อุรังอุตังเฒ่า..เราจะคิดถึงเธอ

อุรังอุตังเฒ่า..เราจะคิดถึงเธอ

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาทั้งหมด บางเรื่องเป็นแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้ คือสาระและบันเทิง

ฤดูหนาวปีนี้เต็มไปด้วยเรื่องเศร้า ได้ข่าวร้ายรายวันว่าเพื่อนคนนั้นคนนี้จากไป เหมือนใบไม้ร่วงคว้างซบดิน แต่ข่าวคราวเพื่อนผู้จากไปคนไหนก็ไม่ทำให้สะท้านใจเท่าเพื่อนอเมริกันคนหนึ่ง ผู้เป็นทั้งเพื่อนสามีและเพื่อนฉันมายาวนาน  สายลมหนาวพัดพาความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน กับชายอเมริกันผีบ้าชื่อโลเวลล์ (ขอสงวนนามสกุล)

ฉันเจอสามีอเมริกันในเมืองไทย โดยว่าที่สามีเช่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แถวเกษตรศาสตร์ ระหว่างที่อยู่เมืองไทย ว่าที่สามีโทร.ไปเล่าเรื่องความสวยงามของเมืองไทยให้เพื่อนอเมริกันหลายคนฟัง จนอยากยกโขยงมาเมืองไทย หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ‘โลเวลล์’ หนุ่มอเมริกันเชื้อสายยิว ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมัธยมแถวแอลเอ แม้รู้จักย่านไทยทาวน์เป็นอย่างดี แต่หมอนี่ไม่เคยมาไทยเลยแม้แต่ครั้งเดียว เห็นเพื่อนมาอยู่เมืองไทยก็กระสันอยากจะมาเที่ยวด้วยทันที หลังจากนั้นไม่นาน โลเวลล์ก็บินตรงจากแอลเอมาหล่นปุในกทม.

โลเวลล์เป็นฝรั่งร่างบึกบึน โกนหัวโล้นเลี่ยน กริยามารยาทเหมือนอุรังอุตัง ยักไหล่ไกวแขนอยู่ตลอดเวลาจนน่ารำคาญ แถมพูดมากแบบน้ำไหลไฟดับ ส่วนว่าที่สามีเป็นคนเงียบๆ ครุ่นคิดตามแบบนักเขียน  จะว่าไปแล้วทั้งคู่ดูแตกต่างเหมือนฟ้ากับเหว แถมอายุอานามก็ห่างกันมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้เลย

เวลาที่ฉันพาพ่อหนุ่มนักเขียนฝรั่งไปเที่ยวต้องพาโลเวลล์ไปด้วย เพราะหมอนี่ร้องแง้วๆ เหมือนเด็ก อยากตามไปที่โน่นที่นี่ตลอดเวลา ทั้งที่ไปเป็นก้างขวางคอชาวบ้านแท้ๆ แล้วเวลาฟูมฟายโวยวายนั้นเหมือนทารกยักษ์ที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ พอถามว่าทำไมถึงอยากให้พาไปเที่ยวไปซื้อของนัก พ่อคุณตอบแบบกวนบาทาว่า

“คนไทยที่แอลเอสอนไอมาว่า เวลาจะไปเที่ยวไหนหรือซื้ออะไร ให้เอาคนไทยไปด้วย จะได้ของถูก เพราะถ้าไปคนเดียว ไอต้องจ่ายแพงกว่าคนไทยน่ะสิ”

อ้อ… ที่รบเร้าอยากให้พาไปไหนด้วยนี่คือเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ สินะ แสนรู้มาก ไอ้นี่… จนกระทั่งว่าที่สามีพาฉันมาแต่งงานที่อเมริกา คนที่อาสาถือแหวนแต่งงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหมอนี่นั่นเอง ลงทุนบินจากแคลิฟอร์เนียมาอินดีแอนาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ งานแต่งงานของฝรั่งมักมีเด็กสองคนถือตะกร้าดอกไม้และกล่องใส่แหวนเดินนำหน้า โชคร้ายที่เครือญาติสามีไม่มีเด็กแม้แต่คนเดียว ถึงโลเวลล์จะหน้าตาแก่แรดขนยุ่บยั่บรกหนวดเคราเหมือนลิงอุรังอุตังวัยดึก แต่ต้องพยายามจินตนาการว่านั่นคือเด็กชายตัวน้อยๆ น่าเอ็นดูผู้ถือแหวนมงคลให้เรา

