Slow life in Scandinavia 3 : โคเปนเฮเกน เมืองแห่งสายฝนและแสงแดด “ฟ้าหลังฝน – บนท่าเรือสีลูกกวาด”

Slow life in Scandinavia 3 : โคเปนเฮเกน เมืองแห่งสายฝนและแสงแดด “ฟ้าหลังฝน – บนท่าเรือสีลูกกวาด”

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

เที่ยวเพลิน เดินทาง คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

วันถัดมาฟ้าเปิด อากาศแจ่มใส เป็นใจให้ได้ไปเดินเล่นรอบเมืองสมใจสักที ฉันเริ่มต้นวันสายหน่อย ให้รู้สึกไม่เร่งรีบมาก ค่อยๆ ใช้เวลาเดินเล่นเลียบท่าเรือที่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของโคเปนเฮเกนอย่าง Nyhavn (นูฮาวน์) ที่บางคนให้ฉายาว่าท่าเรือสีลูกกวาด ซึ่งเป็นภาพจำของโคเปนเฮเกนที่หลายคนเห็นตามโปสการ์ด หรือภาพในโซเชียลมีเดียหรือหนังสือท่องเที่ยว มีตึกไม้เรียงกันริมคลองทาสีสดใส บ้านหลังหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นักเขียนนิทานผู้ให้กำเนิดเจ้าหญิงเงือกน้อยและลูกเป็ดขี้เหร่

ฉันก็เพิ่งทราบตอนมาถึงว่านูฮาวน์มีอายุกว่า 300 ปี เดิมสร้างขึ้นเพราะกษัตริย์อยากให้มีคลองที่เชื่อมระหว่างทะเลกับใจกลางเมือง เพื่อให้พ่อค้าและชาวประมงเอาของมาขึ้นได้สะดวกขึ้น จึงเกิดท่าเรือแห่งนี้ขึ้น ในยุคแรกๆ นูฮาวน์ไม่ได้สวยน่ารักอย่างทุกวันนี้ หากแต่เต็มไปด้วยกะลาสี ร้านเหล้า และชีวิตกลางคืนที่ออกจะดิบสักหน่อยจนกลายเป็นย่านที่คึกคักแต่ก็ออกจะวุ่นวายหน่อยๆ

พอมาถึงยุคใหม่ๆ นูฮาวน์ถูกปรับปรุงใหม่กลายเป็นท่าเรือเก๋ๆ ที่ตึกไม้แต่ละหลังทาสีพาสเทลสดใสจนกลายเป็นมุมยอดนิยมทั่วโลก จากร้านเหล้าและเหล่ากะลาสีก็กลายเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านเบียร์ให้คนมาดื่มมานั่งชิลริมน้ำกันทั้งวัน ทุกวันนี้นูฮาวน์จึงเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และเรือเก่าๆ ที่จอดเรียงกันสวยงามไม่เหลือเค้าว่าเคยเป็นย่านดิบๆ  ช่วงที่ฉันไปถึงเป็นช่วงสาย แดดไม่แรงมาก แต่ฟ้าเปิดมีเมฆกำลังดี นักท่องเที่ยวกับคนเดนมาร์กจริงๆ เดินกันขวักไขว่คึกคัก ฉันเลยแวะถ่ายรูปรอบๆ บริเวณนี้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง

เดินเล่นเก็บบรรยากาศริมน้ำสักพัก ฉันก็เริ่มหิว พวกเราเลยกะเดินสุ่มเลือกร้านอาหารทะเลสักร้านริมให้สมกับมาเมืองท่าเรือ ก็สะดุดตากับร้านสีฟ้าขาวริมน้ำชื่อ Havfruen Seafood Bistro จัดโต๊ะน่านั่ง แถมยังได้กลิ่นอาหารทะเลทอดโชยหอมยั่วน้ำลายมาแต่ไกล เราสามคนก็เลยลงมติเป็นเอกฉันท์เลือกฝากท้องมือเที่ยงไว้ที่ร้านนี้ และก็ไม่ผิดหวัง เพราะหอยแมลงภู่ต้มซอสไวน์ขาว ปลาหมึกทอด ฟิชแอนด์ชิปส์ ลอบสเตอร์ย่าง และปลาแฮร์ริ่งรมควันอร่อยมาก เราสั่งกันเยอะด้วยความหิวและก็ทานกันเกือบไม่หมด อิ่มอร่อยในราคาที่ไม่สบายกระเป๋าเอาเสียเลย แต่มาประเทศนี้ก็ทำใจกันไว้แต่แรกค่ะ

