เปรตหนองขี้ทูด

เปรตหนองขี้ทูด

โดย : ทรรศิตา

Loading

อ่านเอาขอแบ่งปันเรื่องเล่าจากเงาสนธยา เรื่องลี้ลับจากประสบการณ์ตรงของ ภัทรภร มนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่ตระเวนเดินทางทำงานไปทั่วทิศและมักได้ของแถมเป็นการพบปะทักทายจากเหล่าเพื่อนต่างมิติ และ ทรรศิตา มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเป็นจาริกชนคนเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และมักผูกพันกับเรื่องลี้ลับบางอย่างเกินคาดเดา

ฟากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากคูแนวกำแพงเมืองเสือเก่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านย่านเมืองขอมเก่าของผู้เล่าออกไปประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตร มีเนินป่าค่อนข้างสูงและกว้างเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่จำพวกต้นยาง สะแบง กระบาก มะค่าแต้ ขึ้นรกอยู่เป็นดงและท้ายดงทางตะวันออกนั้นกลับมีหนองน้ำโบราณขนาดกว้างพอสมควร น้ำลึกและใสสะอาดจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต โดยเฉพาะริมฝั่งหนองโดยรอบเป็นดินทรายเจือด้วยหินแห่ศิลาแลงดูสะอาดตา บรรยากาศร่มรื่นด้วยลมพัดเย็นสบายซึ่งแตกต่างกับชื่อที่เรียกราวฟ้ากับดินว่า “หนองขี้ทูด”

หนองขี้ทูด ในอดีตกาลคนเฒ่าคนแก่มักเล่าให้ฟังว่า เคยเป็นสถานที่สำหรับให้คนเป็นโรคขี้ทูดกุฏฐัง โรคเรื้อน หรือโรคฝีดาษออกไปพักรักษาตัว หากหายขาดแล้วจึงให้กลับคืนเข้าหมู่บ้าน แต่ถ้าใครเป็นหนักถึงกับล้มตายก็จะถูกนำไปฝังที่โคกป่าช้าซึ่งห่างออกไปทางทิศตะวันตกของเนินอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร ผู้คนยุคสมัยนั้นน่าจะเป็นโรคนี้กันมาก จนถึงกับให้สร้างสถานที่พักรักษาตัวเช่นนี้ขึ้นมาได้

มีเรื่องเล่ามาว่า มีครอบครัวหนึ่ง อันประกอบไปด้วยสามีภรรยาและลูกชายที่ยังเด็กอยู่ทั้งสองคน ผู้เป็นสามีนั้นได้ป่วยเป็นโรคนี้ก่อนจึงได้ไปพักรักษาตัวที่หนองขี้ทูด โดยภรรยาได้ทำกับข้าวห่อด้วยใบตองและนำไปแขวนไว้ตรงกิ่งไม้ริมทางเข้าดงหนองขี้ทูดเป็นประจำทุกวัน เมื่อแขวนแล้วก็รีบถอยออกมานั่งดูอยู่ไกลๆ ฝ่ายสามีเมื่อมองเห็นภรรยานำอาหารมาแขวนไว้ที่กิ่งไม้ก็จะค่อยๆ ออกมาเอาไปกิน ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวันจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อภรรยานำห่อข้าวไปแขวนแล้ว ก็นั่งรออยู่เป็นนานสองนาน สามีกลับไม่ออกมาเอาอาหารเหมือนดังเช่นเคย ภรรยาก็ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นเพราะรู้แน่ว่าสามีนั้นได้ตายไปแล้วอย่างแน่นอน

หากต่อมาไม่นานนักภรรยานางนั้นก็ได้ป่วยเป็นโรคนี้ นางจึงเรียกลูกชายทั้งสองมาสั่งเสียว่า ให้ลูกทำอาหารง่ายๆ ห่อด้วยใบตองนำไปแขวนไว้ที่ปากทางเข้าดงหนองขี้ทูดทุกวัน เมื่อแขวนแล้วให้ร้องเรียกแม่และรีบถอยออกไปไกลๆ หากวันใดที่เรียกแม่แล้ว แม่ไม่ออกมาก็แสดงว่าแม่ตาย ลูกทั้งสองคนจงอย่าเสียใจให้รักและดูแลกันให้ดี เมื่อสั่งลูกแล้วนางก็เก็บเอาสิ่งของจำเป็นไปพักที่ดงหนองขี้ทูด ฝ่ายลูกชายทั้งคู่ก็ทำตามที่แม่สั่งไว้ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เรียกแม่สักเท่าไรก็ไม่เห็นแม่ออกมาสักที จึงรู้ว่าแม่ได้ตายไปแล้ว

ดงหนองขี้ทูด ได้ผ่านยุคสมัยต่างๆ มาจนถึงยุคสมัยที่มีการตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 พาดผ่าน จึงได้มีเหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้น และเป็นที่เล่าขานต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้เล่าจำได้ว่า ในปี 2536 นั้นได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดหลังจากได้ไปศึกษาต่อที่ต่างจังหวัดหลายปี เมื่อไปถึงบ้านไม่ถึงวันดีนัก ก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่า  เมื่อเดือนที่แล้วยายจาดนอนจับไข้หัวโกร๋น เพราะเอาเป็ดไปเลี้ยงที่หนองขี้ทูดแล้วไปเจอ ผีเปรต!