อุตส่าห์มอบหมายหน้าที่สำคัญให้ แต่กลับก่อเหตุสยอง พอรถจอดหน้าสถานที่จัดงานแต่งงาน ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว และไอ้อุรังอุตังตะกายลงจากรถ ฉันนึกยังไงไม่รู้บอกไอ้อุรังอุตังให้เปิดกล่องเช็กดูว่าแหวนยังอยู่หรือเปล่า เพราะเห็นครางหงิงๆ เหมือนลิงหิวกล้วยพลางเขย่ากล่องแหวนเป็นจังหวะอย่างครื้มอกครื้มใจ พออุรังอุตังเฒ่าเปิดกล่องเท่านั้นแหละ  ใจหล่นฮวบไปกองปลายเท้า หะ… หะ…​ หายไปไหนแล้ว แหวนทองทั้งสองวง..โอย….

แทนที่จะเดินเข้าพิธีแต่งงานแบบสวยๆ กลับต้องช่วยกันควานหาแหวนจ้าละหวั่นปนขวัญเสีย ขณะที่บาทหลวงและญาติทั้งหลายยืนบ่นพึมพำได้ยินมาแต่ไกล สุดท้ายเจอแหวนทั้งสองวงหล่นจมฝุ่นบนพื้นรถ  ทั้งนี้ต้องคาดโทษไอ้อุรังอุตังคนเดียวที่ทำให้วุ่นวายไปหมด

หลังจากนั้น โลเวลล์ก็บินเดี่ยวกลับมาเที่ยวเมืองไทยทุกปี  ขณะที่ฉันแต่งงานมาอยู่รัฐอินดีแอนา โลเวลล์หลงรักประเทศไทยถึงขั้นหลงใหล หนักเข้าก็นึกอยากได้เมียไทยด้วยเลยเพราะเห็นว่าสาวไทยสวยขึ้นทุกที แต่จนแล้วจนรอด  ยังไม่ได้ลงเอยกับสาวไทยรายไหน เพราะความช่างเลือกของตัวเองนั่นแหละ

จะว่าไปแล้วอุรังอุตังแก่ไม่ใช่คนโง่เง่าแต่อย่างใด เรียนจบปริญญาหลายใบมาก เท่าที่จำได้น่าจะมีปริญญาตรีสองใบและปริญญาโทอีกสองใบ เคยถามตรงๆ ว่าทำไมแกเพ้อเจ้อเรียนมากขนาดนี้วะ แกตอบว่าเรียนหนีสงคราม  คำตอบนี้อาจจะฟังดูบ้าๆ แต่สมัยโลเวลล์ย่างเข้าวัยหนุ่ม เป็นช่วงสงครามเวียดนามปะทุ หากไม่อยากเข้าร่วมสงครามต้องมีข้ออ้าง นั่นคือการเรียนหนังสือ หลังเรียนจบก็ทำงานแบบคนยิวคือซื้อเงินตราเก็งกำไร จนร่ำรวยล้นเหลือแล้วจึงแต่งงาน จากนั้นความโชคดีก็ตีจาก ขาดทุนจนถึงขั้นล้มละลาย จากมหาเศรษฐีกลายมาเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวในพริบตา ที่ซวยกว่านั้นคือเมียโบกมือบ๊ายบาย กฎหมายของแคลิฟอร์เนียค่อนข้างปกป้องผู้หญิง ไอ้ลิงเฒ่าของเราเลยต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเมียเก่าตามกฎหมายอีกก้อนใหญ่ สรุปง่ายๆ คือ ไอ้ลิงแก่ของเราหมดตูด เหลือไว้แค่หำกับรอยยิ้มพิมพ์ใจเท่านั้นเอง

