
อย่าลืมฉัน
โดย : ภัทรภร
อ่านเอาขอแบ่งปันเรื่องเล่าจากเงาสนธยา เรื่องลี้ลับจากประสบการณ์ตรงของ ภัทรภร มนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่ตระเวนเดินทางทำงานไปทั่วทิศและมักได้ของแถมเป็นการพบปะทักทายจากเหล่าเพื่อนต่างมิติ และ ทรรศิตา มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเป็นจาริกชนคนเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และมักผูกพันกับเรื่องลี้ลับบางอย่างเกินคาดเดา
เรื่องต่อไปนี้ เกิดขึ้นที่จังหวัดเดิมที่ไปบ่อยๆ สมัยที่ยังทำงานประจำแถวตะเข็บชายแดนน่ะแหละ
วันนั้นก็คือ ไปกันสี่คน ฉันกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงชาวพม่า พี่ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าแผนก และพี่คนขับรถ ซึ่งพวกเราต้องไปนอนค้างหนึ่งคืน แต่ก็ดันลืมจองห้องพักล่วงหน้า คือคิดกันเอาเองว่า แถวนั้นมันไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรอก ไปหาเอาข้างหน้าก็ได้
ปรากฏว่า ดันเกิดมีคณะทัวร์สายบุญมาเหมาโรงแรมกันเนืองแน่น เพราะมีเทศกาลอะไรซักอย่าง พวกเราเลยต้องตระเวนหาที่พักกันรอบเมือง
มีโรงแรมหนึ่งที่ฉันกับเพื่อนเคยมาผจญผีกันเมื่อประมาณปี 2540 ก็เลยบอกพี่คนขับรถว่า หาที่ไหนก็ได้ อย่าไปที่นี่นะ พี่เค้าก็ว่า “ได้ครับๆ” พี่ผู้ชายอีกคนเลยถามว่า “ทำไมอ่ะๆๆ”
ฉันก็เลยบอกไปสั้นๆ แค่ว่า เคยเจอผีที่นี่พี่ ลืมไม่ลงเลย…
แต่คือ ทั้งเมือง ไม่มีที่ว่างเลย จนเย็นย่ำละ สุดท้ายก็คือเหลือที่โรงแรมเดียวนี่ล่ะ ที่ตอบมาว่า มีสามห้องสุดท้ายพอดีครับพี่
ฉันกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิง ก็เลยพักด้วยกันหนึ่งห้อง ซึ่งก็อาจจะแหกกฎของที่ทำงาน แต่มันเป็นความอุ่นใจของฉันมาก ส่วนพี่คนขับรถกับพี่ผู้ชายอีกคน ก็แยกไปคนละห้อง
ห้องที่ฉันกับเพื่อนเคยไปพักแล้วเจอผี เป็นบ้านพักแยกเป็นหลังๆ อยู่ใกล้แม่น้ำ แต่รอบนี้เป็นห้องพักของโรงแรมอยู่ชั้นล่าง หัวนอนก็คือติดหน้าต่างที่เป็นทางเดินไปร้านอาหารของโรงแรมพอดี อันนี้ก็อุ่นใจอีกเปลาะ ว่าไม่น่าจะวังเวง คงมีคนผ่านไปมาทั้งคืน
กว่าจะกินข้าวเย็นเสร็จก็มืดค่ำแล้ว เลยแยกย้ายกันเข้านอน ก่อนนอนฉันก็ส่องซ้ายขวารอบห้องแล้ว
มันอึดอัดแปลกๆ ห้องเพดานค่อนข้างต่ำ มีความชื้นอวลๆ ในอากาศ หายใจไม่ค่อยสะดวก แต่ก็คิดว่า เอาแหละ เดี๋ยวเปิดแอร์ก็คงดีขึ้น เตียงในห้องเป็นเตียงเดี่ยว แบบควีนไซส์ นอนเบียดๆ กันนิดนึง ก็อุ่นใจดี
ฉันนอนฝั่งขวาของเตียง เพื่อนอยู่ทางซ้ายมือของฉัน ก่อนนอนก็สวดมนต์สารพัดบท กับวางสร้อยพระไว้ที่ข้างหมอนตามปกติ…ตานี้ นิสัยฉันผู้ชอบเปิดไฟห้องน้ำหรือไฟซักที่ไว้ หรือบางทีเปิดมันทั้งห้องเลย แต่เพื่อนร่วมห้องบอกว่า เธอต้องนอนแบบมืดสนิท.. อ่ะ ปิดก็ปิด แต่มีเพื่อนนอน ไม่ค่อยน่ากลัวหรอกมั้ง
