รู้ไหมมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? ขมิ้นชัน สมุนไพรแสนมหัศจรรย์

รู้ไหมมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? ขมิ้นชัน สมุนไพรแสนมหัศจรรย์

โดย : นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ

Loading

นอกจาก อ่านเอา จะอยากให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายออนไลน์สนุกๆ แล้ว เรายังอยากให้ทุกคนมีสุขภาพกายที่ดีควบคู่ไปกับสุขภาพใจที่ยอดเยี่ยม จึงผุดคอลัมน์ “สุขภาพดีกับหมอโอ๊ต” โดย นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ มาให้ทุกคนได้อ่านและดูแลตัวเองและคนที่รัก เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี เปี่ยมไปด้วยคุณภาพเกรดเอ

…………………………………………..

ขมิ้นชันยังมีฤทธิ์ช่วยคนไข้ที่มีอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี

แพทย์จีนในสมัยราชวงศ์ถังและแพทย์ประจำราชสำนักญี่ปุ่นโบราณ

ก็มีการนำขมิ้นชันหรือ Turmeric มาใช้กันอย่างกว้างขวาง

ขมิ้นชันหรือ Tumeric ที่หมอฝรั่งกำลังตื่นเต้นกับคุณประโยชน์ที่มีมากมาย ถึงกับนำมาวิจัยและเขียนบทความเกี่ยวกับขมิ้นชันออกมานับร้อยๆ ชิ้นนั้น เป็นเรื่องที่หมอยาไทยและหมอฝั่งเอเชียรู้จักกันมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว โดยเฉพาะคนไทยนั้นคุ้นเคยกับขมิ้นชันเป็นอย่างมาก เพราะอาหารหลายอย่างในสำรับของคนไทย ก็มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ

ตำราโอสถพระนารายณ์ ซึ่งเป็นตำรายาแผนไทยที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชให้บรรดาแพทย์หลวงช่วยกันรวบรวมเอาไว้ ก็พูดถึงยาหลายอย่างที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นยารักษาโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ยาบำรุงเลือด ยาบำรุงไต และอีกหลายขนาน

ตำราอายุรเวทของอินเดีย ก็มีสูตรยาสมานแผลที่ใช้ขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบหลัก รวมถึงใช้ผสมในยารักษาอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือท้องเฟ้อ ว่ากันว่านอกจากโรคดังกล่าวแล้ว ขมิ้นชันยังมีฤทธิ์ช่วยคนไข้ที่มีอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี แพทย์จีนในสมัยราชวงศ์ถัง และแพทย์ประจำราชสำนักญี่ปุ่นโบราณก็มีการนำขมิ้นชันหรือ Turmeric มาใช้กันอย่างกว้างขวาง

เรื่องแบบนี้คนเอเชียรู้กันดี แต่ฝรั่งเพิ่งจะรู้ เพราะว่าการแพทย์แผนตะวันออก มักจะถ่ายทอดวิชากันแบบปากต่อปาก ไม่ค่อยมีจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีการทำวิจัยอย่างจริงจัง แตกต่างจากการแพทย์แผนตะวันตกที่จะต้องมีการพิสูจน์ข้อสมมติฐาน มีการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ จึงจะสามารถเชื่อถือและอ้างอิงได้ จึงไม่แปลกอะไรที่จะพบว่าหมอฝรั่งเพิ่งจะมาตื่นเต้นกับคุณประโยชน์มหัศจรรย์ของขมิ้นชันหรือ Turmeric เมื่อสามสิบกว่าปีนี้เอง เราพบว่าในช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา มีวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับขมิ้นชันออกมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ชิ้น และงานวิจัยเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นคุณประโยชน์ที่หลากหลายของ Turmeric มากยิ่งขึ้นไปกว่าที่เคยรู้มาแล้ว นอกเหนือจากคุณสมบัติช่วยรักษาโรคของระบบทางเดินอาหารแล้ว เราพบว่าขมิ้นชันยังมีประโยชน์อีกมากมาย ดังนี้

  1. ขมิ้นชันมีสารต้านการอักเสบ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย รวมถึงช่วยฆ่าเชื้อโรค จึงมีการนำขมิ้นชันมาใช้สำหรับใส่แผลสด ทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  2. ขมิ้นชันมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ พบว่าหากให้ผู้ป่วยมะเร็งรับประทานยาที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ ร่วมไปกับการให้ยาเคมีบำบัด จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว รวมถึงช่วยลดอาการข้างเคียงจากการได้รับยาอีกด้วย นอกจากนี้ งานวิจัยฉบับเดียวกันยังบอกอีกด้วยว่าขมิ้นชันช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วยครับ
  3. ขมิ้นชันมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มสารสื่อประสาทในสมองของเรา การรับประทานอาหารหรือเครื่องดิ่มที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยให้สมองมีความจำที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ รวมไปถึงช่วยลดอาการซึมเศร้า ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงให้กับความคิดความอ่านได้ดีมาก ฉะนั้น อย่าแปลกใจนะครับ ถ้าหากปี 2018 นี้จะเริ่มมีการพัฒนาอาหารและเครื่องดื่มสูตรขมิ้นชันออกมาให้เราได้เลือกซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว
  4. สารบางอย่างในขมิ้นชันสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดชั้นใน ดังนั้น งานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับจึงชี้ให้เห็นว่าขมิ้นชันมีผลช่วยลดอัตราการตายจากหัวใจขาดเลือดได้อย่างชัดเจน
  5. วิจัยของคุณหมอ Sanmukani ชาวอินเดีย พบว่า ขมิ้นชันมีผลช่วยลดอาการปวดข้อของผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

Turmeric เป็นพืชที่มีประโยชน์มากมาย ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่วงการแพทย์กำลังทำการศึกษา และจะประกาศให้โลกรู้ในอีกไม่ช้านี้ ความโชคดีของคนไทยเราก็คือ ขมิ้นชันนั้นอยู่ในวิถีชีวิตของคนเรามานานแล้ว ทุกวันนี้ก็หาได้ไม่ยาก ราคาไม่แพง ในสำรับอาหารหลายอย่างก็มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ หลังอ่านบทความนี้จบ เรารีบไปหาขมิ้นชันรับประทานกันดีกว่าครับ คุณประโยชน์มากมายกำลังรอคุณๆ อยู่แล้ว

 

Don`t copy text!