เมืองลึกลับในเงื้อมเขา

เมืองลึกลับในเงื้อมเขา

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

ฉันชอบเมืองแปลก เมืองเก่า เมืองโบราณ อย่างที่ชอบย้ำจนผู้อ่านอาจนึกเบื่อและหมั่นไส้ขึ้นมา

แต่ก็อดย้ำไม่ได้ เพราะความหลงใหลนี้จึงนำพาฉันให้เดินทางสู่เส้นทางแปลกใหม่ ตื่นเต้นตาเป็นประกายทุกครั้ง และครั้งนี้ฉันเลือกเมืองเก่า เมืองวัฒนธรรม เมืองกันดารในอิตาลีตอนใต้ที่คนไทยอาจยังไม่คุ้นเคยมาก แต่ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ฉันขอเรียกเส้นทางนี้ว่า Unseen Italy ก็แล้วกัน

ประเทศอิตาลีมีรูปร่างเหมือนรองเท้าบูต ฉันเพิ่งเที่ยวส่วนหน้าแข็งรองเท้าบูตมา แต่ส่วนที่กำลังผจญภัยเป็น Unseen Italy นั้นอยู่ในส่วนน่องค่อนไปทางข้อเท้า จากนั้นก็จะลัดเลาะลงมาเรื่อย ๆ จนถึงส้นรองเท้าบูตกันเลย

ก่อนที่จะมีใครหมั่นไส้ที่เรียกว่าไปเที่ยวที่อันซีน ฉันขออธิบายก่อนว่าที่มันอันซีนก็เพราะไปเที่ยวยาก เดินทางยาก ไม่ค่อยมีทัวร์จัดไป หรือต่อให้เดินทางไปเองก็ยังยากเพราะรถขนส่งสาธารณะที่จะไปถึงมีน้อยและยังไม่ทันสมัยมากเมื่อเทียบกับเมืองส่วนบนของประเทศ

ให้ลองนึกจินตนาการภูมิประเทศรูปรองเท้าบูตของอิตาลีดู ส่วนบนของประเทศมีพรมแดนติดกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป ความเจริญต่าง ๆ จะแพร่เข้ามาง่ายกว่า เราจะเห็นการซึมซับผสมผสานวัฒนธรรมมากในแถบตอนบน เช่น มิลาน เวนิส

แต่ส่วนล่าง ๆ ตั้งแต่ครึ่งน่องไปจนถึงเท้าเรียกได้ว่าแยกออกมาจากบ้านเมือง วัฒนธรรมอื่นชัดเจน อีกทั้งยังมีภูเขาสูงเป็นปราการ ยิ่งทำให้ความเจริญเข้าถึงช้าและลำบาก

และลักษณะสำคัญคือแต่ละแคว้นตอนใต้เหล่านี้คือมีภาษาพูด สำเนียงของตัวเอง พวกเขาพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ต้องมีคนนำทางที่พูดภาษาอิตาเลียนได้ และยิ่งเข้าใจภาษาถิ่นแถวนี้ได้ยิ่งดี ซึ่งหายาก แต่ฉันโชคดีที่ได้คนนำทางที่เชี่ยวชาญอย่างครูบุสก้า อาจารย์ ผู้นำทาง และมัคคุเทศก์ของเรา

พวกเราเดินทางจากหน้าแข้งมาถึงน่อง เริ่มเข้าสู่แคว้น Basilicata (บาซิลิกาตา)

เมืองแรกคือ Castelmezzano (คาสเตลเมซซาโน) ชื่อนี้มาจากคำว่า Castel ที่แปลว่าปราสาท ตึกสูง อาคาร และ Mezzano ที่แปลว่าระหว่างกลาง ในที่นี่น่าจะหมายถึงปราสาทที่ผุดขึ้นมาใจกลางหุบเขา แต่ไม่ได้หมายถึงตัวปราสาทจริง ๆ หากเป็นอาคารบ้านเรือนที่เป็นทรงสูงทึบที่ตั้งเรียงรายติดกันมากกว่า

