ฝุ่นในสายลม บทที่ 16 : เรื่องประหลาดในพื้นที่

ฝุ่นในสายลม บทที่ 16 : เรื่องประหลาดในพื้นที่

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

 

วันนั้นภาวินวางสายจากเพื่อนและโมโหหนักกว่าเดิม  ก็ตั้งใจจะโทรไปเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง  ตามหลักการของทางวิทยาศาสตร์การแพทย์  กลับกลายเป็นว่าเพื่อนไปเชื่อเรื่องต่างดาวบ้าบอคอแตกเข้าให้อีกคน อีกไม่นานก็น่าจะเดินทางเข้ามาร่วมกับลัทธิอุบาทว์ที่ว่านี่อย่างเต็มภาคภูมิ

ถอดเสื้อส่องกระจกดูบริเวณหลังไหล่ แต่ก็ไม่พบร่องรอยว่าเขาถูกทารุณกรรมอะไรมา รอยเขียวสักนิดก็ยังไม่มี หรือจะเป็นแค่ดวงวิญญาณที่ล่องลอยออกไปจากร่างจริง และไปเห็นสิ่งต่างๆอย่างที่เขาลือกัน

ซึ่งก็น่าจะเป็นแค่ข่าวลืออีกนั่นแหละ เพราะยังไม่เห็นมีใครที่พิสูจน์ได้จริงๆว่า คนเรามีวิญญาณซุกซ่อนอยู่ในตัวหรือไม่และตายแล้วไปไหน…

ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่เชื่อตามกันมามันก็เท่านั้นเอง

เอาวิดีโอที่กล้องถ่ายทำเอาไว้เมื่อคืนมานั่งดูโดยละเอียดอีกครั้งจากจอคอมพิวเตอร์เขาสามารถซูมภาพในจอจนเห็นจุดสีแดงสามจุดพร่าเลือนและขยายเป็นลูกไฟดวงโตเท่าหัวแม่มือ

การเคลื่อนไหวของมันเป็นการลอยตัวขึ้นสูงจนจรดเพดานห้องพัก และจากนั้นกล้องก็จับภาพอะไรไม่ได้อีก… แต่บนเตียงยังมีร่างของเขานอนอยู่และไม่ได้หายไปไหน

เท่านั้นยังไม่พอเสียงที่อัดได้ฟังอู้อี้คล้ายเสียงลม และไม่น่าจะเป็นภาษาพูดอะไรของพวกต่างดาว  ถ้าเป็นพวกมันจริงๆ สรุปเข้าข้างตัวเองว่าน่าจะเป็นผลมาจากการกินมากเพราะสวาปามพิซซ่าเข้าไปทั้งถาดเมื่อคืนวานเสียมากกว่า…

 

ลูกสมุนสองคนกลับมาที่โรงแรมตอนเย็นพร้อมอาหารเย็น  กานนรีบบอกก่อนเลยว่า

“วันนี้อัดเทปที่ผมไปตามสัมภาษณ์มาได้หลายคนเลยหัวหน้า  เดี๋ยวเรามาเปิดฟังกัน“

“สัมภาษณ์?  เขาก็รู้กันหมดละซีว่าเราเป็นนักข่าว“

“ถามแบบไม่ให้รู้ไง  หัวหน้าไม่ต้องห่วง  ผมมีวิธี“

“ฝนก็ตามหาตัวเมียนักการเมืองคนนั้นได้แล้วเหมือนกันค่ะ“ ฝนดาวรีบเสนอขึ้นมาบ้าง “อัดเทปเอาไว้เหมือนกัน“

“ดีเลย  งั้นกินข้าวเสร็จค่อยมาเปิดฟังกัน  แล้ววันนี้ได้อะไรมากินมั่ง“

ภาวินห่วงเรื่องกินมากกว่า แต่พอแกะดูกล่องอาหารก็พบกับข้าวหน้าตาเดิมๆ  นั่นคือผัดสะตอ  แกงไตปลา  กับแกงเหลือง

“พอดีมีร้านเดียวที่ใกล้ย่านนี้มากที่สุด  และเขาทำแค่สามอย่างเอง  ฝนกลัวหัวหน้าจะรอนาน“

“ทีหลังไม่ต้องกลัว  นานแค่ไหนก็รอได้  แต่อาหารซ้ำซากนี่รับไม่ได้  เข้าใจยัง  แต่ยังไงก็อย่าให้เกินหัวละห้าสิบต่อวัน  ขาดตัวแค่นั้น  อีกอย่างเราสองคนได้กินอาหารกลางวันฟรีที่นั่นก็ดีแล้ว  ถือว่าประหยัดไป  แต่ขอให้เร่งมือช่วยกันสืบเรื่องนี้ออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด นนเองก็ต้องช่วยฝึกฝนดาวไปด้วยในตัว เพราะเป็นรุ่นพี่มีชั่วโมงบินมากกว่าอยู่แล้ว ว่าแต่คืนนี้นนมานอนค้างเป็นเพื่อนที่นี่ได้หรือเปล่า“

