พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.1 : กลมวาวราวลูกแก้ว

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.1 : กลมวาวราวลูกแก้ว

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

 

“น้าอัญ…น้าอัญคะ น้าอัญเป็นอะไร โอเคหรือเปล่า”

เสียงของนารีญาเรียกให้อัญญาวีร์กลับมาสนใจกับบาดแผลตรงหน้า

“เอ้อ” อัญญาวีร์สะดุ้งน้อยๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นดวงตาคู่ใสแจ๋วของหลานสาว กำลังจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง

“น้าไม่เป็นไร” อัญญาวีร์พึมพำตอบ “ใจลอยไปหน่อยน่ะ”

“ใจลอยจนแอลกอฮอล์แห้งหมดแล้ว” เชวังพึมพำเสียงแผ่วต่ำ ดวงตาของเขาที่จ้องมองมา เต็มไปด้วยความรู้สึกนานัปการในนั้น “ผมไม่เป็นไรแล้วละ ขอบคุณนะครับ”

“อ้อ…ค่ะ” อัญญาวีร์พึมพำ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวติดปลาสเตอร์ไว้หน่อยนะคะ”

“คำนี้ควรจะเป็นหมอพูดหรือเปล่า” เชวังพึมพำ ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาอีกครั้ง เมื่ออัญญาวีร์แกล้งกดปลาสเตอร์ไปที่แผลแรงๆ

“ดูสองคนนั่นสิ แกล้งกันเหมือนเด็กเลยนะคุณ” นารีญาหันไปแอบกระซิบกับลิ่วลม

“คงยังมีใจให้กันนั่นแหละ” ลิ่วลมยักคิ้วให้ ขณะที่อัญญาวีร์ได้ยินไม่ถนัดหันมาถามลูกศิษย์

“พูดอะไรนะลม”

“เปล่าครับ” ลิ่วลมรีบปฏิเสธ เขาหันไปทางนารีญาเพื่อหาพวก “ไม่มีอะไร…ใช่ไหมรีญา”

“ค่ะ ไม่มีอะไร” นารีญารีบตอบ

“แน่นะ” อัญญาวีร์ไม่เชื่อ

“แน่ค่ะ” นารีญาพยักหน้าหงึกๆ

“อย่ามัวคุยเล่นกันอยู่เลยครับ รีบกินข้าวแล้วไปกันต่อดีกว่า” เชวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล ท่าทางขี้เล่นของเขาหายไปแล้วในตอนนั้น “ผมไม่แน่ใจว่าจะมีพวก Linn Plant ตามมาอีกหรือเปล่า”

“ยังจะมีอีกหรือคุณ” อัญญาวีร์นิ่วหน้า

“ผมไม่แน่ใจ” เชวังถอนใจ “แต่จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของพวกมัน…Linn Plant เป็นพวกกัดไม่ปล่อย พวกมันจะทำทุกอย่างจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ผมคิดว่ามันไม่ได้มีกันแค่ห้าคน และคราวหน้าพวกเราอาจไม่โชคดีเหมือนคราวนี้”

คินซาและยูเยน ลูกหาบหญิงในคณะช่วยกันเตรียมอาหารแบบง่ายๆ ให้กับทุกคน คินซาเป็นคนยืนยันกับเยชิให้เลือกยูเยนมาด้วย เพราะเธอมีความสามารถเรื่องทำอาหาร และรู้จักสมุนไพรในป่ามากกว่าเทนซิลและวังโม

อาหารมื้อนี้เป็นข้าวเละๆ เหมือนกับโจ๊ก คินซาอธิบายว่า คนภูฏานเรียกว่าเดซี – Deysi เป็นข้าวหุงกับหญ้าฝรั่นมีรสชาติหวาน ให้พลังงานกับนักเดินทางได้เป็นอย่างดี

คินซาก่อไฟแล้วช่วยกันกับยูเยนเอาเดซีอุ่นในหม้อ ก่อนจะตักใส่ถ้วยแจกให้กับทุกคน

ลิ่วลมรับถ้วยเดซีมารับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย ไม่นึกว่าอยู่ในถ้ำลึกยังจะมีโอกาสได้กินอาหารร้อนๆ

