นิราศรักสองนครา บทที่ 18 : ความไม่ลงตัวในจิตใจ
โดย : ปรียนันทนา
นิราศรักสองนครา โดย ปรียนันทนา เรื่องราวของโชติ หญิงสาวชาวสยาม กับทางเลือกสองทาง ความรักของชายหญิงกับความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด เธอจะเลือกทางใด และหากไม่สามารถเลือกได้ จะมีหนทางใดที่ใจสองดวงจะมาบรรจบพบกัน ณ จุดที่ลงตัวได้หรือไม่ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านพร้อมกันที่นี่ anowl.co
อาทิตย์อัสดงแปรเปลี่ยนผืนนภาให้ค่อยๆ ระเรื่อเรืองทองจวบจนเข้าสู่รัตติกาลแสงอันทอประกายเมื่อครู่ก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว กระนั้นดวงดาวเล็ก ๆ บนผืนฟ้าอันห่างไกลสุดตาก็ยังคงจรัสแสงงดงามเสมอ
หญิงสาวผู้มีใบหน้าคมคายก้าวขึ้นเรือนมาพร้อมกับเด็กหญิงคนสนิท แววตาอันเหน็ดเหนื่อยแฝงด้วยความกังวลอันมิใช่ความปกติของโชติทำให้ผู้เป็นบิดาอดไม่ได้ที่ทักบุตรีอย่างเป็นห่วง
“แม่โชติ ไปเรือนคุณหลวงมาเป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”
“อาการคุณน้ายังทรงๆ มิได้ดีขึ้นค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างบิดาที่บัดนี้กำลังล้างมือในขันเงินหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็น
“มากินข้าวกินปลาเสียก่อนสิ ค่อยๆ กินไปเล่าไปก็ได้”
“ลูกรับของว่างจากเรือนโน้นมาบ้าง ยังมิรู้สึกหิวดอกค่ะ” หญิงสาวพูดขณะที่บ่าวจัดจานช้อนมาส่งให้อย่างรู้หน้าที่ “แต่กินสักหน่อยก็คงดีนะคะ เดี๋ยวแม่จะหาว่ามิใคร่อยากอาหารที่เรือนนี้” หญิงสาว
เย้านางแสงผู้เป็นมารดาเพื่อให้ตนเองคลายจากความเคร่งเครียดเรื่องข่าวที่ได้ยินจากมิชชันนารีชาวอเมริกัน
นางแสงมองบุตรสาวคนเดียวอย่างเอ็นดูในความช่างเจรจา นางมองปราดเดียวย่อมรู้ดีว่าโชติกำลังมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ แม้อีกฝ่ายพยายามข่มความรู้สึกแล้วเลือกใช้น้ำเสียงร่าเริงแต่ก็มิอาจเล็ดรอดความช่างสังเกตของผู้เป็นมารดาไปได้ ดังนั้นเมื่อบ่าวนำสำรับมาเติมแล้วนางจึงไล่ให้ทุกคนลงเรือนไปเสียก่อน จากนั้นจึงปล่อยให้พ่อลูกได้สนทนากันตามประสา
“มีเรื่องร้อนใจอันใดฤาแม่โชติ หน้าตาแลดูกังวล”
“พี่โชติกังวลเรื่องที่หมอบลัดเลย์ลงข่าวเกี่ยวกับท่านกงสุลเป็นแน่” กลอยอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นออกมา แม้รู้ว่าอาจออกหน้ามากไปแต่เด็กหญิงเรียนรู้ว่าผู้ใหญ่ในเรือนนี้ค่อนข้างใจกว้างในการรับฟังความเห็นของคนในเรือน
“ลูกยังกังวลเรื่องนี้อีกฤา” คุณพระผู้เป็นบิดาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่บุตรสาวใส่ใจในเรื่องนี้จริงจัง
“เจ้าค่ะ ลูกค่อนข้างกังวลว่าฝ่ายกงสุลอาจมิชอบใจ”
“เป็นใครก็คงมิชอบดอก เอาเรื่องของเราไปประกาศให้คนอื่นรู้ แต่ครานี้พ่อเห็นว่ากงสุลทำมากเกินไป หมอปลัดเลคงทนมิได้ด้วยสนิทสนมแลนับถือพระองค์ท่านยิ่งนัก”