ประโยคสุดท้ายที่ตามติดมาเล่นเอาสองคนมองหน้ากัน  ฝนดาวตักข้าวแจกช้าๆแต่ตายังมองหน้ากานนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“หมายถึงว่าถ้ามาได้  ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร“ ภาวินเสริม

“มาได้หัวหน้า  ก็ดี  เผื่อไอ้สามตัวมันมาอีก  อยากเห็นพวกมันเหมือนกัน“ กานนรีบพูด  ตักข้าวกินไปด้วย

“วันนี้โทรถึงเพื่อนจิตแพทย์  มันมีสิ่งที่เรียกว่าเป็นอัมพาตขณะกำลังหลับ ไม่ใช่อะไร  เกิดตายไปจะได้มีคนช่วยทัน“ ภาวินโกหกตาใส

“เขาเรียกภาษาชาวบ้านว่าผีอำค่ะหัวหน้า“ ฝนดาวขัด

“เอาเรื่องผีออกไปจากการสนทนาก่อนได้ไหม เพราะจะคุยกันตามหลักวิทยาศาสตร์ล้วนๆ“ ภาวินหันไปดุ “อาการแบบนี้มันน่าจะเกิดจากการที่นอนน้อยและไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ  เช่นการเดินทางไกลรอบโลกเป็นต้น  ทีเรียกกันว่าเจ็ตแล็กนั่นแหละ“

“แค่จากกรุงเทพฯมาพังงานี่ไม่น่าจะเข้าข่ายนั้นนะคะ“

“ผลที่เกิดขึ้นคือตัวเราจะอยู่ในระหว่างการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศใหม่ๆ“ ภาวินพล่ามต่อ  ไม่สนใจกับเสียงขัดคอนั้น

“ผมเห็นมีเหมือนกัน  เคสที่คนเป็นอัมพาตตอนหลับแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาเลย“

“เขาเรียกว่านอนตายตาหลับพี่นน  ย่าฝนยังเป็น   แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนแก่ไม่ใช่หรือคะหัวหน้า“ ฝนดาวมองหน้าเจ้านาย

“แล้วพวกเราคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กัน“ ภาวินว่า

“น่าจะแค่หกสิบต้นๆนะฝนว่า  แต่ก็ดีค่ะ  ให้พี่นนมานอนเฝ้าเป็นเพื่อน  เกิดอะไรขึ้นมาจะได้มีคนทันเห็นใจ“

“เอาครับ  ผมมานอนเป็นเพื่อนหัวหน้าเอง“ กานนรับปากแข็งขัน  “เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันทัน  เพราะฝันร้ายสองคืนติดต่อกันนี่ลงไม่ค่อย จะดี“

“มารุมแช่งกันรึเปล่า“ ภาวินเสียงขุ่น

“ผมแค่เป็นห่วง  อีกอย่างเท่าที่ฟังคนในพื้นที่พูดคุยกัน ผมว่าพื้นที่นี้มัน มีอะไรแปลกๆ  ยิ่งชาวประมงสูญหายนี่เกิดขึ้นตลอดเวลาระยะหลังๆนี่  บางคนกลับมาเล่าว่าเป็นดวงไฟใหญ่  ดูดเอาเรือขึ้นไปทั้งลำก็ยังมี“

“นั่นมันในหนัง“ ภาวินขัด “จะดูดเข้าไปได้ไงทั้งลำ  ถ้างั้นก็เป็นข่าวตูมตามกันไปแล้ว  พวกเราไปได้ข่าวอะไรมาต้องเอาห้าล้านหาร  ยิ่งชาวบ้านนี่ปากต่อปากจะพูดกันไปไกลเลย  เห็นมีหลายทีแล้ว  ทำเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าไปได้“

“แล้วตกลงหัวหน้ารู้รึยังคะว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั่นคนหายเพราะอะไร  ไหนจะเครื่องบินอีก“

“บ้างก็ลือกันว่าต่างดาวไปตั้งฐานอยู่ใต้ทะเล  และเอาคนไปทดลอง“ กานนออกความเห็น

“ก็ไม่พ้นลือกันไปเลอะเทอะอีกนั่นแหละ  ทะเลมันกว้างขนาดนั้น มันก็ต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา  แค่คลองเล็กๆบ้านเราคนยังตกน้ำตาย ไม่ได้หยุดได้หย่อน  ยิ่งย่านนี้ด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางจะเป็นไปได้  ที่สำคัญเราหาหลักฐานได้แล้ว  ว่าเป็นขบวนการแหกตาประชาชน  รอเวลาที่จะเสนอข่าวแฉออกไปเท่านั้นแหละ“



Don`t copy text!