คืนนั้น กว่าจะหลับ ฉันพลิกตัวไปมาหลายรอบมาก มันหายใจไม่สะดวก เหมือนมีมวลอากาศมากดทับตัวแปลกๆ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า เป็นเพราะความชื้นในอากาศน่ะแหละ
จนง่วงถึงขีดสุด เริ่มจะเคลิ้มหลับ ก็สะดุ้งขึ้นมา เพราะเพื่อนมาสะกิดหลังเรียก “ยูๆ หลับหรือยัง”
ฉันที่นอนตะแคงขวาอยู่ ก็หันหลังกลับมาตอบว่า “กำลังจะหลับเลย nearly ละ มีอะไรเหรอ”
เพื่อนก็บอกว่า ขอลุกไปเปิดไฟนะ ฉันก็ อ่ะ มีไรแปลกๆ ละป่ะวะ
ไฟสว่างปุ๊บ หันกลับมาคือ เพื่อนนั่งหัวฟู หน้าซีดมาก แล้วถามว่า ตอนนอนอ่ะ ยูหันหน้าไปทางไหน
ฉันบอกว่า ก็ยูสะกิดหลังฉันนี่ไง ฉันนอนหันหน้าไปทางขวา อิเพื่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ละบอกว่า
“เมื่อกี๊อ่ะ ไอก็ตะแคงขวานี่แหละ หันมาเจอหน้ายูพอดี ในความมืด ยูหันมายิ้มให้ไอด้วยอ่ะ แต่คือ ยูหันมาแต่หน้าอ่ะ ตัวยูไม่ได้หันมาด้วย ไอโคตรตกใจเลย ยูยิ้มแบบแสยะๆ ถลึงตาใส่ไอด้วย น่ากลัวชิบ..”
เอาละไง … ตานี้จะนอนยังไงล่ะ ก็เลยชวนกันเดินออกจากห้องไปที่ฟรอนท์โรงแรมแล้วบอกพนักงานกะดึกว่า
“น้องคะ ห้องพี่มันหายใจไม่ออกเลยอ่ะค่ะ มันชื้นมากกกกก พี่แพ้ความชื้นค่ะ มีห้องอื่นมั้ยคะ มีมั้ยๆ พี่ขอร้อง”
น้องพนักงานผู้ชาย เงียบไปพักนึง แล้วก็บอกว่า “จริงๆ มันมีอีกห้องครับพี่ แต่พี่อยากไปดูห้องก่อนมั้ยครับ”
ฉันก็รีบบอกว่า ไปๆ เอาห้องนั้นแหละ แต่น้องพนักงานก็ยังยืนยันว่า พี่ไปดูก่อนครับ ห้องอยู่ชั้นสอง
เราก็พากันเดินขึ้นไปข้างบน ดูนาฬิกาตอนนั้นน่าจะประมาณตีสองกว่าๆ
พอน้องพนักงานเปิดไฟในห้องสว่างพรึ่บ ฉันกับเพื่อนก็เลยเดินเข้าไปสำรวจ
เป็นห้องพักที่เป็นไม้สักทั้งห้อง ห้องกว้างมากชนิดที่น่าจะนอนได้สิบคน เครื่องเรือนทุกชิ้นเป็นไม้ กระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งก็ทำจากไม้ฉลุลายแบบโบราณ มีเสาอยู่กลางห้องด้วย…
แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ เมื่อฉันเดินไปมองที่เสา มีสายสิญจน์พันไว้รอบเสา แล้วโยงไปรอบห้อง โดยเฉพาะที่ประตู มียันต์สีแดงแปะไว้เหนือวงกบด้านบน และที่ตัวเสาเองก็มีอะไรซักอย่างเหมือนน้ำมันสีน้ำตาลอมแดงไหลออกมาจากด้านบนของเสา
ฉันเลยถามน้องว่า อันนี้สายสิญจน์อะไรคะ น้องพนักงานเงียบไปสามวิ ก่อนจะตอบว่า ทำบุญครับ
โอเค รู้เรื่อง… “ไม่เป็นไรค่ะ พี่กลับไปนอนห้องเดิมก็ได้”
พอลงมา เพื่อนร่วมห้องก็เอาแต่ถามว่า ทำไมๆๆ ทำไมยูไม่เอาห้องนั้น มันกว้างดีนะ เพดานก็สูง ห้องก็สวย