กลอยนั่งมองใบหน้าของผู้เป็นบิดาและบุตรีสลับกันไปมาอย่างนึกชื่นชมแกมประหลาดใจ ด้วยมิเคยเห็นบ้านใดที่พ่อกับลูกสาวพูดคุยกันด้วยเรื่องบ้านเมืองเช่นนี้ ส่วนนางแสงผู้เป็นมารดาก็ดูเหมือนจะนิยมชมชอบที่บรรยากาศในบ้านเป็นไปเช่นนี้สม่ำเสมอ ราวกับว่าพี่โชติของกลอยมิใช่หญิงสาวผู้อยู่ในวัยควรออกเรือนซึ่งมีแต่จะต้องฝึกฝนการบ้านการเรือนมิใช่ใฝ่หาแต่การศึกษาเรื่องอ่านเขียนเช่นที่กำลังเป็นอยู่สักนิด
“ลูกเกรงว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จากอุปนิสัยของเขาที่ได้ฟังคุณพ่อเล่ามาเจ้าค่ะ”
“คงมิมีสิ่งใดย่ำแย่ไปกว่ายามนี้มากนักดอกแม่โชติ” คุณพระนรินทรราชเสนายกขันน้ำลอยดอกมะลิขึ้นดื่มพลางส่ายหน้าอย่างทำใจก่อนหันไปมองหน้านางแสงที่ส่งจานผลไม้ให้อย่างรู้ใจ
“ลูกก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
โชติเอ่ยพลางเอื้อมมือไปหยิบผักสดมาถืออย่างใจลอยพลางถอนหายใจออกมาอีกโดยไม่รู้ตัว หากแต่คนรอบข้างก็สังเกตได้ว่าวันนี้หญิงสาวมีท่าทีแปลกไปกว่าทุกวัน ความกังวลเรื่องข่าวคราวที่ลงหนังสือพิมพ์อาจเป็นเหตุผลหลักที่คนอื่นรับรู้ มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีว่าความกังวลที่เกิดขึ้นเกินเลยไปกว่าเรื่องที่คิดตรงหน้ามากมายนัก
เสียงหัวเราะเล็กๆ ของเด็กหญิงประสานกันอย่างมีความสุขโดยมีเด็กหญิงผิวขาวแก้มกลมเป็นต้นเสียง
“พวกเอ็งหัวเราะกันเสียงดังจนไม่ได้สนใจเลยหรือว่าพี่โชติมิได้เออออด้วยสักนิด” กลอยหันไปถามเพื่อนๆ ซึ่งก็ได้ผลเพราะเสียงหัวร่อต่อกระซิกแผ่วเบาจนจางหายไปในเวลาแสนสั้น
“พี่โชติเป็นอันใดจ๊ะ มิใคร่สบายฤา” พุดตานส่งเสียงใสแจ๋วแต่แววตาเป็นกังวล
“พี่มิเป็นไรดอกแม่พุดตาน” หญิงสาวสลัดความคิดที่ติดค้างในหัวออกไปพลางหันมาเจรจาโต้ตอบกับเด็กหญิง “มาอ่านหนังสือกันต่อเถิด”
“คงมิได้อ่านเสียแล้วกระมัง” เด็กหญิงกระเซ้าเมื่อเห็นชายผิวขาวผมสีน้ำตาลอ่อนแววตาอ่อนโยนกำลังเดินตรงมายังจุดที่พวกเธอนั่งอยู่
“คุณโชติ” ชายหนุ่มทอดเสียงอย่างอ่อนโยนเมื่อสบตาคู่งามของหญิงสาว
“วันนี้ฉันยังมิเสร็จจากการช่วยสอนเด็กๆ เลยค่ะ” โชติออกตัว
“มิเป็นไร ผมรอได้” เขาทรุดตัวลงนั่งห่างออกมาจากเธอและเด็กๆ หากก็มีท่าทางคุ้นเคยคล่องแคล่วมิเก้อเขิน
โชติรวบรวมสมาธิหันไปใส่ใจกับการอ่านหนังสือของเด็กๆ อย่างตั้งใจ เพียงครู่หนึ่งมิสซิสเฮาส์ก็ปลีกตัวจากงานสอนเย็บปักให้นักเรียนบางคนมาฟังการอ่านออกเสียงของเด็กหญิงแล้วบอกให้โชติไปนั่งสนทนากับมิเชล หญิงสาวผละจากกลุ่มอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อเห็นเขามองจ้องอย่างยินดีเธอจึงพยายามปัดเรื่องขุ่นข้องในใจออกไป
“วันนี้คุณจะสอนเรื่องใดแก่ผม” เขาถามเป็นภาษาอังกฤษ
“คุณเริ่มเข้าใจภาษาสยามมากขึ้นแล้ว อาจเพราะคลุกคลีกับพวกเรานานขึ้น อีกทั้งความเป็นคนชอบเจรจาจึงเรียนได้อย่างรวดเร็ว”
“มิถึงขนาดนั้นดอก ผมมีครูดีต่างหาก” เขามองเธออย่างลึกซึ้ง
“อาจใช่ แต่คงมิใช่ทั้งหมด” โชติบอกเสียงขรึมอย่างเก็บความรู้สึก
“วันนี้ดูท่าทางคุณแปลกไป มีสิ่งใดในใจหรือไม่”
