น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 4 : วิหารแห่งเทพจระเข้

น้ำไนล์ ทะเลทราย พีระมิด ตอนที่ 4 : วิหารแห่งเทพจระเข้

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

จากวิหารอาบูซิมเบลกลับมาถึงเรือรถติดหนักมาก ก็เลยใช้เวลาเดินทางร่วมสี่ชั่วโมง พวกเราที่นอนกันน้อยและโดนแดดกลางแจ้งแผดเผาอยู่พักใหญ่จึงสะโหลสะเหลกลับขึ้นเรือกันตอนบ่ายสามนิดๆ ถึงเรือแล้วต่างคนก็รีบแยกย้ายกันกลับห้องพักตัวเอง จะขอหลับสักงีบ อย่างไรโปรแกรมบ่ายนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วนอกจากพักผ่อนตามอัธยาศัย นอนมองวิวแม่น้ำจากห้องนอนที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเรือล่อง รู้จากจอที่ล็อบบี้แต่ว่าเรือจะเทียบท่าราวใกล้ทุ่ม จากนั้นเราจะได้แวะชมวิหารกันต่อ ดีเหมือนกันเพราะพอแดดร่มลมตก อากาศจะเย็นลง เดินเที่ยวสบายตัวมากขึ้น เพราะฉันอยากใช้เวลาดื่มด่ำกับศิลปะซับซ้อนและความอลังการของสถาปัตยกรรมโบราณ วิหารอะไรพวกนี้มากสักหน่อย แต่ติดที่ไม่ค่อยสู้แดดแรงๆ ได้เท่าไร ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้กลัวแดดจนไม่เป็นอันทำอะไรหรอก อุตส่าห์ได้มาเยือนดินแดนในฝันทั้งที ฉันก็อยากเก็บเกี่ยวให้เต็มที่

เรื่องหนึ่งที่ฉันมองว่าน่าสนใจเกี่ยวกับอารยธรรมอียิปต์คือการบูชาเทพเจ้าหลากหลายดังปรากฏอยู่เบื้องหลังการรังสรรค์สถาปัตยกรรมและสืบต่อความเชื่อพิธีกรรมหลายอย่างมายาวนาน เมื่อได้มาเยือนและยลความยิ่งใหญ่แต่ละเอียดลออซับซ้อนกับตาตัวเองก็ยิ่งทึ่งที่ศรัทธาความเชื่อนำไปสู่วิทยาการและสร้างสรรค์สุดมหัศจรรย์เกินจินตนาการได้

อย่างที่ได้เกริ่นมาในบทก่อนๆ บ้างแล้วว่าชาวอียิปต์โบราณบูชาเทพเจ้ากันมากมายหลายองค์ ไม่ว่าจะเป็นเทพรา เทพโอซิริส เทพีไอซิส เทพฮอรัส เทพีฮาเธอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากเหล่าทวยเทพเหล่านี้ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์แล้ว พวกเขายังบูชาเทพที่เป็นสัตว์อีกด้วย ดังจะเห็นปรากฏอยู่ในสถาปัตยกรรม ประติมากรรมต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นเทพอานูบิส ที่มีศีรษะเป็นสุนัข เทพีศีรษะสิงโตเซกเม็ต เทพีบาสเตทผู้มีศีรษะเป็นแมว เทพีฮิปโปทาเวเรต เทพจระเข้ซอเบค เป็นต้น

ดังนั้นพอได้ยินว่าเย็นนี้พอเรือเทียบท่า เราจะได้ไปชมวิหารเทพจระเข้ ฉันก็ตื่นเต้น อยากรู้ว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อบูชาจระเข้จะหน้าตาเป็นอย่างไร

การเที่ยวของพวกเราในช่วงนี้จะสบายขึ้นหน่อยเพราะไม่ต้องย้ายโรงแรมบ่อยๆ ไม่ต้องเหนื่อยจัดกระเป๋าหลายรอบ เราจะอยู่กันบนเรือเป็นหลัก เรือแวะเทียบท่าเมืองที่มีสถานที่ที่เราต้องการชมเมื่อไร ก็ลงไปชมเมื่อนั้น ดังนั้นจะมีทั้งที่ต้องตื่นเช้าตรู่ไปเลยหรือเที่ยวช่วงค่ำแดดร่มลมตก