ช่วงไหนที่ฉันและโลเวลล์กลับไทยช่วงเวลาเดียวกัน หมอนี่พยายามนัดสาวไทยมาให้ฉันดูตัวแทบทุกหน ด้วยการลากฉันไปกินข้าวพร้อมสาวเจ้าที่ไปควานหามาได้ แต่ละคนล้วนหน้าที่การงานการศึกษาดีๆ ทั้งนั้น ไม่รู้ตกหลุมพรางไอ้หมอนี่ได้ไง

ด้วยความอยากช่วยเพื่อน เลยยินยอมไปเป็นผู้สแกนภรรยาให้แต่โดยดี  จริงๆ แล้วคือไปกินฟรีโดยมีโลเวลล์จ่าย เรื่องกินฟรีนี่ใครๆ ก็ชอบ สาวเจ้าดูช่างเอาใจแท้ๆ ไอ้ลิงแก่แทบจะไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แม่นางป้อนให้ทุกคำ อ้ำๆ อ้าปากร่อนๆ เหมือนทารกผี ดูน่าทุเรศมากกว่าน่ารัก แต่กระนั้นฉันต้องรักษาไว้ซึ่งความเป็นผู้ดี ด้วยการกลั้นหัวเราะไว้จนหน้าแดง เลยเสก้มหน้าก้มตาตะลุยสั่งอาหารจานแพงๆ มาจนเต็มโต๊ะท่ามกลางสายตาอาฆาตมาดร้ายของไอ้ลิงแก่ที่เป็นเจ้ามือ

หลังจากนั้นโลเวลล์ก็ทำตัวเหมือนเดิมคือบินไปกลับระหว่างลอสแองเจลิสกับเมืองไทยเพื่อหวังเจอใครบางคนที่ถูกใจพอที่จะมาใช้นามสกุลร่วมกัน จนกระทั่งสิบสองปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก  คืนหนึ่งไอ้อุรังอุตังแก่โทรมารายงานตัวสุ้มเสียงสั่นระรัวว่าแต่งงานแล้ว หลังจากวิ่งหารักจนอ่อนใจ สุดท้ายราชรถก็มาเกยถึงหน้าบันไดบ้าน มีแม่หญิงชาวฟิลิปปินส์นางหนึ่งแอบลอบเข้ามาอยู่ในอเมริกาแล้วทำมาหากินทำร้านอาหารจนร่ำรวย

นางปินส์คนนี้จ้างไอ้ลิงแก่แต่งงานแบบหลอกๆ ตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อจะเอาใบเขียว โลเวลล์ตอบตกลง เพราะอยู่ดีๆ ได้ทั้งเงินและเมีย มีหรือที่ยิวอย่างโลเวลล์จะเซย์โน ฟังแล้วหัวเราะตาม อดนึกถึงภาษิตไทย ‘เลือกนักมักได้แร่’ ไม่ได้  แต่จะว่าไป ไม่แน่ว่าในอนาคต ไอ้ลิงแก่อาจจะรักเมียปินส์ปลอมๆ คนนี้ก็ได้ เพราะดูท่าทางชอบอกชอบใจไม่ใช่น้อยกับการที่มีผู้หญิงมาปรนเปรอให้ทุกอย่างตามประสาคนยิวขี้งก ทั้งคู่แต่งงานปลอมๆ อยู่หลายปีแล้วหย่ากันด้วยดี เพราะเมียปลอมได้กรีนการ์ดแล้ว ล่าสุดเห็นว่าได้แฟนเอ๊าะๆ อยู่เวียตนาม เราก็อวยพรให้สมปรารถนา

แต่แล้วสายลมหนาวก็พัดพาข่าวร้ายมาให้ เมื่อแวะไปอวยพรวันเกิดไอ้ลิงเฒ่าเหมือนทุกปีในเฟซบุ๊ก และพบว่าทั้งเฟซเต็มไปด้วยคำไว้อาลัยการจากไปของโลเวลล์  เหมือนฟ้าหม่นลงทันใด ขณะที่ลมหนาวพัดกรูสู่หัวใจเราอย่างฉับพลัน

 

Don`t copy text!