“คุณได้เห็นเรื่องที่หมอบลัดเลย์ลงหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับท่านกงสุลฝรั่งเศสหรือไม่”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มเปลี่ยนแปรจากกระจ่างสว่างใสเมื่อครู่เป็นเคร่งขรึมเจือหมองหม่นราวกับรับรู้ว่ากำลังจะเกิดความยุ่งเหยิงในใจระหว่างหญิงสาวตรงหน้ากับเขา
“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยฤา”
“ค่ะ ฉันรู้ แลรู้ว่าการที่หมอบลัดเลย์ทำเพราะท่านทนมิได้ที่ในหลวงมิได้รับความเคารพเช่นที่ควรเป็น”
“หาเป็นเช่นนั้นไม่นะคุณโชติ คุณอา…” เสียงเขาสะดุดหยุดลงแล้วเจ้าตัวก็เริ่มเอ่ยอีกรอบโดยหญิงสาวกำลังรอฟัง “ท่านกงสุลมิได้ไม่เคารพพระเจ้าอยู่หัวของคุณ ท่านเพียงทำตามหน้าที่ที่ได้รับมา”
“แต่สิ่งที่ฉันรับรู้มาช่างตรงข้ามกับสิ่งที่คุณกำลังพยายามพูดนะคะ”
“คุณรับรู้อันใดมาฤา” เขาเอ่ยเสียงเคร่งเครียดด้วยรู้สึกว่าเรื่องนี้มิควรเกี่ยวข้องกับความรู้สึกระหว่างเขาและเธอเลย
“พฤติกรรมต่อหน้าพระพักตร์เป็นสิ่งที่มิอาจมองผ่านเลยไป หากแต่พระองค์ทรงมีขันติแลเห็นแก่บ้านเมืองสองประเทศที่ควรจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้จึงทรงนิ่งเฉยเสีย”
“เช่นนี้จึงมีการเอาเรื่องราวไปลงหนังสือให้ผู้อื่นรับรู้ฤา” เขาเริ่มรู้สึกว่าไม่เปนธรรมกับท่านกงสุลนัก
“หมอบลัดเลย์เป็นมิตรที่ดีของราชวงศ์แลอาศัยอยู่ในเมืองนี้มานานจนเข้าใจถ่องแท้ถึงจิตใจคนสยาม เขาทำเพื่อปกป้องเกียรติยศของพระองค์”
“คุณกำลังจะบอกว่าพวกเรามิเป็นมิตรดอกหรือ” น้ำเสียงเขาทั้งน้อยใจและขุ่นเคืองเมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยถึงมิชชันนารีชาวอเมริกันผู้คุ้นเคยกับชาวสยามจริงเช่นที่โชติบอก
“สุดแท้แต่คุณจะคิดเห็นเถิด สำหรับวันนี้ฉันคิดว่าการสนทนาของเราเพียงพอเท่านี้ แม้มิใช่การเรียนภาษาสยามแต่ขอให้ถือว่าเป็นการเรียนรู้ความคิดแลพฤติกรรมของชาวสยามก็แล้วกันนะคะ”
“เหตุใดจึงทำเช่นนี้ คุณโชติ” มิเชลเอ่ยถามเสียงเรียบแววตาสะท้อนอารมณ์หลากหลายแต่ที่เด่นชัดที่สุดคือความไม่เข้าใจ
“หากประสงค์จะเรียนอีกก็ขอให้เป็นวันหน้าเถิดคุณมิเชล” หญิงสาวไม่มีคำตอบให้เขาหากแต่เลือกที่จะตัดบทการสนทนาระหว่างคนทั้งสองอย่างไม่อาวรณ์ด้วยคิดว่าความคิดของเขาและเธอกำลังสวนทางอย่างที่ไม่มีใครถูกหรือผิด หากดึงดันคุยกันต่อไปคงไม่ต่างกันกับการพายเรือวนในอ่าง
“เมื่อคุณอยากให้เป็นเยี่ยงนี้ วันนี้ผมต้องขอลา”
เขาลุกขึ้นยืนแล้วก้มศีรษะก่อนผละไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่อีกครู่ก่อนจะหันมาตามเสียงเรียกของมิสซิสเฮาส์ผู้สังเกตเห็นความผิดปกติจนต้องเดินมาดูว่าเกิดเหตุใดที่ทำให้ชายหนุ่มผู้กระตือรือร้นในการพบเจอแม่โชติศิษย์เอกของเธอถึงกับต้องถอยล่าไปในวันที่บรรยากาศทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง
