Peles Castle ปราสาทน้อยกลางป่าสน งดงามแบบไม่ตะโกน

Peles Castle ปราสาทน้อยกลางป่าสน งดงามแบบไม่ตะโกน

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

เที่ยวเพลิน เดินทาง คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

Beautiful things don’t ask for attention. ความงามแท้จริงไม่เรียกร้องความสนใจ

ฉันนึกถึงคำกล่าวนี้ทันทีที่ได้เห็นปราสาทน้อยกลางป่าสนแห่งหุบเขาบูเซกิบนเทือกเขาคาร์เพเทียนแห่งนี้ ด้วยเป็นปราสาทหลังกะทัดรัด (ก็ไม่ได้เล็กอะไรขนาดนั้น แต่หากเทียบกับว่าเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์ก็นับว่าเล็กสักหน่อย) ภายนอกเป็นสีขาวตัดน้ำตาลดูแล้วเรียบง่าย

โรงละครในปราสาท

ทว่าปราสาทเปเลส (Peles Castle) แห่งนี้กลับได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในประเทศโรมาเนีย และติดอันดับหนึ่งในปราสาทที่งดงามที่สุดในยุโรปและในโลกอีกด้วย แต่เรามักแทบไม่ได้ยินคนพูดถึงชื่อปราสาทเปเลสเลย ทั้งที่ว่ากันว่าภายในปราสาทนั้นสวยงามทั้งยังออกแบบตกแต่งประดับประดาด้วยของมีค่าที่วิจิตรซับซ้อนยิ่งกว่าพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศสเสียอีก

ฉันนั่งรถมาถึงเมืองซินายา (Sinaia) ประเทศโรมาเนียในช่วงกลางค่อนปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศสดชื่นเย็นสบายพอให้เดินเล่นเที่ยวชมทัศนียภาพงดงามและดื่มด่ำกับบ้านเมืองตลอดการท่องเที่ยวได้อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องพะวงกับความเหน็บหนาวจนไม่มีแก่ใจจะมองอะไรรอบด้าน สองข้างทางเป็นบ้านเรือนเล็กๆ น่ารักสวยงามที่ยังคงลักษณะคล้ายบ้านโบราณ มีแม่น้ำลำธารไหลผ่าน มีฉากหลังเป็นภูเขาสีส้มอมแดงสลับน้ำตาลแซมเหลือง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดและปุยเมฆขาว

มีปราสาทเปเลสอยู่บนเนินสูงลิบๆ นั้น

ปราสาทเปเลส

ความรู้สึกแรกที่เห็น คลับคล้ายปราสาทนอยชไวส์สไตน์อันเลื่องลือของประเทศเยอรมัน คล้ายกันแต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว เปเลสดูมีขนาดย่อมกว่าและมีความ “เป็นกันเอง” มากกว่า

พวกเราต้องเดินขึ้นเนินกันสักพักหนึ่งเพื่อขึ้นไปเยือนปราสาทเปเลส ซึ่งอากาศเย็นสบายกำลังดี ประกอบกับทางเดินที่ชันขึ้นทีละน้อยจนแทบไม่รู้สึก เลยไม่รู้สึกว่าไกลหรือเหนื่อยเท่าไร เดินไปคุยไป ถ่ายรูปไปครู่เดียวก็ถึงตัวปราสาทแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขากำลังรีโนเวตปรับปรุงบางส่วน ด้านนอกส่วนหนึ่งของปราสาทจึงมีนั่งร้านก่อสร้างกวนสายตาและบังวิวไม่ให้เห็นภาพปราสาททั้งหมดได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเราจะเข้าไปชมข้างในกันต่างหาก

เจ้าชายคาร์ลที่ 1

ปราสาทเปเลสสร้างโดยเจ้าชายคาโรล์ หรือ คาร์ลที่ 1 (Prince Carlo I) ซึ่งดำรงตำแหน่งกษัตริย์ผู้ปกครองโรมาเนียหลังประกาศเอกราช ว่ากันว่าพระองค์เสด็จมาที่หุบเขาแห่งเมืองซินายาและทรงพอพระราชหฤทัยในภูมิประเทศและทิวทัศน์งดงามจึงตัดสินใจสร้างพระราชวังขึ้นที่นี่เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน

หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจมีคำถามเหมือนที่ฉันมี ว่าเหตุใดจึงเรียกกษัตริย์ว่าเจ้าชาย ฉันเองก็สังเกตตั้งแต่คราวเจ้าชายวลาดแห่งเทเปส เจ้าของปราสาทบรานตำนานแดรกคูล่าในบทความที่ผ่านมาเหมือนกันว่าเขาเรียกผู้ปกครองของเขาว่าเจ้าชาย ไม่ยักเรียกว่ากษัตริย์หรือพระราชา

นั่นเป็นเพราะเดิมทีบริเวณที่เป็นประเทศโรมาเนียในปัจจุบันไม่ได้เป็นประเทศ แต่มักเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน หรือแคว้นเล็กๆ ในปกครองของอาณาจักรใหญ่อื่นๆ หรืออยู่ใต้ปกครองของจักรวรรดิใดๆ ผู้ครองดินแดนหรือแคว้นนั้นจึงไม่ได้สืบสายเลือดกษัตริย์ แต่จะมาจากการแต่งตั้ง เลือกตั้งขึ้นมาครองตามแต่ลักษณะการเมืองในยุคนั้นๆ

แต่ในรัชสมัยของเจ้าชายคาร์ลที่ 1 นี้กลับสำคัญเพราะเป็นช่วงที่โรมาเนียได้รับเอกราชและกลายเป็นประเทศเกิดใหม่

ราชอาณาจักรโรมาเนียเป็นประเทศเกิดใหม่ในคาบสมุทรบอลข่านหลังประกาศเอกราชจากจักรวรรดิออตโตมันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 รัฐสภาโรมาเนียได้เลือกเจ้าชายคาร์ลแห่งโฮเฮ็นโซลเลิร์น-ซิกมารินเง็น (Princ Carol of Hohenzollern-Zigmaringen) เจ้าชายหนุ่มจากรัฐเล็กๆ ในเยอรมันให้ขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ปกครองดินแดนโรมาเนียแทนอเล็กซานดรู เอียน คูซา (Alexandru Ioan Cuza) ประมุขเดิมที่ถูกขับไล่จากการรัฐประหาร เหตุที่เลือกเจ้าชายชาวเยอรมันก็เพราะคนต่างชาติย่อมไม่มีพวกพ้องหรือญาติวงศ์ให้ต้องเอื้อผลประโยชน์ให้ และการเลือกเจ้าชายต่างชาติจะช่วยให้การเจรจากับมหาอำนาจเพื่อรับรองเอกราชของโรมาเนียเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น เจ้าชายคาร์ลจึงเสด็จมาถึงกรุงบูคาเรสต์ในปี ค.ศ. 1866 ขณะมีพระชนมายุ 27 พรรษาเพื่อมาเป็นเจ้าปกครองโรมาเนีย หลังจากที่ทรงต้องหลบซ่อนจากจักรวรรดิออสเตรียที่พยายามขัดขวางการได้รับเอกราชของโรมาเนียมานาน

ด้านในปราสาทเปเลส

เขาถึงยังเรียกราชันว่าเจ้าชายอยู่นั่นเอง แต่ถึงกระนั้น เวลาล่วงผ่านมาอีก 15 ปี ในปี ค.ศ. 1881 เจ้าชายคาร์ลจึงเพิ่งได้รับราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าคาร์ลที่ 1 ได้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์อย่างเป็นทางการสักที

ได้ทราบดังนี้ก็เลยพอจะเข้าใจความสวยงามไม่ซ้ำปราสาทแห่งใดเลยของปราสาทเปเลสแห่งนี้ เพราะไม่ได้วิจิตรหรูหราแบบตะโกนเหมือนพระราชวังชื่อดังของโลกหลายแห่ง แต่มีรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบกันออกมางดงามเลอค่า ด้วยความที่พระองค์เป็นชาวเยอรมันและรักในรากเหง้าความเป็นเยอรมันอยู่มาก จึงให้ออกแบบปราสาทที่มีพื้นฐานความคลาสสิกแบบยุโรปตะวันตกดั้งเดิม มีความหนักแน่นและเรียบโก้อย่างเยอรมัน หรูหราโอ่อ่าแบบอิตาเลียน ขณะเดียวกันก็อ่อนช้อยนุ่มนวลร่าเริงแบบเรอเนสซองส์ ผสานกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบโรมาเนีย จึงออกมาเป็นลักษณะเฉพาะตัวของปราสาทเปเลสที่สวยสง่างาม แต่ก็อบอุ่นเข้าถึงได้ ไม่ได้เย็นชาจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ฉูดฉาดบาดตาด้วยความแพงหรูฟู่ฟ่า

