจนหายดี ถ้าคุณน้าถามว่าพี่รินอยู่กับนุ้ยไหม…ใช่ค่ะ เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ในฐานะคนไข้กับหลานหมองู”

ฉัตรชลธรต้องตั้งสติ ขอให้ศรีนางพูดซ้ำหลายครั้งเพราะไม่เข้าใจ อันที่จริงสมองเขาไม่ทำงานตั้งแต่รู้ว่าหลานชายหวิดสิ้นชื่อ “นุ้ยเป็นหลานหมอสาย รินเป็นคนไข้ ใกล้ชิดกัน รักกัน อย่างนั้นใช่ไหม” คุณชายฉัตรเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้เอง

“เอ่อ…ค่ะ” ศรีนางไม่ได้เล่าเรื่องวุ่นๆ ให้ฉัตรชลธรฟัง ปล่อยให้คุณน้ายังหนุ่มเข้าใจอย่างนั้นดีกว่า

“อ่า…ฟอลอินเลิฟจริงๆ ด้วย” ฉัตรชลธรพึมพำกับตัวเอง

“คุณน้าว่าอะไรนะคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดว่ามาถึงวันแรกก็เกิดเรื่องเลย เฮ้อ…เป็นเมียรินต้องอดทน” คุณน้าเห็นหลานสะใภ้ก้มหน้าหลบตาจึงรีบอธิบาย “รินไม่ใช่คนเหลวไหล เป็นคนดี จิตใจดี มีความรับผิดชอบ และเชื่อฟังพ่อเขามาก”

“ค่ะ คุณน้าพูดถูก พี่รินเป็นคนดีมากๆ” ศรีนางยืนยัน

“ที่บอกให้อดทน ฉันหมายถึงทนคนบ้านนี้” ฉัตรชลธรเคาะนิ้วระหว่างใช้ความคิด “รินน่าจะกลับมาช่วงเย็น ฉันจะแวะมาอีกทีแล้วกัน”

“ค่ะ” คำพูดของฉัตรชลธรทำให้ศรีนางใจชื้น รู้จักกันไม่กี่นาทีก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้าถึงง่ายทั้งที่สูงศักดิ์ ไม่เหมือนสามัญชนอย่างคนบ้านนี้

“แล้วก่อนเจอริน ทำอะไรหรือ”

“เรียนหนังสือค่ะ นุ้ยเพิ่งจบมอหก”

ฉัตรชลธรพยักหน้า นึกภาพสารินเกี้ยวเด็ก ม.ปลายไม่ออก ทั้งคู่ไม่น่าโคจรมาพบกันได้ คนที่ไม่เชื่อในรักแท้ยังคลางแคลงสงสัย อย่างไรก็ตามเขาพอใจอยู่ลึกๆ ที่หลานชายกล้าขัดคำสั่งพ่อ อย่างน้อยก็กล้าเลือกเมียให้ตัวเอง

“วางแผนอนาคตไว้ยังไง จะมีลูกเลยไหม”

“มะ…ไม่มีค่ะ” ศรีนางรีบปฏิเสธ

“อ้าว รินรีบร้อนมีเมีย ฉันก็คิดว่าอยากมีลูก” ฉัตรชลธรกอดอก เอียงศีรษะซ้ายทีขวาที สายตาจับจ้องหลานสะใภ้ มั่นใจว่าสองคนมีบางอย่างปิดบัง “รินมีงาน มีเงินเดือน มีสวัสดิการ ลูกกับเมียรินเลี้ยงได้สบายๆ”

“นุ้ยอยากเรียนต่อค่ะ ปีหน้านุ้ยจะเอนทรานซ์” ศรีนางบอกความตั้งใจให้อีกฝ่ายรับรู้

“หืม” นี่ไม่ใช่คำตอบที่ฉัตรชลธรคาดหวัง หลานสะใภ้อยากเรียนต่ออย่างนั้นหรือ

“คุณน้าไม่เชื่อว่านุ้ยเรียนต่อได้เหรอคะ” ศรีนางสบตาชายหนุ่มตรงๆ อย่างไม่เกรงกลัว

“เฮ้ๆ อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความว่านุ้ยเรียนไม่ได้” ฉัตรชลธรอมยิ้ม เมียเด็กของหลานชายท่าทางเอาเรื่องไม่เบา “แค่…เอ่อ…ไม่ค่อยเจอผู้หญิงออกเรือนแล้วแต่ยังเรียนหนังสือ”

“เผื่อพี่รินทิ้งนุ้ย นุ้ยจะได้วิชา มีวุฒิการศึกษา มีอาชีพเลี้ยงตัวค่ะ”

“รินน่ะหรือทิ้งนุ้ย ไม่มีทาง”

ศรีนางรับฟังเงียบๆ ไม่บอกว่าทั้งคู่มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน คำว่าทิ้งอาจเกินจริงไปนิด อันที่จริงเธอหมายถึงต่างคนต่างแยกย้ายเมื่อถึงเวลา…คิดว่าถึงตอนนั้นคงเดินจากไปง่ายๆ ในเมื่อไม่ได้รักกัน

ความอ่อนเยาว์ทำให้เธอชะล่าใจ เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง ศรีนางรู้ซึ้งถึงคำว่า…เจ็บเจียนตาย

“แล้วอยากเรียนอะไร มหาวิทยาลัยเปิดหรือเอกชนก็มีนะ ถ้าสมัครเรียนตอนนี้ ฉันว่ายังทัน” ฉัตรชลธรผู้รอบรู้และกว้างขวางแนะนำหลานสะใภ้ ชื่นชมความคิดความอ่านของสาวน้อย มั่นใจว่าสารินเลือกศรีภรรยาไม่ผิด

“สาขาที่อยากเรียนเปิดสอนเฉพาะมหาวิทยาลัยรัฐค่ะ” ศรีนางแน่วแน่ มั่นคงกับเป้าหมายชีวิต

“หืม…นุ้ยจะเรียนอะไร”

“นุ้ยจะสอบหมอค่ะ”



Don`t copy text!