บรรยากาศบนเรือนไม่เงียบเชียบเพราะมีเสียงเล็กๆ ใสแจ๋วของบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของสองสามีภรรยากำลังหัวเราะอย่างเริงรื่นกับพี่เลี้ยง ผู้เป็นมารดามักให้พี่เลี้ยงพาเด็กหญิงเล่นอีกนิดหน่อยหลัง
จากรับประทานอาหารเย็น แต่วันนี้มีคนแวะเวียนมาที่เรือนในตอนกลางวันทำให้เด็กหญิงตื่นเต้นและได้ออกแรงมากกว่าทุกวัน ถึงกระนั้นแม่เพ็ญก็ยังมีเรี่ยวแรงเหลือสำหรับรอเล่นบ้านตุ๊กตาของพี่โชติเสมอ เด็กหญิงส่งเสียงหัวเราะถูกใจเมื่อพี่เลี้ยงหยิบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงบนบ้านชั้นสองส่งให้
“เล่นสนุกอันใดกันฤาแม่จัน แม่เพ็ญ” หลวงภูบดินทร์พิทักษ์ก้าวขึ้นเรือนพร้อมกับส่งเสียงทักทายทายอย่างยินดีทว่าแววตาค่อนข้างหมองหม่นและมีร่องรอยความเศร้าเจือในนั้น
“ฉันเล่นมิได้เล่นค่ะคุณพี่ ลูกสิคะ สนุกสนานราวกับเพิ่งเคยเห็น” หญิงสาวมองบุตรสาวคนเดียวอย่างเอ็นดู
“บ้านตุ๊กตาของแม่โชตินั่นเอง ท่าทางจะถูกใจมาก” คุณหลวงอุ้มเพ็ญขึ้นมานั่งบนตักพลางบรรจงหอมแก้มอย่างคิดถึง แม่เพ็ญก็หัวเราะคิกคักอย่างถูกใจยามที่บิดากอดไว้ในอ้อมอก
“มิได้กลับเรือนหลายคืน เป็นเยี่ยงไรบ้างคะคุณพี่” จันเอื้อมมือไปรับสำรับจากบ่าวที่รีบนำออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของเรือนกลับมา
“พี่มิเป็นไรดอก แต่อาการของพระองค์ท่านมิใคร่ดี” เขาเอ่ยถึงเจ้านายด้วยความหวาดหวั่นในจิตใจหากเพียงไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันมาใส่ใจไถ่ถามภรรยาอย่างห่วงใย
“แล้ววันนี้หมอมาตรวจดูอาการน้องที่บ้านท่านว่าอย่างไรบ้าง” เขาเอ่ยพลางมองหน้าที่ตอบไปถนัดตาของผู้เป็นภรรยา
“มิได้ว่าอย่างใดค่ะ เพียงแต่ให้ยาฝรั่งเพ่ิมแลบอกว่ากินคู่กันกับยาสมุนไพรที่คุณพี่หามาให้ได้” จันมิได้บอกว่าหมอบลัดเลย์และแม่โชติเห็นควรว่าอาจต้องให้หมอจีนลองมาตรวจดูบ้าง เธอเกรงว่าตนเองจะทำให้สามีห่วงหน้าพะวงหลัง ในเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับพระอาการของสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ แล้ว เธอเข้าใจดีและคิดว่าอีกไม่นานอาการของตนเองคงดีขึ้น
“เช่นนั้นวันพรุ่งพี่จะให้นายพลับรีบไปเอายามาให้ก็แล้วกันนะ”
เขาเอ่ยอย่างมาดมั่นพลางมองหน้าภรรยาอย่างกังวลแต่ก็เชื่อมั่นในยาหลายขนานที่เธอกำลังใช้อยู่ว่าคงทำให้อาการทุเลาเบาบางลงจนร่างกายหายขาดได้ในไม่ช้า ด้วยเพราะแม่ของลูกเป็นคนแข็งแรงและอายุยังน้อย อาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงผลพวงจากความตั้งใจและใส่ใจในการลี้ยงลูกจนละเลยใส่ใจตัวเองกระทั่งในที่สุดก็ส่งผลต่อร่างกาย
หลวงภูบดินทร์พิทักษ์เรียกคนสนิทมาสั่งความเรื่องวันพรุ่ง จากนั้นพาบุตรสาวเข้านอนอย่างอารมณ์ดี แม้ความหมองเศร้าในใจมิอาจคลายลงทว่าเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กหญิงช่วยบรรเทาให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
เขาได้แต่หวังว่านี่อาจสัญญาณอันดีนับแต่นี้เป็นต้นไป !
