หาดใหญ่ทัก…(แบบเบาๆ)

หาดใหญ่ทัก…(แบบเบาๆ)

โดย : ภัทรภร

Loading

อ่านเอาขอแบ่งปันเรื่องเล่าจากเงาสนธยา เรื่องลี้ลับจากประสบการณ์ตรงของ ภัทรภร มนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่ตระเวนเดินทางทำงานไปทั่วทิศและมักได้ของแถมเป็นการพบปะทักทายจากเหล่าเพื่อนต่างมิติ และ ทรรศิตา มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเป็นจาริกชนคนเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และมักผูกพันกับเรื่องลี้ลับบางอย่างเกินคาดเดา

 

ต่อเนื่องจาก EP แรกสาวน้อยในห้องน้ำ ที่เราเดินทางไปทำงานที่หาดใหญ่ ก็มึนงงกับน้องสาวอวบไปทีละ แต่ยังไม่จบ! เพราะเรื่องงงๆ ปนสยองยังเกิดขึ้นอีก แต่คืออันนี้ไปถึงที่งานแล้วนะ ซึ่งแน่นอนว่า ขออนุญาตไม่ระบุชื่อสถานที่นะจ๊ะ เดี๋ยวโดนฟ้อง แหะๆ

สืบเนื่องมาจากว่า งานอีเวนต์ที่ทีมงานของพวกเราไปทำนั้น จะเป็นการจัดงานในห้องประชุมขนาดใหญ่ แผนการทำงานก็คือจะต้องเซตอัพสถานที่ล่วงหน้างานประมาณสามวัน แล้วต่อด้วยวัน Show day อีกสิบวัน ซึ่งปกติแล้วในช่วงวันงาน พวกเราจะมีฐานทัพหลักอยู่ที่ด้านหลังเวทีกลางในห้องประชุม แต่ในช่วงระหว่างวันเซตอัพสามวันนั้น เวทีจะยังประกอบร่างไม่เสร็จ พวกเราก็จะอาศัยนั่งทำงานกันอยู่ในห้องวีไอพีไปก่อน แล้วค่อยย้ายออกมาหลังเวที เพื่อความสะดวก

แต่ให้บังเอิญว่ารอบนี้ แขกผู้ใหญ่จะมาล่วงหน้ากันเยอะ พวกเราก็เลยตกลงใจกันว่า อะ พวกเราไปนั่งอีกห้องกันเหอะ ห้องนี้ให้พี่ๆ เขานั่ง มันสบายกว่า… น้องๆ ก็เลยขนของมูฟไปห้องอื่นกัน ซึ่งจะมีสองห้องให้เลือกที่อยู่ด้านหลังห้องวีไอพี คือห้องแต่งตัวชายฝั่งซ้ายกับหญิงฝั่งขวา โดยทุกห้องผนังติดกัน

ห้องแต่งตัวชายเนี่ย ปีที่แล้วมา มีประวัติกันอยู่กับน้องๆ ในทีมบางคน รางวัลเลยตกเป็นของฝ่ายหญิงค่าาาา…

น้องๆ จัดโต๊ะวางข้าวของ นั่งทำงานกันไปบ้าง หลับๆ ฟุบๆ ไปบ้าง เราก็เดินไปจะเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในห้องนี่แหละ (ห้องน้ำอีกแล้ววววว) สองสาวคนดีคนเดิมผู้ผจญภัยมาด้วยกันตั้งแต่เริ่มเดินทาง  ก็เดินสวนออกมา เราเลยถามไปว่า “ห้องน้ำโอเคปะ เข้าได้ปะ”

คำตอบคือ “ได้ค่า เข้าได้ๆ ใช้ได้” คือหมายถึงใช้งานได้น่ะแหละ

พอนี่เดินเข้าไปปุ๊บ… ก็ได้กลิ่นสาบๆ ลอยมาแบบเบาๆ… แบบเบาๆ ก่อนนะ ให้วอร์มๆ…

เราก็… เอ้อ… สงสัยปิดไว้นาน มันจะมีกลิ่นน้ำค้างท่อ จะอับๆ แบบนี้แหละ แต่ก็เอ๊ะ! ทำไมกลิ่นมันแปลกๆ ไม่เหมือนกลิ่นท่อ แล้วกลิ่นมันค่อยๆ แรงขึ้นๆ คราวนี้เลยได้กลิ่นเต็มจมูกเต็มปากจนแทบสำลัก