 

เรื่องมีอยู่ว่า  ยายจาดคนแก่ประจำหมู่บ้านที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักกันดีเพราะแกเป็นคนนิสัยเฮฮาร่าเริงพูดจาเสียงดังโผงผางแต่จริงใจ ยายจาดมีเป็ดที่เลี้ยงไว้ประมาณ 30 กว่าตัว ทุกๆ เช้าแกจะปล่อยให้เป็ดเดินออกจากหมู่บ้านมาลงหนองคูเมืองเก่าเป็นประจำ แต่บังเอิญวันนั้นพลบค่ำแล้ว เป็ดยายจาดไม่ยอมกลับเข้าบ้านสักที ยายจาดสงสัยจึงเดินออกมาตามหา จนกระทั่งไปเจอเด็กที่กำลังต้อนฝูงวัวฝูงควายเข้าหมู่บ้านอยู่ได้บอกแกว่า เห็นเป็ดฝูงหนึ่งเดินไปทางเนินหนองขี้ทูด ไม่รู้ว่าเป็นเป็ดยายจาดหรือเปล่า ยายจาดกลัวว่าจะมืดค่ำลงเสียก่อนจะเจอเป็ด จึงรีบลนลานทั้งเดินทั้งวิ่งตามทางไปจนถึงหนองขี้ทูดก็พบว่าเป็นเป็ดของแกจริงๆ ลอยอยู่กลางหนองน้ำ ในขณะที่ยายจาดกำลังส่งเสียงเรียกเป็ดให้ขึ้นมาอยู่นั้น จู่ๆ เป็ดของแกก็เงียบเสียงแล้วพากันหันไปทางฝั่งหนองอีกฟากหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน กลิ่นสาบสางบางอย่างลอยมาปะทะจมูกอย่างรุนแรงพร้อมกับเงาสะท้อนบางอย่างปรากฏบนพื้นน้ำ ยายจาดเงยหน้าขึ้นไปมองทันที

คุณพระช่วย!

ท่ามกลางดงไม้สูงริมหนองฟากฝั่งตรงหน้าปรากฏร่างดำมืดยืนทะมึนสูงลิบโผล่พ้นดงไม้ออกมา สูงยิ่งกว่าต้นตาลท้ายทุ่งเสียอีก ยายจาดแหงนมองจนหงายหลังล้มตึงลงพื้นดิน พอได้สติแกก็ลุกขึ้นวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเท่าที่แรงจะมีได้พลางตะโกนออกภาษาเขมรท้องถิ่นว่า… แมโวย! แมโวย! แมโวย! (แม่ ช่วยด้วย!) เข้าหมู่บ้าน ทิ้งให้ฝูงเป็ดวิ่งตามกลับไปภายหลัง

ยายจาดมาเล่าให้ฟังอีกว่า แกนอนจับไข้ประสาทหลอนไปหลายวัน จนกระทั่งเดือดร้อนถึงลูกหลานต้องไปขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อที่วัดมารดจึงค่อยหาย นั่นเป็นสาเหตุที่ต่อมาชาวบ้านแถบนั้นมักไม่ค่อยมีใครจะกล้าไปเข้าไปในบริเวณเนินหนองขี้ทูดอีก หากจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ผ่านไปในเวลาค่ำเพราะกลัวจะเจอดีอย่างยายจาดนั่นเอง!

จำได้ว่า เมื่อถึงวันที่ผู้เล่านั่งรถกลับคืนต่างจังหวัด ช่วงที่รถวิ่งผ่านดงหนองขี้ทูดนั้น เมื่อมองไปยังหนองอันมีน้ำใสจนเป็นสีมรกต ก็ให้รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวอย่างไร้สาเหตุ เพราะหนองน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ผู้เล่าเองมักนำฝูงวัวมาเลี้ยงเป็นประจำตั้งแต่เด็ก หากไม่เคยพบกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวใดๆ เช่นยายจาดเลย หรือว่า บางทีเปรตอาจมาปรากฏตัวจริงๆ แต่ผู้เล่าไม่ได้ใส่ใจที่จะดูเองต่างหาก!

Don`t copy text!