เมืองที่ทั้งเก่าและใหม่ในเวลาเดียว

จากนั้นเราก็เดินเล่นเก็บบรรยากาศ ไม่ได้มีแพลนอะไรเป็นพิเศษ กะว่าเดินเล่นเลียบริมน้ำ ลัดเลาะตามตรอกซอกซอยดูบ้านเมืองน่ารักๆ ไปเรื่อยๆ ฉันมองว่าเสน่ห์โคเปนเฮเกนอยู่ตรงนี้แหละ เดินไปเจอโบสถ์เก่าอายุกว่าร้อยปี แต่พอหันอีกมุมก็มีตึกดีไซน์โมเดิร์นจัดอยู่ข้างๆ กันโดยไม่ขัดตาแม้แต่น้อย เมืองดูเป็นระเบียบมากๆ ทุกอย่างเหมือนถูกคิดมาแล้วว่าจะอยู่ร่วมกันยังไง ที่สำคัญคือเมืองนี้เป็นมิตรกับจักรยานมาก เกือบทุกถนนมีเลนจักรยานกว้างขวาง คนที่นี่ปั่นกันจริงจังแบบเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพ แต่ใช้ไปทำงาน ไปเรียน ไปซื้อของกันจริงๆ ฉันก็อยากลองเช่ามาปั่นบ้างแต่รู้สังขารตัวเองว่าไม่รอด เลยขอเดินและนั่งรถแทนแล้วกัน

เราเดินกันไปแบบไม่มีแพลนก็จริงแต่ก็กะจะให้ไปโผล่ที่หน้า Amelienborg หรือ พระราชวังอาเมเลียนในภายหลัง แต่ก็เดินกันเพลินไปหน่อย กว่าจะถึงพระราชวังก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว

Amelienborg คือพระราชวังหลวงกลางกรุงโคเปนเฮเกนที่ปัจจุบันเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์ก ตัวพระราชวังประกอบด้วยอาคารสี่หลังจัดเรียงรอบลานกว้างทรงแปดเหลี่ยม มีจุดเด่นอยู่ที่อนุสาวรีย์พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 ตรงกลาง ส่วนไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด (แต่ฉันเพิ่งรู้ก็เลยพลาด) คือพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ซึ่งจัดขึ้นทุกวันตอนเที่ยงหน้าลานพระราชวัง จะมีทหารในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้ม หมวกขนหมีสูงสง่า เดินสวนสนามพร้อมดนตรีบรรเลงแบบเต็มพิธีการ ถ้าวันนั้นมีสมาชิกราชวงศ์อยู่ในพระราชวงศ์ ขบวนจะยิ่งใหญ่และมีวงดุริยางค์เต็มชุด ว่ากันว่าบรรยากาศจะคล้ายๆ กับ Buckingham Palace ที่ลอนดอนแต่มีความเป็นกันเองมากกว่า

อย่างไรก็ตาม… อย่างที่ฉันเกริ่นไปว่าพิธีนี้มีตอนเที่ยง ซึ่งแปลว่าคณะฉันพลาดไปหลายชั่วโมงแล้ว แถมตัวอาคารต่างๆ ก็จะปิดไม่ให้เข้าชมแล้ว เรียกได้ว่าไปถึงแล้วก็วืดหมดอดทุกอย่าง เลยได้แต่เดินถ่ายรูปเล่นกันตรงลานแปดเหลี่ยมนี้เองค่ะ

แต่เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว พี่สาวก็เสนอว่าไหนๆ วันนี้ก็อากาศดี อีกทั้งยังมืดช้า กว่าพระอาทิตย์จะตกก็ดึกๆ โน่น ให้เราไปล่องเรือชมเมืองโคเปนเฮเกนกันดีกว่า โดยเราต้องเดินย้อนกลับไปท่าเรือตรงนูฮาวน์ มาถึงตอนนี้พวกเราก็เริ่มเมื่อยเลยเดินหลงทางไปมาแม้จะเปิดกูเกิลแมปก็ตาม กว่าจะไปถึงท่าเรือก็ใกล้หกโมงเย็น แต่ก็ทันเวลาพอดี

ตรงท่าเรือนูฮาวน์จะมีมีบริการเรือทัวร์ล่องคลองไปทั่วโคเปนเฮเกน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ  โดยจะพาไปผ่านแลนด์มาร์กใหญ่ๆ อย่างรูปปั้นเงือกน้อย พระราชวัง และ Opera House ถือว่าคุ้มมากถ้าอยากเห็นโคเปนเฮเกนในภาพรวมแบบครบครัน

ตอนฉันไปนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่เห็นแสงสีส้มอ่อนๆ ฉาบผืนฟ้าอยู่รำไรตัดกับโค้ง ขณะเรือแล่นผ่านเป็นภาพที่งามแปลกตาไปอีกแบบ ยิ่งประกอบกับความคึกคักของบ้านเมืองสองฝั่งน้ำยิ่งดูมีชีวิตชีวา ถ้าได้มาโคเปนเฮเกนฉันก็อยากแนะนำให้นั่งเรือชมเมืองสักครั้ง ได้ความรู้สึกและประสบการณ์แตกต่างจากการเดินเล่นบนบกดีเหมือนกัน

 

Don`t copy text!