แล้วอยู่ดีๆ ก็ขนลุกหนักมาก แบบไล่มาตั้งแต่หัว หลัง ลงไปยันข้อเท้า…

คนเคยเจออะไรแบบนี้จะเข้าใจเลยว่า มันเกิดจากอะไร!

แต่ความตลกคือ ก็นี่เข้าห้องน้ำอยู่ มันก็ลุกหนีไม่ได้ง่ะ คืออยากอธิบายว่า… กลิ่นนี้มันไม่ใช่กลิ่นสาบท่อห้องน้ำอ่ะ เพราะกลิ่นแบบนั้นเราจะคุ้นๆ กันอยู่แล้ว มันเหมือนกลิ่นอะไรตายมานานๆ แห้งๆ สาบๆ สางๆ

ไม่น่าใช่พวกหนูหรือตัวอะไรมาตายแน่ๆ คือถ้าใช่ คงมาตายอยู่บนนี้ยกฝูงอ่ะ แล้วพวกหนูตายบนฝ้าอะไรนี่ ที่บ้านก็เจอบ่อย มันคนละแบบ อันนี้กลิ่นเหมือนศพแห้งๆ สาบๆ เพราะเคยได้กลิ่นอยู่บ้าง

ในใจตอนนั้นคือ // “คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ” (ขอจังหวะเพลงของแรพเตอร์) //

แล้วตอนเข้ามา กลิ่นมันไม่ได้แรงขนาดนี้!

คืออยู่ดีๆ กลิ่นก็แรงขึ้นๆๆ แบบอบอวลไปทั้งห้องเลย จากนั้นมันเหมือนมีพลังงานอะไรไม่รู้อัดๆๆ เข้ามารอบตัวเลย มันอึดอัด หม่นๆ แน่นๆ หายใจไม่ออก

// “…แม้มองไม่เห็น แต่ฉันรู้สึกถึงเธอ…”// (จังหวะเพลง สายลม ของเจ๊คิ้ม ก็มาอีกเพลง)

//… แกร๊! มันใช่เวลามาร้องเพลงปะ… แกต้องหนีไปก่อนนนนนน!!! //

โอเค! เสร็จธุระพอดี เลยรีบวิ่งอ้าวออกมาจากห้องน้ำ

พอหันไปเจอหน้าทีมงาน ปากเราก็พูดแค่ว่า “อย่าไปเข้าห้องน้ำๆๆ เข้าไม่ได้ๆๆ”

แล้วน้ำตาก็ไหลพรากๆๆๆ เลย ไหลแบบไหลเอง สะอึกสะอื้น คือส่วนตัวนี่ไม่ได้มีความรู้สึกกลัว ตกใจ หรือเศร้าอะไรเลยนะ แต่ฟีลมันเหมือนไปรับมวลพลังงานความหม่น ความเศร้า เป็นพลังงานลบอะไรไม่รู้ที่หนักมากๆ อัดเข้ามาจนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาเอง

น้องผู้ชายหนึ่งคนในทีมงานเลยลากเราออกมาข้างนอก แล้วพูดเสียงเบาๆ ต่ำๆ ว่า

“ออกมาก่อนครับ เดี๋ยวผมมีอะไรจะบอก… ผมได้ยินน้องแม่บ้านคุยกัน… เขาบอกว่า ที่ห้องนี้… บลาๆๆๆ”

 

พอทุกคนออกมากันหมด เราตั้งสติได้ เลยเดินไปหาน้องแม่บ้าน พร้อมถามทันที “น้องคะ พี่ถามอะไรหน่อยสิ ห้องแต่งตัวหญิงนี่มันโอเคมั้ยอะ”