เลยหันกลับไปจับมือเพื่อนแล้วบอกว่า “ยูไม่รู้จักสายสิญจน์กับยันต์แบบนั้นสินะ เพราะยูไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแบบไอ คือมันเป็นการทำบุญ แบบว่า ป้องกันไม่ให้อะไรบางสิ่งบางอย่างออกมาจากเสาและจากห้องนั้นน่ะยู” เพื่อนร่วมงานฉันหุบปากทันที แล้วบอกว่า… “งั้นคืนนี้ เรานอนเปิดไฟกันก็ได้นะ ไอว่ามัน Feel safe กว่าเยอะเลย”
สรุป เราสองคนก็ตื่นเช้ามาแบบหัวฟู หน้าซีด ขอบตาดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า พอหอบร่างออกไปกินอาหารเช้า ก็พบพี่หัวหน้าที่โผล่มาในสภาพไม่ต่างกัน…
“เอ้าพี่ ทำไมหน้าตาเป็นงั้นอ่ะ” ฉันถามออกไป
“โอย แก นอนไม่ได้เลย โดนผีอำทั้งคืน นี่ขนาดว่าพยายามเปิดทีวีไว้นะ เขาบอกว่าเปิดไว้มันจะมีคลื่นที่ไปทำให้วิญญาณรวมพลังงานเป็นร่างมาให้เราเห็นไม่ได้ ที่ไหนได้ มากันเต็มห้องเลยเว้ย พี่เลยวิ่งออกไปห้องพี่คนขับรถ จะไปขอนอนด้วย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู สุดท้ายก็ต้องกลับไปเปิดไฟทั้งห้องแล้วนั่งยันเช้าเลยเนี่ย”
พี่คนขับรถก็รีบตอบกลับว่า “ผมไม่รู้นี่ครับว่าจะใช่พี่จริงๆ หรือเปล่า กลางดึกเค้าว่าใครมาเรียกอย่าตอบรับ แล้วอีกอย่างผมนอนแก้ผ้าด้วยครับ เค้าบอกว่า นอนแก้ผ้าผีจะไม่กล้ามาหลอก จะให้ผมออกมาเปิดประตูได้ยังไง”
พี่หัวหน้าเลยหันมาบอกฉันว่า “แก ที่นี่มันทำให้ลืมไม่ลงสมชื่อจริงๆ ว่ะ อย่าลืมฉัน ของจริงของแท้เลย ลืมไม่ลงแน่ๆ สาบาน”
ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ไม่รู้นะว่าที่นั่นยังอยู่ดีมั้ย เหล่าผีและวิญญาณต่างๆ จะไปเกิดกันหมดหรือยัง เพราะได้ข่าวว่าเมืองนั้นเจริญขึ้นมากๆ มีนักท่องเที่ยวไปเยอะขึ้นมาก จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิต
ก็ได้แต่หวังว่าบุญที่เคยทำส่งไปให้ จะช่วยให้พวกเขาได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องคอยแวะมาต้อนรับแขกตามห้องพักอีกนะ…สาธุ
- READ อย่าลืมฉัน
- READ ทุ่งกุลากับเสียงเรียกในยามวิกาล
- READ ดอนปู่ตา
- READ ผีไล่ควาย
- READ ผีต้นบากใหญ่
- READ พรายหนองโหง
- READ วิญญาณออนไลน์
- READ ร่างวิญญาณ
- READ ปอบผีสาว
- READ เปรตหนองขี้ทูด
- READ ดงหนองแสง
- READ ถนนสายนี้...ผีดุ (ภาค 2)
- READ ถนนสายนี้...ผีดุ (ภาค 1)
- READ บึงผีพราย
- READ คืนไล่ผีปอบ
- READ โรงแรมเด็กหัวโต
- READ สังขละบุรีในตำนาน (ตอนที่ 2)
- READ สังขละบุรีในตำนาน (ตอนที่ 1)
- READ หาดใหญ่ทัก...(แบบเบาๆ)
- READ สาวน้อยในห้องน้ำ
- READ เหตุเกิดที่ทองผาภูมิ #3
- READ โรงเรียนวิญญาณหลอน
- READ ผีสางนางน้ำบ่อ
- READ เหตุเกิดที่ทองผาภูมิ #2
- READ เหตุเกิดที่ทองผาภูมิ #1
- READ ว่านผีโพง