หน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะท้องผูกอยู่หรือเปล่า วิธีพิชิตอาการท้องผูกที่คุณก็ทำได้

หน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะท้องผูกอยู่หรือเปล่า วิธีพิชิตอาการท้องผูกที่คุณก็ทำได้

โดย : นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ

นอกจาก อ่านเอา จะอยากให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายออนไลน์สนุกๆ แล้ว เรายังอยากให้ทุกคนมีสุขภาพกายที่ดีควบคู่ไปกับสุขภาพใจที่ยอดเยี่ยม จึงผุดคอลัมน์ “สุขภาพดีกับหมอโอ๊ต” โดย นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ มาให้ทุกคนได้อ่านและดูแลตัวเองและคนที่รัก เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี เปี่ยมไปด้วยคุณภาพเกรดเอ

…………………………………………..

 

ทางการแพทย์นิยามว่า ถ้าถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เรียกว่ามีอาการท้องผูก”

ท้องผูกเป็นอาการที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่เราจะพบได้บ่อยๆ ในเด็กและผู้สูงอายุ แท้ที่จริงแล้วในแต่ละช่วงชีวิตของคนเรา อาการท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้บ้างอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอาการนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วละครับ

ท้องผูกคืออะไร แบบไหนที่เรียกว่าท้องผูก แบบนี้เรามาทำความรู้จักกับอาการท้องผูกกันก่อนนะครับ

อาการท้องผูก หมายถึงอาการที่มีความยากลำบากในการถ่ายอุจจาระ ต้องใช้เวลาในการขับถ่ายมาก ต้องใช้แรงเบ่งถ่ายอุจจาระ ลักษณะอุจจาระแข็งมาก ถ่ายแล้วแต่ยังมีความรู้สึกว่าถ่ายไม่หมด หรือถ่ายยังไม่สุด หรือยังปวดท้องอยากถ่าย หรือเบ่งอยู่ตลอดเวลา

ถ้าพิจารณาจากความถี่ของการถ่ายอุจจาระ ทางการแพทย์นิยามว่า ถ้าถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เรียกว่ามีอาการท้องผูก

ท้องผูกเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ดังนี้ครับ

  1. รับประทานอาหารที่มีกากน้อย หรือมีเส้นใยน้อยมาก ส่วนมากจะเกิดในผู้ที่ไม่ชอบกินผัก หรือระบบเคี้ยวอาหารมีปัญหา หากท้องผูกเกิดจากสาเหตุนี้ ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายครับ นั่นก็คือพยายามรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น หากรู้สึกว่าผัดสดเหนียว เคี้ยวยาก ก็สามารถต้มหรือนำไปปรุงจนสุกก็จะช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ชอบรับประทานผักนั้น ผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ อาจพยายามหาวิธีเชิญชวนให้บุตรหลานของท่าน รับประทานผักในรูปแบบต่างๆ กัน ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารหลายอย่างที่ทำมาจากผัก อร่อย รับประทานง่าย ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยนะครับ
  2. ดื่มน้ำในปริมาณน้อยเกินไป น้ำดื่มถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เซลล์ของร่างกายมีน้ำเป็นองค์ประกอบไม่ต่ำกว่า 70% ในผู้สูงอายุมักจะดื่มน้ำน้อย เนื่องจากศูนย์ที่กระตุ้นให้รู้สึกหิวน้ำทำงานไม่ค่อยดี ผู้สูงอายุจึงไม่ค่อยรู้สึกหิวน้ำ และในบางรายมีปัญหาเรื่องกลั้นปัสสาวะลำบากหรือกลั้นไม่อยู่ ผู้สูงอายุก็เลยพยายามจะดื่มน้ำให้น้อยลง เมื่อร่างกายได้น้ำน้อย ไม่พอใช้ ร่างกายก็จะพยายามดูดน้ำจากอาหารในลำไส้ ทำให้กากอาหารแข็งมากขึ้น ทำให้ถ่ายออกยาก เกิดอาการท้องผูกตามมา
  3. ไม่ได้ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือเคยชินกับการกลั้นอุจจาระบ่อยๆ หลายคนถ้าพบว่าห้องน้ำไม่สะอาด หรือเดินทางนอกสถานที่ จะไม่อยากเข้าห้องน้ำ เมื่อปวดอุจจาระก็กลั้นเอาไว้ ขอแนะนำว่าหากปวดอุจจาระในเวลาไหน ก็ควรไปถ่ายเวลานั้น เพราะถ้าหากเกิดปวดถ่าย แต่ไม่สามารถจะไปขับถ่ายได้ เช่น กำลังอยู่ในงานเลี้ยง หรืออยู่ในที่ที่ไม่มีห้องน้ำที่สะอาดพอ ทำให้ต้องกลั้นเอาไว้ หรือบางคนกำลังทำงานอดิเรกอยู่เพลินๆ ดูทีวีเพลินๆ ก็ไม่อยากลุกไปถ่าย ทำแบบนี้บ่อยๆ ร่างกายก็จะเกิดการจดจำ และกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท้องผูกได้ครับ
  4. การรับประทานอาหารหรือยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนเป็นส่วนผสม, เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์, ยาแก้ไอ หรือยาแก้ปวดบางชนิด กรณีนี้ต้องปรึกษาแพทย์นะครับ อย่าพยายามแก้ปัญหาด้วยการไปซื้อยาระบายมารับประทาน เพราะเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด และอาจทำให้ติดยาระบายได้ครับ
  5. มีโรคทางกายบางโรค ที่มีผลทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น คนไข้เบาหวานที่เป็นมานาน โรคที่ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ และภาวะแคลเซียมในเลือดสูงก็จะทำให้ท้องผูกได้เช่นกัน ซึ่งถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ก็ควรปรึกษาแพทย์นะครับ

เห็นไหมครับว่าเรื่องท้องผูกในบางครั้งอาจไม่ใช่ภาวะปกติ แต่เกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายอย่าง ถ้าเราทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ก็สามารถแก้ไขให้ระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติได้

มีอาหารและผลไม้หลายอย่างที่ช่วยระบายท้อง หากเกิดอาการท้องผูกลองรับประทานมะละกอ ส้ม พรุน สับปะรด และองุ่น ก็เป็นทางเลือกที่ดี

ไม่แนะนำให้ใช้ยาระบายหากไม่จำเป็น มีคนไข้จำนวนมากที่ติดสมุนไพรช่วยขับถ่าย ยาระบาย เพราะรับประทานเป็นประจำจนลำไส้ไม่ทำงานด้วยตัวเอง แต่ต้องรอให้มีสารมากระตุ้น อันนี้อันตรายครับ เพราะมีแนวโน้มว่าจะต้องกินยาเหล่านั้นไปตลอด แถมกินไประยะหนึ่งแล้วจะต้องเพิ่มปริมาณอีกด้วย เพราะกินเท่าเดิมเริ่มไม่ได้ผล

หากมีข้อสงสัย หรือมีปัญหาเรื่องท้องผูก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประจำของท่านจะดีที่สุดครับ

Don`t copy text!