ดังนั้น พวกเราที่ได้พักผ่อนกันมาเต็มที่ตอนกลางวัน ก็เลยจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ การไปเยือนวิหารจระเข้ของพวกเราค่ำนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะตื่นเต้น มีชีวิตชีวา

อันที่จริงมาเที่ยวช่วงหัวค่ำก็ดีไปอีกแบบ นอกจากอากาศเย็นสบายแล้ว ยังได้เห็นวิหาร Kom Ombo ในความมืดใต้แสงไฟดูลึกลับมีมนตร์ขลังไปอีกแบบ สำหรับฉันวิหารตรงหน้าก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว แต่คุณวิวบอกว่านี่ยังเบาะๆ อย่างที่เกริ่นไปแต่แรกความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมอียิปต์นั้นจะ “ตะโกน” ขึ้นเรื่อยๆ (ตะโกนในที่นี้เป็นคำแสลง หมายถึงเห็นได้ชัดมาก กรณีนี้หมายถึงแสดงความเป็นอียิปต์แบบยิ่งใหญ่ชัดเจน)

ต้องเล่าก่อนว่าเทพจระเข้นี้เป็นมาอย่างไร เทพองค์นี้มีชื่อว่าเทพซอเบค (Sobek) เป็นหนึ่งในเทพเจ้าสำคัญของอียิปต์โบราณ มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ที่มีเศียรเป็นจระเข้ และเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำไนล์ ความอุดมสมบูรณ์ การปกป้อง และอำนาจทางทหาร แต่หากพิจารณาจากบริบททางสังคมและประวัติศาสตร์ สมัยโบราณนั้นแม่น้ำไนล์มีจระเข้ชุกชุมมาก และเจ้าจระเข้นั้นก็ดุร้ายมาก คร่าชีวิตคนเดินทางสัญจรในแม่น้ำสายหลักแห่งนี้ไปมากมาย ชาวบ้านก็เลยไม่รู้จะอย่างไร ก็เลยต้องยกบูชาให้เป็นเทพเสียเลย จะได้ช่วยปกป้องชาวบ้านชาวเมืองด้วย นานวันเข้า ซอเบคก็เลยกลายเป็นเทพแห่งพลังอำนาจและการปกป้อง เนื่องจากจระเข้เป็นสัตว์ที่ทรงพลังและอันตรายในแม่น้ำไนล์ จึงสามารถมอบทั้งโชคลาภและป้องกันอันตรายได้ด้วย บางความเชื่อเล่าว่าเทพซอเบคมีส่วนช่วยให้ฟาโรห์ชนะสงครามอีกต่างหาก แสดงให้เห็นว่าเทพจระเข้นี้มีบทบาทไม่แพ้เทพองค์อื่นเหมือนกัน

พอฟังเรื่องซอเบคมาบ้างก็ทำให้พอเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นเวลาชมสถาปัตยกรรมที่นี่ จากประตูทางเข้าวิหารก็จะเห็นการแบ่ง 2 ฝั่งชัดเจนเนื่องจากถูกออกแบบให้มีความสมมาตร โดยมีสองส่วนที่แยกออกจากกันเพื่อบูชาเทพเจ้าทั้งสอง ทางซ้ายเป็นวิหารบูชาเทพฮอรัส ทางขวาเป็นวิหารบูชาเทพซอเบค ฉันเลยเริ่มจากเดินเข้าฝั่งที่เป็นวิหารเทพฮอรัสก่อน จะได้ฟังบรรยายเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมบนผนังไปด้วยในตัว และก็ต้องประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าจะเห็นเรื่องการแพทย์โบราณบนผนังวิหารที่บูชาจระเข้

ใช่… เพราะบนผนังสลักภาพเกี่ยวกับพิธีกรรม ศาสนาและการแพทย์อียิปต์โบราณมากมาย มีกระทั่งเครื่องมือผ่าตัดและการรักษาโรค ซึ่งการแพทย์กับศาสนาก็เชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