น้องก็หน้าซีดเลยยย กะว่าอีนี่จะคอมเพลนอะไรชั้นมั้ยนะ แต่ก็เอ่ยปาก “ใช้ได้นะคะพี่ โอเคค่ะ”

“ไม่ใช่ๆ พี่จะถามว่า มันมีอะไรหลอนๆ ใช่มั้ยคะ”

สิ้นประโยคเท่านั้นแหละ เราสังเกตว่าหน้าน้องซีดกว่าเดิม แล้วถามเรา “พี่ก็เจอแล้วเหรอคะ”

ผ่างงงงงงง!

คราวนี้ล่ะ… สนิทกันเลยจ้าแม่ ทั้งแม่บ้าน พี่รปภ พี่งานระบบ  ค่อยๆ เดินมารวมกลุ่มทีละคนๆ เล่าสารพัดเรื่องกันใหญ่ ซึ่งทุกคนที่เดินเข้ามา คำแรกที่ทักคือ “อ้าว พี่ก็เจอแล้วเหรอครับ”

ก็เลยเป็นที่มาของการยกขบวนเอาขนมและน้ำหวานไปไหว้ห้องแต่งตัวทั้งสองห้องในวันถัดไป

 

แต่ด้วยความที่เขาคงเอ็นดูพวกเราแหละ โถๆๆ ไม่น่าไปทักทายแรงๆ จนเขาตกใจ อยากปลอบขวัญอ่ะ เค้าก็เลยยกขบวนตามกลับออกมาวนเวียนแถวๆ ที่ทำงานเราด้านหลังเวทีในวันถัดๆ มา… แถมมีวนไปเช็กแขกห้องวีไอพีให้ด้วยเป็นระยะ คงกลัวคนไปหลับในห้องหรือเข้าห้องน้ำนานไปแล้วลืมออกมาทำงานมั้ง

แล้วก็อาจจะย้ายจากคานกลางฮอลล์มานั่งตรงเหนือหัวพวกเราด้วย มาแอบดูเราทำงานแหละ กลัวขี้เกียจ…เอ็นดูวววว

อยากบอกว่า อบอุ่นใจมากๆ เลยค่ะ ที่พี่ๆ เจ้าที่เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้…

อบอุ่นจนนั่งไม่ได้ จนต้องย้ายที่ทำงานออกมาตรงที่มีแสงสว่างเยอะๆ และความมาแตก ตอนที่น้องในทีมคนนึงที่ไม่ได้รู้เรื่องที่เราเจออะไรเท่าไหร่มาบอกตอนกินข้าวรอบดึกหลังเก็บของวันสุดท้ายเสร็จว่า

“พี่ๆ ผมนั่งกินข้าวหลังเวที ทำไมเหมือนมีคนเดินผ่านผมไปอะ แบบเห็นแว้บๆ มีอะไรเย็นๆ ผ่านต้นคอไป หลายครั้งแล้วนะไม่ใช่ครั้งเดียว”

ทุกคนหันมามองที่เรา ซึ่งก็ตอบเบาๆ แค่ว่า…

“อื้มมม ก็นั่นแหละ เหตุผลที่ย้ายมานั่งทำงานข้างนอกทุกวัน อยู่ตรงนั้นไม่ไหวจริงๆ หายใจไม่ออก เหมือนเค้าอยู่บนเพดาน ไม่ก็รอบๆ ตัวตลอดเลย”

 

รอบหน้ากลับไป… จะหอบของไปฝากตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงเลยค่ะ แต่อยากกินอะไร ไปบอกน้องๆ ในทีมได้นะ เด็กๆ เค้าเลือกขนมเก่งค่ะ แล้วก็พักผ่อนในห้องได้เลยนะคะ ไม่ต้องออกมาดูแลค่ะ มันจะเหนื่อย

พวกหนูจะดูแลตัวเองและทุกคนให้ดีๆ เลยค่ะ…

ด้วยความเคารพและขอบคุณเป็นอย่างสูง

 

Don`t copy text!