ฝุ่นในสายลม บทที่ 23 : ฝุ่นในสายลม

ฝุ่นในสายลม บทที่ 23 : ฝุ่นในสายลม

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

 

ฝนดาวออกจากที่นั่นอย่างมึนๆ เหมือนหัวหน้าจะให้หล่อนแบกภาระการเป็นผู้กอบกู้มนุษยโลกจากภัยพิบัตินี้แต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นละ เพราะตัวหัวหน้าเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว…วิญญาณร้ายอาจจะกำลังคืบคลานเข้ามาคุกคามเขาได้ทุกเมื่อ เหมือนอย่างที่แม่หมอได้บอกเอาไว้เมื่อคืน…

แวะไปหาพี่นนก่อนที่บ้าน มันเป็นบ้านไม้สักในพื้นที่กว้างเกือบห้าสิบไร่ นัยว่าพ่อพี่นนเคยทำสวนยางมาก่อน ก่อนที่จะล้มป่วยติดเตียงด้วยโรคชรา ได้พี่ชายคอยดูแลไร่และดูแลพ่อไปด้วยในขณะที่พี่นนทำงานอยู่กรุงเทพฯ เสียเป็นส่วนใหญ่

หมาออกมาเห่ากันเกรียวตอนที่หล่อนจอดมอเตอร์ไซค์และเรียกหาเขา พี่ชายออกมายืนหน้าตาบูดบึ้ง หูตาขัดขวาง สงสัยกำลังหลอนยามาหมาดๆ

“ไอ้นนไม่อยู่ มาเรียกหาอะไร” ตวาดหล่อนลั่น เสียงดังยิ่งกว่าเสียงหมาเห่า

“กลับมาบ้านรึเปล่าพี่ เจ้านายเขาให้มาตาม” หล่อนบอกไป

“ไม่ได้มา” ตอบห้วน

มีเสียงไอดังมาจากในบ้าน ตามมาด้วยเสียงแหบตะโกนถาม

“ใครมา ไอ้นนเรอะ”

“หุบปากเถอะน่า”

นั่นคือเสียงลูกชายคำรามเข้าใส่ เล่นเอาฝนดาวต้องรีบเผ่นออกจากที่นั่น

ป้าเตือนแล้วเกี่ยวกับความคลั่งของนายคนนี้ตอนหลอนยา กลัวขนาดที่ว่าจะฆ่าพ่อตัวเองตายสักวัน

โทร.ไปบอกหัวหน้าก่อนที่จะลงเรือ

“พี่นนไม่ได้กลับไปบ้านค่ะ ฝนตามไปดูแล้ว”

“อ้าว แล้วเขาไปไหนล่ะ” เสียงหงุดหงิดก่อนที่จะวางสายไปดื้อๆ

เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานกันมา ภาวินเริ่มวิตกขึ้นมาจริงจังเป็นครั้งแรก เพราะเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ นั่นเองกับเหตุการณ์หลายอย่างที่มันเกิดขึ้นกับตัวเขาในตอนนี้

เปิดกล้องดูอีกครั้ง มันใช้งานได้ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาพที่อัดเอาไว้เฉียบคม มองเห็นเขานอนบนเตียง และภาพกานนนอนคุดคู้บนโซฟาชัดเจน แต่เพียงครู่เดียว กลับไม่มีภาพกานนให้เห็นในสายตาอีก เหลือทิ้งไว้ก็แต่กองผ้านวมข้างโซฟา

เกิดอะไรขึ้น…

เขาเปิดวิดีโออีกครั้ง รอบนี้ก้มมองอย่างใจจดใจจ่อนาทีต่อนาที แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม มันมีจุดหนึ่งที่เหมือนกานนจะหายวับไปกับตา และกล้องถ่ายจับอะไรไม่ได้อีกเลย

นอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกตินอกไปเสียจากวงกลมแดงๆ ที่วิ่งวนไปทั่วห้อง คล้ายผงฝุ่นที่กำลังหมุนวนไปทั่วทิศ

แปลก…

ปิดกล้องและตัดสินใจออกจากห้องพัก เดินไปลงเรือเพื่อที่จะข้ามฝั่งไปที่เกาะแห่งนั้น เรือเพิ่งจะออกไปและเขาต้องรออีกไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมลงเรือกลุ่มใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นคนต่างชาติตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงตะวันออกกลาง เกาะเล็กๆ แห่งนั้นกลายเป็นศูนย์รวมเหล่านักเดินทางจากทุกหัวระแหงทีเดียว

เขาเข้าไปในศูนย์แห่งนั้นอีกครั้งเมื่อขึ้นฝั่ง รอบนี้ไม่มีการตรวจเพราะเริ่มจำหน้าได้

ผู้คนดูจะคึกคักกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา มีห้องเสวนาระหว่างผู้ที่เคยมีประสบการณ์ถูกลักพาตัวไป รวมทั้งผู้ที่เคยติดต่อกับต่างดาวในทุกรูปแบบ

ภาวินตัดสินใจเข้าร่วมวงกับเขาด้วย จุดประสงค์ก็เแค่อยากรู้ ว่าอะไรที่ทำให้คนเราบ้าไปได้ถึงขนาดนั้น…

คนแรกที่เอ่ยปากแนะนำตัว และทำหน้าที่เป็นพิธีกรในที่นั้นเป็นหนุ่มวัยประมาณสี่สิบปี แต่งกายเหมือนนักบินอวกาศ เหมือนในหนังสตาร์วอร์ก็เหมือน เขาย้อมผมสีรุ้งไปทั้งหัว

“ผมชื่อจิมนะครับ มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการประสบการณ์จากต่างดาว  เรามีผู้ร่วมรายการวันนี้ที่เหมือนจะเดินทางมาจากทุกสารทิศ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ในชีวิตจริงเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ที่เข้าไปแตะต้อง สัมผัสด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเห็นยานอวกาศ หรือแม้กระทั่งการถูกลักพาตัวไป โดยมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายแหล่และทุกสายพันธุ์ แต่ก่อนอื่น เราต้องมาตกลงกันก่อนว่า ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้พบเห็นเป็นเรื่องเฉพาะตัว อาจจะมีความน่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ขอให้พวกเราให้ความนับถือต่อประสบการณ์ของผู้อื่น แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วย เพราะเราต่างก็มาจากสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ตลอดจนความเชื่อส่วนตัวที่แตกต่างกันไป ไม่เสียหลายถ้าเราจะให้ความเคารพต่อประสบการณ์ของแต่ละท่าน และถือเป็นการเรียนรู้ใหม่ๆ ร่วมกัน ถ้าพร้อมแล้วเราจะเริ่มแนะนำผู้ที่อยากมาแชร์ประสบการณ์ในวันนี้ จะเริ่มจากใครดี…”

มีคนยกมือกันพรึ่บพรั่บ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพูดต่อ

“หลายคนมาก แต่เอาที่ผมก่อนละกัน” อึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปรอบๆ

 



Don`t copy text!