เพดานที่เปิดปิดด้วยไฟฟ้า

ความพิเศษที่ฉันชอบอีก (หลาย) อย่างของที่นี่คือความทันสมัยไฮเทค ปราสาทนี้ถึงจะเพิ่งสร้างมาได้ร้อยกว่าปีมานี้เองแต่ก็มีความล้ำหน้าในยุคสมัยนั้นหลายประการ เป็นปราสาทแห่งแรกๆ ของยุคเลยที่หลังคาเพดานโถงกลางปราสาทสามารถเปิดปิดด้วยไฟฟ้าได้! มิหนำซ้ำห้องน้ำยังมีก๊อกน้ำร้อนน้ำเย็นซึ่งเป็นเรื่องใหม่มากๆ ในยุคนั้น มีเครื่องไม้เครื่องมืออำนวยความสะดวกแทบจะเหมือนยุคนี้เลยทีเดียว

กระจกสีในปราสาท

นอกจากนั้นฉันยังชอบห้องสมุด ห้องว่าราชการ ห้องรับรองแขกลำลอง และที่สำคัญ ชอบห้องวาดรูปและห้องเขียนหนังสือของพระราชินีอลิซาเบธ ราชินีคู่บัลลังก์พระเจ้าคาร์ลอีกด้วย พอเข้าโซนของพระราชินีมักจะประดับกระจกสีสเตนกลาสและภาพเขียนสวย ๆ ตลอดทาง ดูนุ่มนวลละมุนละไมสมกับที่มีคำบรรยายว่าพระนางเป็นสตรีช่างฝัน มีอารมณ์สุนทรีอย่างศิลปิน ก็มีกระทั่งโรงละครขนาดย่อมด้วย คิดดูแล้วกัน

เมื่อเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ฉันก็พบว่าปราสาทนี้ดูภายนอกหลังไม่ใหญ่มาก แต่นั่นเพราะเขาสร้างขึ้นในแนวตั้งสูงมากกว่า เพราะเมื่อเข้าไปเดินข้างในจริง ๆ มีห้องหับมากมาย เดินกันไม่หวาดไม่ไหว ที่จริงก็เป็นปราสาทขนาดใหญ่นั่นเอง

โรงละครในปราสาท

ออกจากตัวปราสาทพวกเราก็มาเดินเล่นอุทยานรอบ ๆ ซึ่งแม้จะเรียบง่าย ไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็ให้บรรยากาศอบอุ่น สบายอกสบายใจ ไม่มีพิธีรีตองแต่ก็ไม่ได้ลำลองขนาดนั้น สมกับที่เป็นพระราชวังสำหรับประทับในฤดูร้อน เมื่อกอปรกับอากาศเย็นสบายสดชื่น ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงอันงดงาม และความสงบเรียบง่าย ทำให้ฉันบอกกับตัวเองได้ทันทีว่าปราสาทน้อย (ที่ไม่น้อยหรอก) หลังนี้คือเพชรเม็ดงามที่โลกมองข้ามไป แต่ก็อย่างที่ฉันกล่าวไปตอนต้น ความงามแท้จริงไม่เรียกร้องความสนใจ

เปเลสก็ยังเป็นปราสาทน้อยกลางป่าสนบนเทือกเขาที่งดงามอยู่เช่นนั้น ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ไม้ว่าจะมีคนสนใจ จดจำ หรือจัดอันดับให้หรือไม่

แล้วเราล่ะ ต้องการให้โลกหันมามอง รับรอง หรือเป็นคนตีตราให้ค่าเราหรือไม่

เราเข้าใจในคุณค่าของตัวเองแค่ไหน

ดูปราสาทแล้วก็… ย้อนทบทวนตัวเอง

 

Don`t copy text!