นอกจากนี้ เดิมบริเวณที่เป็นวิหารแห่งคอม ออมโบแห่งนี้เคยเป็นวิหารเบอร์ ซอเบค (Ber Sobek) ที่บูชาซอเบคองค์เดียวมาก่อน แต่ต่อมาในช่วงระหว่าง 1,400-1,300 ปีก่อนคริสตกาล ฟาโรห์ฮัตเชปซุต ฟาโรห์หญิงองค์แรกของอียิปต์ได้สร้างวิหารคอม อมโบขึ้นทับบนวิหารเบอร์ซอเบคเดิม จากนั้นก็ก็มีการขยายต่อเติมเพิ่มอีกครั้งในรัชสมัยจักรพรรดิโรมันในช่วง 81-96 ปีก่อนคริสตกาล เลยจะเห็นว่ามีโครงสร้าง แผนผังและการออกแบบที่ค่อนข้างคล้ายกับวิหารหลายๆ แห่งที่สร้างในอียิปต์ยุคกรีก-โรมัน เช่นกลุ่มวิหารแห่งฟิเล ในทะเลสาบนาสเซอร์ที่ฉันเล่าไปเมื่อตอนที่ 2

มัมมี่จระเข้

เสร็จจากวิหาร เราเดินไปพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆ เพื่อไปชมมัมมี่จระเข้กันต่อ ใช่ค่ะ มัมมี่จระเข้ คนอียิปต์โบราณเขาทำมัมมี่ให้สัตว์กันด้วย ฉันสงสัยเหมือนกันว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร

แล้วฉันก็ได้เห็นจระเข้หลากหลายไซส์เรียงรายในตู้กระจก ตัวมันแห้งแข็งเป็นสีดำดูน่ากลัวและน่าเศร้าไปพร้อมกัน มีกระทั่งซากจระเข้จิ๋วตัวเล็กกว่าฝ่ามือ ชวนให้นึกว่าเกิดมาได้ไม่ทันไรก็ถูกทำมัมมี่แล้วหรือนี่ มัคคุเทศก์ก็เสริมขึ้นพอดีว่าจระเข้จิ๋วมักจะถูกทำมัมมี่พร้อมแม่ของมัน ฟังแล้วยิ่งสงสารไปกันใหญ่

นักโบราณคดีหลายท่านวิเคราะห์ว่าการทำมัมมี่สัตว์มีหลายวัตถุประสงค์ด้วยกัน แต่เหตุผลหลักก็เพื่อบูชาเทพเจ้าตามอารามและวิหารเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้น ชาวอียิปต์โบราณนำจระเข้มาทำมัมมี่ก็เพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาเทพซอเบคให้ประทานพรแลป้องกันภยันตรายในแม่น้ำไนล์ไปในตัว

ฉันไปหาอ่านมาเพิ่มว่าเขาทำมัมมี่จระเข้อย่างไร ก็พบว่ามีกระบวนการคล้ายกับทำมัมมี่มนุษย์ แต่ต่างกันที่รายละเอียดขั้นตอนและเวลาการพักร่าง และบางครั้งจะใส่เครื่องรางหรือเครื่องบูชาไว้ข้างในด้วย

มัมมี่จระเข้

ขณะที่ดูซากมัมมี่จระเข้เยอะจนตาลายไปหมด ฉันก็คิดขึ้นมาว่าความเชื่อการบูชาเทพเจ้าและโลกหลังความตายของชาวอียิปต์โบราณนั้นช่างเข้มข้น หนักแน่นเสียจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดวิทยาการซับซ้อนอย่างการรักษาร่างด้วยการทำมัมมี่นี้เป็นแน่ และคงไม่มีมัมมี่จระเข้มากมายขนาดนี้ และที่เห็นวันนี้ที่ฉันคิดว่าเยอะแล้ว แต่วันสุดท้ายของทริปที่ไปเห็นใน The Grand Egyptian Museum นั้นแม้จำนวนจะน้อยกว่า แต่ขนาดจระเข้นั้นมหึมากว่ามาก เห็นแล้วอ้าปากค้างยิ่งกว่านี้อีก

วิหารจระเข้

ฉันเลยพูดกับเพื่อนว่าวันนี้เราซ้อมดูมัมมี่จระเข้ก่อน เดี๋ยววันสุดท้ายที่ไปพิพิธภัณฑ์ National Museum of Egyptian Civilization (NMEC) เราจะได้ดูมัมมี่ฟาโรห์กันจุใจเลย

กลับเรือไปคืนนี้ ต้องอย่าให้นอนฝันเห็นมัมมี่จระเข้ก่อนเป็นอันดับแรก

 

Don`t copy text!