“อร่อยจัง” นารีญาขอเติมเป็นชามที่สอง

“เป็นเพราะหิวหรือเปล่า” เชวังเลิกคิ้ว

“ไม่นะคะ อร่อยจริงๆ อร่อยเสียจนรีญาลืมถ่ายรูปไปเลย” นารีญายืนยัน “รสชาติหวานกำลังดี กินแล้วชื่นใจ แถมยังหอมกลิ่นหญ้าฝรั่นอีกด้วย”

“อิ่มแล้วก็ไปกันต่อเถอะรีญา อย่ามัวคุยเล่นอยู่เลย” อัญญาวีร์บอกหลานก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้น เธอเดินเลยเชวังไปหาเยชิ คืนถ้วยเดซีให้กับเขา ลิ่วลมขยับไปช่วยคินซากับลูกหาบเก็บสัมภาระ ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเดินทางเข้าไปในถ้ำที่มืดสนิทเบื้องหน้าอีกครั้ง

 

แท่งฟลูออเรสเซนต์กลับมามีความจำเป็นสำหรับคณะเดินทาง เพราะรอบกายในเวลานี้มีแต่ความมืดมิด…

ลิ่วลมรู้สึกว่าความมืดในถ้ำช่วงที่สองนี้มืดสนิทยิ่งกว่าความมืดใดๆ ที่เขาเคยผ่านพบมา แม้จะมีแสงสว่างจากแท่งฟลูออเรสเซนต์ หากทว่าในความรู้สึกของชายหนุ่ม…รอบกายของเขาก็ยังมืดอยู่ดี

ไม่ใช่ลิ่วลมเพียงคนเดียวที่รู้สึก หากนารีญาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน หญิงสาวขยับมาเดินคู่กับเขา ไหล่เบียดไหล่ เพื่อให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เธอกระซิบบ่นกับลิ่วลมว่า

“ในนี้มันวังเวงจังเลย คุณว่าไหม”

…ว่าไหม ว่าไหม ว่าไหม…

แม้จะกระซิบเบามากแล้ว ทว่าเสียงของนารีญายังสะท้อนก้องกลับไปกลับมาหลายทอด

“ฮื่อ” ลิ่วลมพึมพำตอบ

…ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ…

เสียงสะท้อนเหมือนมีคนมากมายตะโกนต่อกันเป็นทอดๆ ลิ่วลมรู้สึกยะเยือกเย็นขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เยชิที่นำทางอยู่ข้างหน้า ค่อยๆ เดินไปอย่างเชื่องช้าเพราะมองไม่เห็นสิ่งใด

ทางเดินยังทอดยาวไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด บางตอนทอดสูง บางช่วงลาดลงต่ำ บางช่วงทางเดินกว้าง บางช่วงแคบเสียจนต้องเดินเรียงเดี่ยว และบางช่วงถึงกับต้องตะแคงตัวเดิน

และแล้วจู่ๆ ทางเดินที่ทั้งแคบและเดินลำบากก็กลับขยายกว้างออกโดยกะทันหัน

แล้วก่อนที่ทุกคนจะทันได้ถามไถ่อะไรกัน ลิ่วลมก็พบว่าตนเองและคณะเดินทางกำลังหยุดยืนอยู่ในโถงขนาดใหญ่

โถงนั้นยังมืดสนิทมองไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงแสงจากแท่งฟลูออเรสเซนต์เรืองรอง สว่างพอให้เห็นดวงหน้าของทุกคน และดวงสว่างกลมวาวสีขาวที่ระยิบระยับอยู่บนเพดานถ้ำและผนังโดยรอบ

เป็นดวงกลมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน

แสงของมันวาววับราวดวงไฟดวงเล็ก ระยิบระยับอยู่โดยรอบ

“โอ้โห ใครเอาลูกแก้วมาประดับผนังถ้ำคะ” นารีญาทำตาโต “สวยมาก นี่อาจจะเป็นจิตรกรรมผนังถ้ำของมนุษย์ยุคหินก็ได้นะเนี่ย”

นารีญาจินตนาการไปถึงโน่น ขณะที่ลิ่วลมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง สัญชาตญาณส่งสัญญาณอันตรายโดยกะทันหัน

“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”

คราวนี้นารีญาไม่ลืมที่จะถ่ายภาพ

หญิงสาวยกกล้องมือถือขึ้นมา เปิดแฟลช และยกขึ้นถ่ายภาพลูกแก้วบนผนังถ้ำ ขณะที่ทั้งเชวังและลิ่วลมต่างตะโกนออกมาพร้อมกันว่า

“อย่า!”



Don`t copy text!