เมืองเล็ก ๆ ในแคว้นบาสิลิกาตาเมืองนี้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 985 เมตร ถูกจัดอันดับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีผังเมือง และซอกเล็กซอยน้อยสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี สำหรับฉันเสน่ห์ของเมืองนี้อยู่ที่ความเป็นเมืองน้อย ๆ ในอ้อมกอดของขุนเขาสูงอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็มองเห็นเห็นเขาหินสีเทาดำเป็นปราการทะมึนดูน่าเกรงขาม

เสมือนตัดขาดจากโลกภายนอกกลาย ๆ ก็ว่าได้ เพราะกว่าจะเข้าถึงเมืองนี้ได้ ต้องขับรถขึ้นเขาคดเคี้ยวขึ้นไปกว่าจะถึงเขาทะมึนที่เหมือนปราการโอบอุ้มหมู่บ้านน้อย ๆ นี้เอาไว้ ภายในบ้านเรือนก็ยังเหมือนอยู่ในยุคโบราณ

เนื่องจากเป็นเมือง Unseen มาก ไม่มีทัวร์ลง ไม่มีนักท่องเที่ยว เราเลยได้เห็นความงามของบ้านเมืองที่น้อยคนจะดั้นด้นมาเยือนอย่างเต็มที่ สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ไม่ต้องเบียดเสียด ไม่ต้องวิ่งหามุมถ่ายรูปกับใคร

และด้วยความเมือง Unseen มาก ทัวร์ไทยไม่เคยมีลงมาก่อนนั่นเอง บริษัททัวร์ในไทยที่ครูบุสก้าประสานงานจัดทัวร์ครั้งนี้เลยไม่มีคอนแทคกับร้านอาหารใด ๆ ในคาสเตลเมซซาโน แต่คุณครูเล็งมาแล้วว่าจะให้ทานอาหารที่ร้านที่ได้ดาวมิชลินกัน ฉันก็เพิ่งรู้ว่าในเมืองลับแลกลางเขานี่มีร้านอาหารมิชลินด้วย

ทว่า ปรากฏว่า… ผิดแผน อดกิน เพราะร้านที่นี่ส่วนใหญ่เปิดบ่ายสองกันหมด และพวกเราไม่มีเวลาอยู่รอนานขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันโปรแกรมอื่นที่ต้องนั่งรถกันไปอีกไกล พวกเราก็เลยเปลี่ยนแผน เฮละโลกันไปกินร้านพิซซ่าที่บังเอิญเพิ่งเปิดร้านพอดี และเพิ่งอบพิซซ่าเสร็จใหม่ ๆ ความหิวทำให้อะไรก็อร่อยไปหมด

ท้องอิ่มแล้วพวกเราก็ค่อย ๆ เดินลัดเลาะไปตามทางซอกเล็กซอกน้อย ชมบ้านเรือนกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักรายทางอย่างเพลิดเพลิน ผ่านถนนคดเคี้ยวเป็นเนินสูงต่ำ รู้ตัวอีกทีก็เดินอ้อมเขาไปจนสุดหมู่บ้าน

ฉันว่าชาวเมืองที่นี่น่ารักเป็นกันเอง แม้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็ยิ้มให้ชาวต่างชาติแปลกหน้าอย่างดี มีความสนใจอยากรู้หน่อย ๆ และยิ้มให้อย่างเอียงอาย ฉันเดาว่าพวกเขาคงไม่ค่อยพบเห็นคนเอเชียบ่อยนัก

ระหว่างเดินลัดเลาะไปนั้น ที่โบสถ์ก็มีการสวดมนต์ขึ้น เสียงกังวานก้องหุบเขาราวกับใช้ลำโพงขยายเสียงแต่เป็นเสียงธรรมชาติ ชวนให้ขนลุกมาก ๆ ราวกับหลุดไปในพิธีกรรมแห่งโลกยุคโบราณ (เอาอีกแล้ว เอะอะ ๆ ฉันก็หลุดไปในโลกยุคโบราณ ก็พาไปเที่ยวแต่ที่แบบนี้นี่นะ)

สงบเงียบ น่ารักแบบไม่เรียกร้องความสนใจ เหมือนกาลเวลาหยุดหมุนลงยังไงบอกไม่ถูก

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคำว่า “พอเพียง”อย่างแท้จริง

Don`t copy text!