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 33 : โมงยามแห่งความทรงจำ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 31 : หลานสาวภริยาท่านทูต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 30 : หญิงสาวสองคนในเมืองใหญ่
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 29 : ต่างบ้านต่างเมือง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 28 : ก่อนถึงจุดหมาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 27 : ห่างกันไปไกล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 26 : เพียงชั่วเวลาพลิกฝ่ามือ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 25 : ในความคิดคำนึง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 24 : จังหวะของหัวใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 23 : การเดินทางสู่โลกกว้าง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 22 : เรื่องประหวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 21 : อุปสรรคและทางออก
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 20 : โรงเรียนเด็กหญิงในสยาม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 19 : ฤาดวงใจที่ไหวหวั่นอาจลับหาย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 18 : ความไม่ลงตัวในจิตใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 17 : หวั่นใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 16 : มิอาจทำใจยอมรับ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 15 : สยามกับคนในร่มธงฝรั่งเศสและความสัมพันธ์ที่เริ่มเปลี่ยนไป
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 14 : เรื่องที่ไม่อาจเอ่ย
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 13 : เรื่องดีและร้ายภายในหนึ่งวัน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 12 : สัญญาณที่ดี
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 11 : อิสระทั้งกายใจ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 10 : โอกาสของเด็กหญิง
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 9 : ท่าทีเริ่มดีขึ้น
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 8 : ความเป็นไปของชีวิต
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 7 : ผู้ก่อเหตุ
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 6 : พบกันอีกครา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 5 : ความกังวล
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 4 : บทสนทนา
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 3 : บ้านลานย่านบางขุนพรหม
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 2 : ทุ่งสามเสน
- READ นิราศรักสองนครา บทที่ 1 : สองฝั่งน้ำ
- READ นิราศรักสองนครา : บทนำ