ผิวแห้ง ไม่สบายตัว เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัยจริงหรือไม่

ผิวแห้ง ไม่สบายตัว เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัยจริงหรือไม่

โดย : นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ

Loading

นอกจาก อ่านเอา จะอยากให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายออนไลน์สนุกๆ แล้ว เรายังอยากให้ทุกคนมีสุขภาพกายที่ดีควบคู่ไปกับสุขภาพใจที่ยอดเยี่ยม จึงผุดคอลัมน์ “สุขภาพดีกับหมอโอ๊ต” โดย นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ มาให้ทุกคนได้อ่านและดูแลตัวเองและคนที่รัก เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี เปี่ยมไปด้วยคุณภาพเกรดเอ

…………………………………………..

“เวลาอายุมากขึ้น ชั้นต่างๆ ของผิวหนังบางตัวลง

ต่อมไขมันใต้ผิวหนังก็ลดจำนวนลง

ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีผิวแห้งได้ง่าย”

 

หากลองสังเกตคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย เราอาจเคยเห็นผิวของท่านดูแห้งๆ แถมบางครั้งยังมีอาการคัน ทำให้ต้องเกาบ่อยๆ   พอเกามากเข้าก็เกิดเป็นแผลหรือมีเลือดออกขึ้นมาได้ ที่จริงแล้วอาการผิวแห้งเป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัยใช่หรือไม่

ตัวเราเองก็เช่นกัน ลองสังเกตดูง่ายๆ เลยครับว่า เวลาอายุมากขึ้น เรามักจะรู้สึกว่าผิวแห้งง่าย บางครั้งออกไปนอกบ้านเพียงประเดี๋ยวเดียวก็รู้สึกคันยุบๆ ยิบๆ ผิวแห้งเสียแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมานี้เป็นกลไกปกติหรือเปล่า เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ผิวของคนเราจะแห้งง่ายจริงหรือเปล่า

ความเข้าใจนี้เป็นความจริงที่ทางการแพทย์ยอมรับกันทั่วไป

การเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เกิดขึ้นในผู้สูงวัยก็คือ ชั้นต่างๆ ของผิวหนังบางตัวลง ต่อมไขมันใต้ผิวหนังก็ลดจำนวนลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีผิวแห้งได้ง่าย และเมื่อผิวแห้งมากเข้า ก็จะทำให้เกิดอาการคันตามมาครับ เมื่อคันมากๆ ก็จะเกา เมื่อเกามากๆ ก็จะเกิดการอักเสบ บวมแดงเป็นปื้น หรือบางครั้งก็เกิดรอยช้ำเขียวเป็นจ้ำๆ ได้

ตำแหน่งที่พบมีผิวแห้งง่ายในผู้สูงวัยก็คือบริเวณแขนด้านนอก หน้าแข้ง ตาตุ่ม และข้อศอก นอกจากนี้ตามลำตัว สีข้าง ก็เป็นตำแหน่งที่พบได้มากเช่นเดียวกัน

ปัจจัยที่ทำให้ผิวของผู้สูงวัยแห้งง่ายและวิธีแก้ไข มีดังต่อไปนี้

  1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อยๆ บางครั้งเวลาคันตัวหรือร้อน เรามักจะไปอาบน้ำ เพราะคิดว่าจะช่วยลดอาการคันได้ดี แต่เป็นความเข้าใจที่ผิด ยิ่งอาบน้ำบ่อย ผิวจะยิ่งแห้งง่าย โดยปกติแล้วผู้สูงอายุมักรู้สึกร้อนง่ายกว่าหนุ่มสาว ทำให้บางคนอาบน้ำบ่อยๆ มากกว่าวันละ 2 ครั้ง หรือผู้สูงวัยบางคนมีอาการหลงลืม ทำให้อาบน้ำบ่อยเพราะจำไม่ได้ว่าตนเองอาบไปแล้ว การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้ไขมันบนผิวหนังถูกชะล้างออกไป จึงทำให้ผิวแห้งได้ง่าย
  2. สบู่บางชนิดทำให้ผิวแห้งตึงได้ง่ายครับ โดยเฉพาะสบู่ที่มีไขมันสัตว์ผสมจะทำให้ผิวแห้งตึงและสูญเสียความชุ่มชื้น ลองเปลี่ยนมาใช้สบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของไขมันสัตว์จะช่วยได้มาก ที่ฉลากของสบู่ทุกชนิดจะมีระบุเอาไว้ว่าทำจากไขมันชนิดใด หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่าน
  3. การทายาทาแก้คันบางประเภทอาจจะช่วยได้ ยาทาแก้คันชนิดที่ผสมแป้งจะช่วยให้หายคันได้จริง แต่ก็จะทำให้ผิวในบริเวณนั้นแห้งตึงมากเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากผิวแห้งง่ายและคันบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
  4. การอยู่ในสถานที่ที่อากาศแห้งและเย็น เช่น ห้องแอร์ หรือสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และแห้งตึง อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการแสบและคันผิวอีกด้วย ดังนั้น ถ้าหากจำเป็นต้องอยู่ในห้องแอร์ หรือต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดดภายนอก ขอแนะนำให้ผู้สูงอายุใช้โลชั่นทาผิวเป็นประจำ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง และลดอาการคัน
  5. ดื่มน้ำมากๆ ก็เป็นการช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและลดอาการคันได้เป็นอย่างดี ผู้สูงอายุบางครั้งไม่ค่อยอยากดื่มน้ำ เพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะ โดยเฉพาะเวลาเดินทางไปไหนไกลๆ ก็มักจะอดทน ขอแนะนำให้แก้ปัญหาด้วยการ ดื่มน้ำทีละน้อย ดื่มบ่อยๆ จะช่วยให้ผิวหนังของเราชุ่มชื้น ไม่เกิดอาการคันง่ายๆ เหมือนก่อนหน้านี้

เรื่องผิวแห้งของผู้สูงอายุ เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ไม่ยาก ถ้าเราจะใส่ใจและสนุกกับสุขภาพ แต่ถ้าหากอาการคันนั้นมีมากจนผิดปกติ หรือผื่นที่เกิดขึ้นแลดูน่ากลัว คงถึงเวลาที่ต้องปรึกษาแพทย์แล้วละครับ

 

FYI :

  • อาการคันหรือ Itch ทางการแพทย์เรียกว่า ‘Pruritus’ เป็นศัพท์ภาษาละติน มีความหมายว่า ความรู้สึกไม่สุขสบาย ซึ่งบัญญัติขึ้นโดยนายแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ ซามูเอล ฮาเฟนเรฟเฟอร์ โดย นพ. ซามูเอล เป็นหมอคนแรกๆ ของโลกที่ทำการศึกษาเรื่องอาการคันในมนุษย์อย่างจริงจัง ตำราโรคผิวหนังที่ซามูเอลเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1660 ถือเป็นตำราสำคัญเล่มแรกๆ ของโลก ที่ข้อมูลหลายๆ อย่างในนั้น และยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้

Don`t copy text!